“กาแฟ” เครื่องดื่มยอดนิยมของคนวัยทำงาน เพราะกาแฟช่วยให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ทำให้เราตื่นตัวและรู้สึกง่วงน้อยลง นอกไปจากนี้แล้วกาแฟยังมีประโยชน์อีกมากมาย ทั้งช่วยเร่งระบบเผาผลาญในร่างกาย ช่วยบรรเทาความเครียดและมีส่วนช่วยลดอาการปวดหัวจากไมเกรน แต่ถึงจะเห็นว่ากาแฟมีประโยชน์มากมายแบบนี้ ก็ใช่ว่าเราจะดื่มกาแฟได้เยอะแค่ไหนก็ได้ เพราะหากเราดื่มกาแฟมากเกินไปจนได้รับคาเฟอีนเกินขนาดก็จะกลายเป็นโทษ ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่างๆ ตามมาได้ วิธีดื่มกาแฟที่ถูกต้องเป็นอย่างไร ควรดื่มกาแฟตอนไหน? ดื่มกาแฟได้วันละกี่แก้ว? มาดูคำตอบไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ 7 เคล็ดลับดื่มกาแฟอย่างไรให้ถูกต้อง ดีกับร่างกาย ได้ประโยชน์เน้นๆ ดื่มกาแฟไม่เกินวันละ 3-4 แก้ว (แก้วขนาด 150 ml.) ปริมาณคาเฟอีนที่ร่างกายรับได้ ไม่ควรเกินวันละ 400 มิลลิกรัม/วัน หากร่างกายได้รับคาเฟอีนมากเกินไป จะทำให้หัวใจสั่นเร็ว (โดยเฉพาะในกลุ่มที่ป่วยเป็นโรคความดันสูงอยู่แล้วจะยิ่งอันตรายมาก) เกิดอาการกระสับกระส่าย ปวดหัว เสี่ยงต่อภาวะร่างกายขาดน้ำ และนอนไม่หลับกาแฟสำเร็จรูป 1 ช้อนชามีคาเฟอีนประมาณ 50-80 มิลลิกรัมกาแฟชงสด 1 แก้ว มีคาเฟอีนประมาณ 100-120 มิลลิกรัมกาแฟกระป๋อง 1 กระป๋อง มีคาเฟอีนประมาณ 150-160 มิลลิกรัม ดื่มกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล อย่างอเมริกาโน เอสเพรสโซ่ จะดีกับร่างกายมากกว่า สำหรับใครที่ดื่มกาแฟดำไม่ไหว ก็อาจเปลี่ยนเป็นสูตรหวานน้อย ใช้นมถั่วเหลืองหรือนมไขมันต่ำแทนนมทั่วไป หรือใช้หญ้าหวานเป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลเพื่อลดปริมาณแคลอรีส่วนเกิน ไม่ดื่มกาแฟครั้งละมากๆ ควรแบ่งดื่มเป็นครั้งๆ ไป ทิ้งห่างกันประมาณ 2-3 ชั่วโมง/แก้ว การที่ร่างกายได้รับคาเฟอีนจำนวนมากในครั้งเดียว ไม่ได้ส่งผลให้เราตื่นตัวมากยิ่งขึ้น ระดับการออกฤทธิ์ของคาเฟอีนยังคงเท่าเดิม ในขณะเดียวกันคาเฟอีนปริมาณมากจะทำให้เรารู้สึกมึน งง ปวดหัวมากกว่าเก่า หลายๆ คนที่ชอบดื่มกาแฟแก้วโตๆ รวดเดียวเป็นประจำจะต้องเคยเจออาการปวดหัว มึน ง่วงทั้งๆ ที่ดื่มกาแฟไปตั้งมากอย่างแน่นอน หลังดื่มกาแฟเสร็จควรดื่มน้ำตามมากๆ ป้องกันภาวะร่างกายขาดน้ำ เพราะสารคาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นระบบขับปัสสาวะของไต ทำให้เราปัสสาวะบ่อยขึ้น หากดื่มน้ำน้อยเกินไปอาจเสี่ยงทำให้ร่างกายขาดน้ำได้ ไม่ควรดื่มกาแฟในช่วงที่ท้องว่าง เพราะในช่วงที่ท้องว่าง ปริมาณกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะจะเพิ่มมากขึ้น เมื่อเราดื่มกาแฟในช่วงที่ท้องยังว่าง สารคาเฟอีนจะยิ่งเข้าไปกระตุ้นให้กระเพาะอาหารมีสภาพความเป็นกรดมากกว่าเก่าและอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารได้ ทางที่ดีควรดื่มกาแฟคู่กับอาหารสักเล็กน้อย เช่น ถั่ว ขนมปัง กล้วย ฯลฯ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคแผลในกระเพาะอาหารยิ่งไม่ควรดื่มกาแฟในขณะที่ท้องว่าง ดื่มกาแฟห่างจากเวลาเข้านอนอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง หากดื่มกาแฟในช่วงก่อนเข้านอนจะทำให้นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท และเมื่อตื่นเช้ามาอาจมีอาการปวดหัว ไม่สดชื่นอีกด้วย ใครที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ ควรรับประทานอาหารที่เพิ่มแคลเซียมให้กับร่างกายด้วยค่ะ เพราะสารคาเฟอีนมีส่วนยับยั้งการดูดซึมแคลเซียมในร่างกาย นานวันไปอาจทำให้กระดูกเปราะ ไม่แข็งแรง และเสี่ยงต่อการเกิดภาวะกระดูกพรุนในวันที่แก่ตัวลงได้ คนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำทุกวันจึงควรเติมแคลเซียมด้วยการดื่มนม โยเกิร์ต กินถั่วและธัญพืช เนื้อสัตว์ และผักใบเขียวอยู่เป็นประจำ วิธีดื่มกาแฟดำ ให้ดีต่อสุขภาพยิ่งกว่าของผู้เขียน ตัวผู้เขียนเองเป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจเลยค่ะ หลงรักทั้งรสชาติขมกลมกล่อมของกาแฟ และชอบผลลัพธ์หลังการดื่มที่ช่วยให้เราตื่นตัว ไม่ง่วงหลังตื่นนอน ซึ่งแต่ก่อนก็เคยติดกาแฟรสหวาน แถมยังดื่มวันละหลายๆ แก้วเลยด้วย โดยเฉพาะในช่วงที่นั่งทำงานไปเรื่อยๆ พร้อมจิบกาแฟไปพลาง รู้ตัวอีกทีก็หมดไป 3-4 แก้ว พอเริ่มรู้ตัวว่าดื่มกาแฟมากไป ดื่มกาแฟผิดวิธีอยู่ ผู้เขียนจึงเริ่มปรับวิธีการดื่มกาแฟให้ดีต่อสุขภาพมากยิ่งขึ้นดังนี้ค่ะ หัดดื่มกาแฟดำตั้งแต่ครั้งแรกๆ ที่ดื่มกาแฟ ตรงนี้อาจจะดูโหดไปสักเล็กน้อย แต่การไม่ปล่อยให้ตัวเองไปติดกับรสชาติหวานมัน ที่มากับกาแฟได้ไวเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีกับเรามากเท่านั้น (ตรงนี้ไม่ได้หมายความว่ากาแฟที่ไม่ใช่กาแฟดำจะไม่ดีนะคะ ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนเลย แต่เลือกดื่มกาแฟดำจะช่วยลดแคลอรีส่วนเกินที่มากับน้ำตาล นม ครีม หรือครีมเทียมลงไปได้เยอะเลย) หัดดื่มแบบขมๆ ไปก่อนเลยใช้เวลาปรับตัวไม่นานก็ชินค่ะ โดยเริ่มแรกให้หัดดื่มด้วยการใช้กาแฟแบบผงชงเองก่อน ใช้น้ำ 1 แก้วต่อกาแฟ 1 ช้อนชา แล้วค่อยๆ เพิ่มความเข้มขึ้นมาทีละนิด แต่สำหรับใครที่ลองดื่มแบบนี้แล้วรู้สึกใจสั่น กระสับกระส่ายและปวดหัว ก็อาจจะไม่เหมาะกับการดื่มกาแฟดำค่ะ ดื่มน้ำเปล่า 1 แก้ว ก่อนดื่มกาแฟในตอนเช้า มีบางวันที่ตื่นเช้ามาก็ยังไม่อยากกินอะไรเลยค่ะ แต้จะดื่มกาแฟลงไปเพียวๆ เลยก็กลัวว่าจะปวดท้อง ผู้เขียนจะใช้วิธีดื่มน้ำ (อุณหภูมิห้อง) 1 แก้วใหญ่ เข้าห้องน้ำทำธุระให้เสร็จสรรพ จากนั้นจึงค่อยชงกาแฟดื่ม หรือเช้าไหนที่มีเวลา หรือหิวๆ ขึ้นมาหน่อย ก็จะดื่มกาแฟ พร้อมกับกล้วย ฟักทองนึ่ง มันนึ่ง ถั่วต้ม เพราะรู้สึกว่ารสชาติเข้ากันดีค่ะกำหนดโควตาดื่มกาแฟไม่เกินวันละ 2 แก้ว โดยจะเริ่มดื่มแก้วแรกตอนเช้าตรู่เลยค่ะ เว้นช่วงไป 2-3 ชั่วโมง จะเริ่มดื่มอีกแก้วตอนสายๆ ก่อนเริ่มทำงาน เพื่อปลุกให้สมองตื่นตัวอีกครั้ง หรือหากวันไหนไปซื้อกาแฟสดจากร้านก็จะดื่มแค่เพียง 1 แก้วเท่านั้นค่ะ ไม่ชงเพิ่มอีก และผู้เขียนจะพยายามไม่ดื่มกาแฟในช่วงบ่าย เพราะรู้สึกว่าวันไหนที่ดื่มกาแฟตอนบ่ายๆ จะง่วงนอนช้า และรู้สึกว่าหลับไม่เต็มอิ่มดื่มน้ำให้ได้มากกว่า 2 ลิตรต่อวัน เรื่องการดื่มน้ำอย่างไรก็เป็นสิ่งสำคัญค่ะ ปกติผู้เขียนจะดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อย 2 ลิตร/วันอยู่แล้ว จึงช่วยเติมน้ำเข้าร่างกายในช่วงที่ต้องดื่มกาแฟไปด้วยในตัวเพื่อนๆ คนไหนที่เป็นคอกาแฟเหมือนกัน ลองเอาทั้ง 7 เคล็ดลับที่ผู้เขียนรวบรวมมาฝากกันไปปรับให้ดูนะคะ รับรองว่าจะเอ็นจอยกับการดื่มกาแฟมากยิ่งขึ้น ดื่มกาแฟได้อย่างสบายใจ ไม่เสียสุขภาพแน่นอน ใครที่หลงใหลในงานเขียน ชอบแบ่งปันเรื่องราวดีๆ สาระน่ารู้ให้กับคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น ผลงานเพลง หรือจะเป็นละครดังหนังฮิต สามารถสมัครเข้ามาเป็นทรูคอนเทนต์ครีเอเตอร์ได้เลยตอนนี้ คลิก>> https://bit.ly/3NKP71j มาสนุกไปกับงานเขียนและการบอกเล่าเรื่องราวไปด้วยกันนะคะ #TrueIDCreatorWorkshop ภาพประกอบทั้งหมดจาก canvaภาพปกบทความ : ภาพที่ 1 โดย Billion Photos / ภาพที่ 2 โดย Moose / ภาพที่ 3 โดย Billion Photos / ภาพที่ 4 โดย Billion Photos / ภาพที่ 5 โดย Nunnicha's Images / ภาพที่ 6 โดย DAPA Images / ภาพที่ 7 โดย Bali Studio แต่งด้วย canvaภาพเนื้อหาบทความ : ภาพที่ 1 โดย Gpoint Studio / ภาพที่ 2 โดย Stopboxstudio / ภาพที่ 3 โดย pixelshot / ภาพที่ 4 โดย Mckyartstudio / ภาพที่ 5 โดย chendongshan / ภาพที่ 6 โดย Noğman Hatice from Pexels / ภาพที่ 7 โดย bit245 / ภาพที่ 8 โดย ผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !