กลิ่นตัวนอกจากจะมาจากพันธุกรรมแล้ว ยังพบว่ามาจากเชื้อแบคทีเรีย กลิ่นตัวเกิดจากเหงื่อที่ร่างกายขับออกมา เพื่อลดความร้อนของร่างกาย เพราะขณะเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อมีการหดตัว จะเกิดความร้อน เพื่อรักษาสมดุลร่างกายจะขับเหงื่อออกมามาก เมื่อเหงื่อระเหยเหงื่อจะดึงความร้อนที่ผิวออกไปด้วย จึงทำให้ตัวเย็นลง แต่การมีเหงื่อมากๆ บางครั้งก็ไม่ได้เกิดจากการระบายความร้อนเพียงอย่างเดียว ยังเกิดจากอารมณ์ก็ได้ เช่น เมื่อตื่นเต้นร่างกายก็จะขับเหงื่อออกมามากกว่าปกติ เมื่อเหงื่อออกมากแบคทีเรียก็เกิดมาก และแบคทีเรียนี้เองที่ทำให้เกิดกลิ่น ส่วนกลิ่นเท้า ก็เกิดจากความอับชื้นเช่นกัน และยิ่งสวมใส่รองเท้าอับ ก็จะยิ่งเกิดกลิ่นมากยิ่งขึ้นวิธีแก้ปัญหากลิ่นกายและกลิ่นเท้า 1. อาบน้ำและฟอกสบู่ วันละ 2 ครั้ง รวมทั้งที่เท้า และซับให้แห้ง 2. ใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศ เช่น ผ้าฝ้าย และเสื้อผ้าต้องซักตากแดดทุกครั้ง จะทำแบบคนเมืองนอกที่ใส่กางเกงซ้ำกันหลายๆ วันโดยไม่ซักไม่ได้ เพราะบ้านเราเป็นเมืองร้อน มีเหงื่อออก เสื้อผ้าก็เปียกเหงื่อ ต่างกับเมืองนอกที่อากาศเย็น เหงื่อไม่ออก เชื้อโรคก็โตช้าเพราะอุณหภูมิต่ำ นอกจากนี้อาจใส่เสื้อชนิดนาโน ที่จะมีสารซิลเวอร์ ซึ่งก็คือแร่เงินขนาดเล็กฝังอยู่ในใยผ้า โดยแร่เงินนี้จะทำลายผนังเซลล์ของแบคทีเรีย จึงสามารถช่วยลดกลิ่นได้ 3. ทาสารระงับเหงื่อ ในสมัยโบราณจะใช้สารส้ม ปัจจุบันใช้โรลออนหรือสเปรย์ระงับกลิ่นกาย ซึ่งเป็นสารพวกเกลืออลูมิเนียมคลอไรด์ โดยจะไปยับยั้งต่อมเหงื่อไม่ให้ผลิตเหงื่อ ทำให้ลดกลิ่นตัวได้ 4. อยู่ในที่ที่มีอากาศเย็นจะช่วยลดการขับเหงื่อได้ 5. หลังออกกําลังกาย ควรทำความสะอาดร่างกาย เช่น ใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ด แล้วอาบน้ำ 6. โรยแป้งที่ตัวและเท้า จะช่วยดูดซับความชื้น และลดการเกิดเชื้อแบคทีเรียได้ 7. ใส่รองเท้าที่มีรูระบายอากาศ และควรดึงเท้าออกจากรองเท้าบ้าง จะทำให้เท้าแห้ง ลดการเกิดกลิ่น 8. ใส่ถุงเท้า หากไม่ใส่ถุงเท้าจะทำให้ผิวแนบกับพื้นรองเท้า การระเหยของเหงื่อเกิดได้น้อยกว่า จึงเกิดกลิ่นได้มากกว่า 9. หากมีอาการเหงื่อออกมากผิดปกติ และมีกลิ่นตัวแรงมาก ควรปรึกษาหมอเพื่อทำการรักษาขอบคุณรูปภาพจาก pexels.com รูปปก / รูปประกอบที่ 1 / รูปประกอบที่ 2 / รูปประกอบที่ 3