9 วิธีดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล สำหรับผู้ประสบภัยน้ำท่วม ทำไงดี อ่านต่อเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล เมื่อวิกฤติน้ำท่วมมาถึง การดูแลตัวเองและคนในครอบครัวให้ปลอดภัย ถือเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกที่เราต้องให้ความใส่ใจนะคะ เพราะสถานการณ์เช่นนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ความไม่สะดวกในการเดินทางเท่านั้น แต่ยังแฝงไปด้วยอันตรายที่มองไม่เห็นมากมาย ทั้งสิ่งปนเปื้อนที่มากับน้ำ สัตว์มีพิษ และอันตรายจากไฟฟ้าที่อาจถึงแก่ชีวิตได้ การที่เราเรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางดูแลตัวเอง จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นเหมือนเกราะป้องกันที่ช่วยให้เราสามารถรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีสติและปลอดภัยที่สุดค่ะ ในสถานการณ์จริงนั้น แนวทางต่างๆ จะเป็นเหมือนเครื่องมือที่ช่วยปกป้องเราในหลายๆ ด้าน ที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของความเจ็บป่วย ช่วยลดโอกาสในการได้รับบาดเจ็บหรือสัมผัสกับสิ่งสกปรกโดยตรง นอกจากนี้บางแนวทางช่วยให้เราเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่เสี่ยงได้อย่างทันท่วงทีและปลอดภัย ดังนั้นการทำความเข้าใจและนำแนวทางในบทความนี้ไปปฏิบัติอย่างจริงจัง จะเป็นการเตรียมพร้อมที่ดีที่สุดที่จะช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างเข้มแข็งค่ะ และต่อไปนี้คือวิธีดูแลตัวเราเองในช่วงวิกฤตน้ำท่วมนะคะ 1. ดื่มและใช้น้ำสะอาดเท่านั้น วิกฤติน้ำท่วมเป็นเรื่องที่หนักหนาและกระทบการใช้ชีวิตของเราอย่างมาก แต่ท่ามกลางความยากลำบากนี้ การดูแลตัวเองและคนรอบข้างให้ปลอดภัยคือสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะเรื่องน้ำที่เป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิตค่ะ ซึ่งเราควรตระหนักเสมอว่า แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่ขาดแคลน และการดื่มและใช้น้ำสะอาดเท่านั้นคือกฎเหล็กที่ไม่ควรละเลย เพราะน้ำที่ท่วมขังมีการปนเปื้อนจากสิ่งสกปรกต่างๆ ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วย การป้องกันและเลือกใช้แต่น้ำที่มั่นใจว่าสะอาด ทั้งน้ำดื่มบรรจุขวด หรือน้ำที่ผ่านการต้มสุกแล้ว จึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและดีที่สุดในการปกป้องสุขอนามัยของเราจากอันตรายที่มองไม่เห็นในช่วงวิกฤตินี้นะคะ 2. ล้างมือให้บ่อยที่สุด เนื่องจากน้ำที่ท่วมขังเต็มไปด้วยสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ที่มองไม่เห็น การสัมผัสสิ่งของที่เปียกน้ำหรือการเดินลุยน้ำโดยไม่ตั้งใจ อาจทำให้สิ่งก่อความเจ็บป่วยในคนเราติดมือและแพร่กระจายเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย การล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนกินอาหารหรือหลังจากทำกิจกรรมต่างๆ จึงเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและมีประสิทธิภาพในการป้องกันตนเองจากความเจ็บป่วยต่างๆ ดังนั้นการใส่ใจในเรื่องเล็กๆ อย่างการล้างมือนี้ จะช่วยให้เราปลอดภัยและมีสุขอนามัยที่ดีท่ามกลางวิกฤติน้ำท่วมได้ค่ะ 3. รักษาความสะอาดของอาหาร ช่วงที่น้ำท่วมหลายคนอาจต้องเผชิญกับความยากลำบาก ในการหาอาหารและน้ำดื่มที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขอนามัยของเรา และการใส่ใจในเรื่องความสะอาดของอาหาร จึงเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษค่ะ เพราะอาหารที่ปรุงไม่ถูกสุขลักษณะหรือเก็บรักษาไม่ดีพอ มักเป็นแหล่งสะสมของสิ่งปนเปื้อนจากสิ่งแวดล้อมได้ ที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ง่ายในทันทีและภายหลัง ซึ่งจะยิ่งทำให้ร่างกายอ่อนแอลงในสถานการณ์ที่ลำบากอยู่แล้ว ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการเลือกอาหารแห้งที่บรรจุภัณฑ์ปิดสนิท การปรุงอาหารให้สุกด้วยความร้อนสูง และการหลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารที่สัมผัสกับน้ำท่วมโดยตรง ล้วนเป็นแนวทางง่ายๆ ที่ช่วยให้เราปลอดภัยและมีสุขอนามัยที่แข็งแรงตลอดช่วงเวลาวิกฤตินะคะ 4. เฝ้าระวังความเจ็บป่วยที่มากับน้ำท่วม หลายคนยังมองภาพไม่ออกว่า เมื่อน้ำท่วมสิ่งที่มาพร้อมกับน้ำคือจุลินทรีย์และสิ่งปนเปื้อนต่างๆ ที่มักเป็นสาเหตุของความเจ็บป่วยได้หลายอย่าง ซึ่งการเฝ้าระวังความเจ็บป่วยจึงเป็นเรื่องที่มองข้ามไม่ได้ เราควรสังเกตอาการผิดปกติของตัวเองและคนรอบข้างอย่างสม่ำเสมอ หากพบอาการที่น่าสงสัย ควรรีบปรึกษาแพทย์หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขโดยเร็ว เพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที การเตรียมพร้อมและใส่ใจในเรื่องสุขอนามัย จะช่วยให้เราผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้ด้วยความปลอดภัยค่ะ 5. สวมเครื่องป้องกันให้เหมาะสม คุณผู้อ่านรู้ไหมคะว่า ในภาวะวิกฤติน้ำท่วมนั้น การดูแลตัวเองให้ปลอดภัยถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และการสวมเครื่องป้องกันให้เหมาะสม ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุได้ เพราะการเดินลุยน้ำที่สกปรกเต็มไปด้วยสิ่งสกปรกและสิ่งของมีคมที่มองไม่เห็นนั้น ถือว่าเป็นอันตรายอย่างมาก ดังนั้นการสวมรองเท้าบู๊ทกันน้ำ จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยป้องกันเท้าของเรา จากบาดแผลและสิ่งก่อความเจ็บป่วยต่างๆ ได้ ส่วนการสวมถุงมือก็ช่วยลดการสัมผัสปัจจัยชักนำมาซึ่งความเจ็บป่วยโดยตรงได้เช่นกัน ซึ่งการป้องกันตัวเองด้วยอุปกรณ์ง่ายๆ เหล่านี้จะช่วยปกป้องเราจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้น และช่วยให้เราผ่านพ้นสถานการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างปลอดภัยค่ะ 6. ต้องจัดการขยะและสิ่งปฏิกูลอย่างเหมาะสม เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วม การจัดการขยะและสิ่งปฏิกูลเป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามค่ะ เพราะสิ่งเหล่านี้มักเป็นแหล่งสะสมของสิ่งก่อความเจ็บป่วยในคนได้ และดึงดูดสัตว์พาหะนำอย่างหนูและแมลงต่างๆ มาได้อีกด้วย ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อสุขอนามัยของเราได้ง่าย การจัดการขยะอย่างเหมาะสมในที่นี่ คือการรวบรวมขยะในถุงพลาสติกที่มัดปากถุงให้แน่นหนา และนำไปทิ้งในจุดที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้ให้ เพื่อป้องกันไม่ให้ขยะปนเปื้อนกับน้ำท่วมและแพร่กระจายสิ่งปนเปื้อนสู่สภาพแวดล้อมค่ะ นอกจากนี้ควรมองหาวิธีจัดการสิ่งปฏิกูลอย่างถูกสุขลักษณะ เช่น การใช้ห้องน้ำชั่วคราวที่ถูกสุขอนามัย หรือปรึกษาหน่วยงานในพื้นที่เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม ซึ่งการดูแลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะช่วยให้เราและคนในชุมชนปลอดภัยจากความเจ็บป่วยต่างๆ และช่วยรักษาสภาพแวดล้อมให้ถูกสุขอนามัยมากขึ้นได้นะคะ 7. ระมัดระวังอันตรายจากไฟฟ้าและสัตว์มีพิษ ในสถานการณ์น้ำท่วมที่ทุกอย่างดูวุ่นวายและเต็มไปด้วยความลำบาก สิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือ อันตรายที่มองไม่เห็นอย่างไฟฟ้าและสัตว์มีพิษค่ะ ซึ่งมักจะมาพร้อมกับน้ำท่วมเสมอ โดยเราต้องระมัดระวังการเดินลุยน้ำโดยไม่สวมรองเท้าป้องกัน เพราะอาจเหยียบถูกสิ่งของมีคม หรือสัตว์มีพิษที่หนีน้ำมาหลบซ่อนอยู่ตามซอกหลืบได้ นอกจากนี้อันตรายจากกระแสไฟฟ้าที่รั่วไหล ก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวไม่แพ้กัน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสอุปกรณ์ไฟฟ้าหรือสายไฟที่เปียกน้ำ และหากเป็นไปได้ควรรีบตัดกระแสไฟฟ้าในบ้านเพื่อความปลอดภัย การตื่นตัวและใส่ใจในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะช่วยให้เราและครอบครัวปลอดภัยจากอันตรายที่คาดไม่ถึงท่ามกลางวิกฤติน้ำท่วมได้ค่ะ 8. เตรียมแผนสำรองหากจำเป็นต้องอพยพ ในสถานการณ์น้ำท่วมที่ทุกอย่างดูไม่แน่นอน การเตรียมตัวไว้ล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยเฉพาะการเตรียมแผนสำรองหากต้องอพยพ เป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะเมื่อน้ำท่วมมาถึงจุดที่ต้องอพยพอย่างเร่งด่วน การมีแผนที่ชัดเจนจะช่วยลดความสับสนและทำให้การเคลื่อนย้ายเป็นไปอย่างปลอดภัย ซึ่งแผนนี้ควรรวมถึงการกำหนดเส้นทางอพยพที่ปลอดภัย จุดนัดพบสำหรับสมาชิกในครอบครัว และการจัดเตรียมกระเป๋าฉุกเฉินที่บรรจุของจำเป็น เช่น ยาประจำตัว อาหารแห้ง น้ำดื่ม ไฟฉาย และเอกสารสำคัญต่างๆ การวางแผนไว้ล่วงหน้าไม่ได้หมายความว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์ไม่ดีขึ้นนะคะ แต่คือการสร้างความอุ่นใจและเพิ่มโอกาสในการรอดพ้นจากสถานการณ์อันตรายได้อย่างมีสติและปลอดภัยที่สุดค่ะ 9. ระวังปัญหาจากภาวะซึมเศร้าและความเครียด อีกหนึ่งสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญไม่แพ้ร่างกายคือเรื่องของใจค่ะ เพราะภาวะวิกฤติเช่นนี้มักมาพร้อมกับความเครียดและความซึมเศร้า ที่สามารถส่งผลกระทบต่อจิตใจของเราได้ การที่ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน ความเสียหายของทรัพย์สิน หรือการต้องพลัดพรากจากที่คุ้นเคย สามารถทำให้เราท้อแท้และสิ้นหวังได้ง่าย ดังนั้นการหาวิธีจัดการกับความรู้สึกเหล่านี้จึงเป็นเรื่องจำเป็น โดยอาจเริ่มจากการพูดคุยกับคนในครอบครัวหรือเพื่อนที่ไว้ใจได้ เพื่อแบ่งปันความรู้สึกและระบายความในใจ หรือหากรู้สึกว่าไม่สามารถรับมือกับความเครียดได้ด้วยตัวเอง การขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายค่ะ เพราะการดูแลสุขภาพจิตของเราให้เข้มแข็ง จะเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้เราผ่านพ้นช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้อย่างดีที่สุดนะคะทุกคน และนั่นคือแนวทางทั้งหมดสำหรับดูแลตัวเราเอง ในช่วงที่พื้นที่ของเราประสบกับภาวะน้ำท่วมค่ะ จะเห็นได้ว่าเมื่อน้ำท่วมมาเยือน การดูแลตัวเองและครอบครัวให้ปลอดภัยก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ซึ่งแนวทางที่กล่าวมาทั้งหมด ตั้งแต่การดื่มน้ำสะอาด การล้างมือ การรักษาความสะอาดของอาหาร การเฝ้าระวังความเจ็บป่วย ไปจนถึงการเตรียมแผนอพยพ ล้วนเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญและปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพราะทุกข้อเป็นเหมือนห่วงโซ่ที่เชื่อมโยงกัน การละเลยข้อใดข้อหนึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของเราได้ทั้งหมด ดังนั้นเราจึงไม่ควรมองว่ามีข้อไหนสำคัญกว่ากัน แต่ควรทำทุกอย่างให้เป็นแบบแผนมากขึ้น เพื่อปกป้องตัวเองจากอันตรายทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นท่ามกลางวิกฤตินี้นะคะ โดยในสถานการณ์จริงที่ทุกอย่างดูวุ่นวายและต้องตัดสินใจอย่างรวดเร็ว หากถามว่าจะเริ่มต้นจากจุดไหนก่อนดี สิ่งแรกที่ควรทำคือ การประเมินสถานการณ์ และการเตรียมพร้อมในเรื่องพื้นฐานที่สุดก่อนค่ะ นั่นคือเรื่องน้ำและไฟ ลองมองรอบตัวและประเมินว่าน้ำท่วมสูงแค่ไหน ถ้ามีความเสี่ยงที่จะต้องตัดไฟ จากนั้นให้เริ่มต้นจากการตัดกระแสไฟฟ้าในบ้านทันทีหากน้ำเริ่มท่วมถึงปลั๊กไฟ เพื่อป้องกันอันตรายจากไฟดูด ตามมาด้วยการจัดหาน้ำดื่มและน้ำใช้ที่สะอาดให้เพียงพอที่สุด เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานของการดำรงชีวิต จากนั้นจึงค่อยไล่ไปตามแนวทางอื่นๆ เช่น การจัดหาอาหาร การเก็บของใช้จำเป็น และการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ การเริ่มต้นจากจุดที่สำคัญและเป็นพื้นฐานที่สุดก่อน จะช่วยให้เรามีสติและสามารถรับมือกับปัญหาที่ตามมาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนะคะ สำหรับผู้เขียนนั้นตอนนี้ที่นี่ไม่ได้มีความเสี่ยงเรื่องภาวะน้ำท่วมขังค่ะ แต่ก็ได้เฝ้าระวังตลอด ติดตามข่าวสารและความคืบหน้าเกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วมของที่อื่น และนำมาประเมินสถานการณ์ของตัวเอง โดยที่นี่ต่อให้ยังไม่ได้มีปัญหาเรื่องน้ำท่วม แต่แนวทางหลายข้อในบทความผู้เขียนสามารถนำมาใช้ได้ในชีวิตจริงในระหว่างนี้ได้ค่ะ เช่น การระมัดระวังอันตรายจากไฟฟ้า ระวังเรื่องสัตว์มีพิษ เพราะที่นี่ช่วงนี้มีฝนตกหนัก ก็มีบ้างที่สัตว์มีพิษต่างๆ จะเข้ามาได้ ดังนั้นเลยต้องระวังค่ะ สำหรับเรื่องการจัดการด้านอาหารให้สะอาดนั้น เป็นประเด็นที่ต้องใส่ใจตลอดนะคะ ไม่ว่าน้ำจะท่วมหรือลดแล้วก็ตาม ยังไงนั้นหากคุณผู้อ่านกำลังประสบกับภาวะน้ำท่วมหรือมีแนวโน้มว่าน้ำอาจจะท่วมขัง แนวทางข้างต้นคือตัวช่วยค่ะ ก็อย่าลืมนำไปปรับใช้นะคะ ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป และถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดดูโปรไฟล์ได้เลยค่ะ เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย The Tampa Bay Estuary Program จาก Unsplash และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1,3 โดยผู้เขียน, ภาพที่ 2 โดย Kristin Brown จาก Unsplash และภาพที่ 4 โดย Paola Chaaya จาก Unsplash เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 10 วิธีแก้นอนไม่หลับ สมองไม่หยุดคิด ในผู้อพยพที่ศูนย์พักพิง วิกฤตน้ำท่วม กับการจัดการด้านอาหาร เราต้องเตรียมตัวยังไงดี 10 แนวทางดูแลตัวเอง ในศูนย์พักพิง เพื่อลดปัญหาด้านสุขอนามัย เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !