หน้าร้อนมาเมื่อไหร่ “มะม่วง” ก็ต้องตามมาให้ชื่นใจกันเมื่อนั้น โดยเฉพาะเมนูของหวานยอดนิยมจากมะม่วงอย่างข้าวเหนียวมะม่วง ไอศกรีมมะม่วง หรือสมูทตี้มะม่วงก็อร่อยชื่นใจ นอกไปจากรสชาติที่หวานอร่อยแล้วนั้น มะม่วงยังเป็นผลไม้ที่มีประโยชนแฝงอยู่มากมาย มะม่วงมีประโยชน์อย่างไรบ้าง มะม่วง กินแล้วอ้วนไหม? มาดูกันเลยค่ะ มะม่วง ผลไม้รสหวานถูกใจคนทั่วโลก มาส่องประวัติมะม่วงกันแบบชัด ๆ มะม่วงจัดเป็นไม้ยืนต้น ที่สูงได้ 10-13 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว สีเขียวเข้มและหนา ขอบใบมน ปลายของใบจะเรียวแหลม มะม่วงจะติดดอกเป็นช่อ แล้วเริ่มติดผลในช่วงเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม และจะเริ่มมีการเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน (สำหรับมะม่วงภาคกลาง) ซึ่งก็จะตรงกับหน้าร้อนพอดี โดยมะม่วงเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศอินเดีย บังกลาเทศ และมีการกระจายพันธุ์ไปสู่หลาย ๆ ประเทศในเขตร้อน เช่น พม่า ไทย จีน อินโดนีเซีย เม็กซิโก เป็นต้น มะม่วงที่ระดับความสุกต่างกัน ก็จะมีแคลอรีที่ต่างกันเล็กน้อย หากเทียบในปริมาณที่เท่ากัน เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ ปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 60 kcal มะม่วงน้ำดอกไม้ดิบ 100 กรัม ให้พลังงาน 79 kcal มาดูคุณค่าทางสารอาหารของมะม่วงกันบ้างดีกว่าค่ะ มะม่วง (เฉพาะเนื้อ) 1 ถ้วย ประมาณ 165 กรัมให้พลังงาน 107 kcalคาร์โบไฮเดรต 25 กรัมโปรตีน 1.4 กรัมไขมัน 0.6 กรัม น้ำตาล 23 กรัมเส้นใยอาหาร 2.6 กรัม นอกไปจากนี้ในมะม่วงยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี โฟเลต โพแทสเซียม ซึ่งมีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมายเลยล่ะ คุณประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ใน “มะม่วง” ผลไม้เนื้อสุกงอมหอมหวาน มะม่วงเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยน้ำตาลธรรมชาติ และชุ่มน้ำ จึงช่วยดับกระหายคลายร้อน ทำให้ร่างกายชุ่มชื้นขึ้นได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ก็ควรระมัดระวังปริมาณการกินมะม่วงให้ดี เพราะอาจทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับน้ำตาลในเลือดได้มะม่วงช่วยบำรุงสายตา เพราะในมะม่วงมีวิตามินเอ ที่ช่วยบำรุงระบบประสาทการมองเห็น ช่วยลดอาการตาพร่ามัวจากการใช้สายตาหนัก ๆ ป้องกันจอประสาทตาเสื่อม ช่วยลดปัญหาตาบอดตอนกลางคืนวิตามินซีในมะม่วงช่วยบำรุงร่างกาย ทั้งช่วยเสริมสร้างระบบภูมิต้านทานให้แข็งแรง ทำให้เราป่วยยาก ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ลดอาการอักเสบภายใน มะม่วงช่วยบำรุงผิวพรรณ เพราะวิตามินซีในมะม่วงเป็นสารที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ๆ ในชั้นผิวได้เช่นเดียวกัน เมื่อคอลลาเจนเยอะขึ้น ผิวก็จะยืดหยุ่น เปล่งปลั่ง สุขภาพดีมะม่วงช่วยย่อยอาหาร และกระตุ้นระบบการขับถ่าย เพราะในมะม่วงมีเส้นใยอาหารสูง (Fiber) ช่วยลดอาการท้องอืด แน่นท้อง ถ่ายไม่ออกมะม่วงช่วยบำรุงหัวใจ เพราะในมะม่วงมีแมกนีเซียมและโพแทสเซียม ที่มีบทบาทสำคัญของการทำงานของกล้ามเนื้อ ที่รวมไปจนถึงควบคุมการหด-ยืด ของกล้ามเนื้อหัวใจ ส่งผลให้หัวใจทำงานได้อย่างปกติ มีสุขภาพหัวใจที่ดี มะม่วง กินแล้วอ้วนไหม?คำตอบคือ ถ้ากินแต่พอดี อย่างไรก็ไม่ทำให้อ้วนอย่างแน่นอนค่ะ เพราะมะม่วงถึงแม้จะเป็นผลไม้ที่มีรสค่อนข้างหวาน มีน้ำตาลสูง แต่ก็เป็นอาหารจากธรรมชาติ ที่เต็มไปด้วยเส้นใยอาหาร วิตามินและเกลือแร่อื่น ๆ ที่ดีต่อร่างกาย โดยสำหรับเรากินมะม่วงครั้งละครึ่งผล ประมาณ 100 กรัม (ให้พลังงานประมาณ 80-90 kcal) ก็นับว่าเป็นปริมาณที่พอเหมาะ ไม่มากจนเกินไป กินมะม่วงอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพจำกัดปริมาณการกินให้เหมาะสม ให้ดีเลยคือหยิบเฉพาะที่จะกินมาเป็นส่วน ๆ ไม่กินเพลินไปเรื่อย ๆ ผู้ที่มีภาวะเบาหวาน น้ำตาลในเลือดสูง หรือผู้สูงอายุ ไม่ควรทานมะม่วงมากเกินไป โดยคำแนะนำสำหรับบุคคลกลุ่มนี้คือ ควรกินมะม่วงครั้งละไม่เกิน 1 ผล สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ทั้งนี้ควรกินอาหารตามคำแนะนำของแพทย์ประจำตัวจะดีที่สุดระวังเครื่องเคียงที่มากับมะม่วงให้ดี ทั้งข้าวเหนียวมูน ไอศกรีม เครื่องจิ้มต่าง ๆ เช่น พริกเกลือ น้ำปลาหวาน กะปิหวาน เป็นต้น เพราะเครื่องเคียงเหล่านี้มีปริมาณแคลอรีค่อนข้างสูง ภาพหน้าปก: ภาพที่1 โดย romiximage จาก canvaภาพเนื้อหา : ภาพที่1 โดย HemantPhotographer จาก canva / ภาพที่ 2-4 โดย ผู้เขียนอยากผอมหุ่นดี อยากมีซิกแพค หาอินสปายลดน้ำหนัก เข้าร่วมด่วนที่ฟิตแอนด์เฟิร์มคอมมูนิตี้