รีวิว จัดฟันแบบโลหะ ราคากี่บาท เจ็บไหม ผลลัพธ์ในเดือนที่ 1-3 ว่าด้วยเรื่องการจัดฟันหลายคนอาจมีข้อสงสัยหรืออยากได้ข้อมูลแบบละเอียด เพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจจัดฟัน จริงๆ ก่อนหน้านี้ผู้เขียนเป็นคนที่ไม่ได้จัดฟันแล้วก็หาอ่านข้อมูลไปเรื่อยเหมือนกันค่ะ แต่ก็ยังมองไม่เห็นภาพที่ละเอียดมาก หลักๆ จะพูดกันถึงเรื่องราคา ข้อดีข้อเสียในแต่ละแบบและการบริการของแต่ละแห่งในระหว่างจัดฟัน ก่อนหน้านี้เคยตั้งใจว่าถ้าวันหนึ่งผู้เขียนได้เป็นคนที่จัดฟันจะขอเขียนข้อมูลเกี่ยวกับการจัดฟันให้ระเอียดยิบเลย อย่างน้อยคนที่ต้องการจัดฟันจะได้ข้อมูลที่เป็นข้อมูลจากประสบการณ์ตรงค่ะ ซึ่งมาในบทความนี้ผู้เขียนต้องการสรุปให้เห็นภาพว่าตั้งแต่วันแรกจนถึงเดือนที่ 3 ถ้าต้องจัดฟันมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง และความก้าวหน้าของฟันเป็นยังไงค่ะ โดยบทความต่อไปจะเป็นระยะในเดือนที่ 4-6 ที่แบ่งเขียนแบบนี้คืออย่างแรกผู้เขียนสามารถลงรายละเอียดได้ และอย่างที่สองจะง่ายต่อการอ่านและทำความเข้าใจ ยังไงต้องกลับมาอ่านและติดตามบทความฉบับต่อๆ ไปเกี่ยวกับการจัดฟันค่ะ เพราะตั้งใจไว้แล้วว่าจะส่งต่อประสบการณ์เกี่ยวกับการจัดฟัน อ่านต่อกันเลย....ถ้าสนใจจัดฟันในวันแรกต้องเดินไปที่ๆ รับจัดฟันค่ะ โดยส่วนใหญ่จะเป็นคลินิกทันตกรรมที่จะสะดวกและง่าย ผู้เขียนเองก็เลือกใช้บริการของคลินิกทันตกรรมแห่งหนึ่งใกล้บ้านค่ะ สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกคือการประเมินฟันของเราในขณะนั้นด้วยการดูด้วยตาและอุปกรณ์ทางทันตกรรมเพียงเล็กน้อย ประเมินเพื่อที่หมอฟันจะพิจารณาว่ามีฟันผุไหม ปัญหาของฟันเราคืออะไรในตอนนั้น เช่น ฟันเก ฟันซ้อน มีฟันคุดไหม ขั้นตอนนี้มีค่าใช้จ่าย 140 บาท ไม่เจ็บอะไรเลยค่ะเพราะแค่อ้าปากให้หมอฟันตรวจเท่านั้นจากนั้นตัวเราต้องเป็นคนตัดสินใจเองค่ะว่าจะจัดฟันหรือไม่จัดฟัน จากข้อมูลที่หมอฟันอธิบายให้ฟัง เช่น การจัดฟันในแต่ละคนให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน ปัญหาในระหว่างการจัดฟันที่อาจพบได้ ต้องมีเวลามาตามนัดทุกเดือนเพื่อปรับอุปกรณ์ หากยินยอมจัดฟันกับทางคลินิกต้องทำการจัดฟันไปจนกว่าจะครบค่าใช้จ่าย เป็นเงิน 12,000 บาท ไม่รวมค่าอุปกรณ์เสริมและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในระหว่างการจัดฟัน เช่น การถอนฟัน การขูดหินปูน ซึ่งเรื่องเกี่ยวกับฟันก็ขึ้นอยู่กับสุขภาพฟันของแต่ละคน และเงื่อนไขเฉพาะของแต่ละคลินิก แต่ผู้เขียนมองว่าหลักๆ ไม่น่าจะแตกต่างกันมากนักค่ะ เมื่อตกลงจัดฟันเช่นเดียวกันกับผู้เขียนนั้น ในวันแรกต้องลงชื่อในเอกสารเพื่อรับทราบความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างจัดฟัน จากนั้นถ่ายภาพฟันด้วยฟิล์มเอกซ์เรย์ขั้นตอนนี้ไม่เจ็บค่ะ มีเพียงต้องใส่เสื้อกันรังสีและวางใบหน้านิ่งๆ ในแท่นสำหรับวางใบหน้าเท่านั้น ประมาณ 30 นาทีเสร็จค่ะ จากนั้นมาพิมพ์ฟันบนล่างขั้นตอนนี้ต้องอ้าปากและรอให้พิมพ์จับตัวใช้เวลา 40 วินาทีต่อครั้ง ทำ 2 ครั้ง ฟันบนและฟันล่าง ขั้นตอนพิมพ์ฟัน มีค่าใช้จ่าย 1,000 บาท ถ่ายภาพฟันด้วยฟิล์มเอกซ์เรย์ 500 บาท ถ้ามีหินปูนต้องจัดการค่ะ ซึ่งใครไม่มีส่วนนี้ก็จะถูกตัดขั้นตอนนี้ออกไป แต่สำหรับในกรณีของผู้เขียนได้ขูดหินปูนไปค่ะ ขูดหินปูน มีค่าใช้จ่าย 1,000 บาท ค่ะ จากนั้นสัปดาห์ถัดมาหมอฟันนัดติดอุปกรณ์ค่ะ อุปกรณ์ที่ว่านี้ก็คือโลหะติดฟัน ลวดจัดฟัน และอุปกรณ์เสริมอื่นๆ เป็นกรณีๆ ไปตามสภาพฟันของแต่ละคนค่ะ สำหรับของผู้เขียนนั้นติดอุปกรณ์ทั้งบนและล่างพร้อมกันเลยในวันเดียว ค่าอุปกรณ์ชุดละ 2,000 บาท และมีอุปกรณ์เสริมอีก 1,000 บาท ขั้นตอนติดอุปกรณ์ตอนติดไม่เจ็บค่ะ แต่เมื่อยเพราะต้องอ้าปากค้างไว้นาน ในขั้นตอนนี้ไม่ได้มีการฉีดยาอะไรทั้งนั้นค่ะ แค่เอาอุปกรณ์ติดไปกับฟันอย่างเดียว หลังทำในวันนั้นจะรู้สึกตึงๆ ที่ฟันค่ะ แต่พอวันที่สองมารู้สึกเจ็บไม่ได้เจ็บแบบว่าอยู่เฉยๆ ก็เจ็บนะคะ จะเจ็บเมื่อใช้ฟันเคี้ยวอาหาร ฟันหน้าห้ามใช้เคี้ยวอาหารค่ะ จริงๆ จะบอกว่าต่อให้มีคนมาบอกให้ใช้ก็ใช้ไม่ได้หรอกค่ะเพราะจะเจ็บมาก เคี้ยวข้าวใช้ฟันกรามเท่านั้นทั้งซ้ายและขวาค่ะจากนั้นสองสัปดาห์หมอฟันนัดไปถอนฟันคุดเพราะหมอฟันประเมินดูแล้วเห็นว่าถ้าถอนฟันคุดออกจะช่วยให้มีพื้นที่และฟันสามารถขยับไปได้ดี จึงถอนฟันคุดด้านล่างขวาไป 1 ซี่ค่ะ ฟันคุดทั้งหมดจะไม่ได้ติดอุปกรณ์รวมทั้งฟันหลังเขี้ยวที่หมอฟันประเมินแล้วว่าต้องได้ถอนออกในระหว่างการจัดฟัน ซึ่งสำหรับผู้เขียนฟันหลังฟันเขี้ยวบนซ้ายและขวาไม่ได้ติดอุปกรณ์ค่ะ และถูกถอนออกในสัปดาห์ถัดมาหลังแผลจากถอนฟันคุดหายดีแล้ว ซึ่งใช้เวลา 1 สัปดาห์ค่ะ ถอนฟันหลังเขี้ยวซี่ละ 700 บาท ฟันคุด 1,500 บาท ตอนถอนไม่เจ็บค่ะเพราะฉีดยาชา หลังยาชาหมดฤทธิ์ก็ไม่ได้ปวดมากค่ะ หากปวดจริงๆ ทางคลินิกมียาแก้ปวดให้มาก็สามารถกินยาแก้ปวดได้ค่ะ ในระหว่างรอแผลถอนฟันคุดหายและรอไปปรับอุปกรณ์ในเดือนแรก เราต้องทำความสะอาดฟันให้สะอาดค่ะ จะใช้เวลามากกว่าแปรงฟันปกติ และต้องแปรงฟันบ่อยขึ้น ต้องใช้ไหมขัดฟันที่เฉพาะสำหรับการจัดฟัน และต้องเปลี่ยนแปรงสีฟันเป็นแปรงสำหรับคนจัดฟันที่ระดับของขนแปรงช่วงกลางจะอยู่ต่ำกว่าขนแปรงช่วงขอบแปรงค่ะ ต้องเลี่ยงอาหารรสเปรี้ยวเพราะจะทำให้ไปกัดกร่อนกาวที่ติดโลหะจัดฟันกับผิวฟัน ปกติถึงไม่จัดฟันอาหารเปรี้ยวก็มีฤทธิ์กัดกร่อนผิวฟันจากความเป็นกรดอยู่แล้วค่ะ แต่พอจัดฟันเราจึงต้องระวังมากขึ้นไปอีกค่ะ ต้องตัดอาหารให้ชิ้นเล็กลงเพื่อจะได้เคี้ยวง่ายขึ้น ประกอบกับเราจะอ้าปากกัดอาหารยากขึ้นค่ะ ช่วงแรกอาจต้องกินข้าวต้มเพราะเคี้ยวง่าย ชนิดของอาหารกินได้ไม่ได้หลักๆ คือดูว่าเจ็บไหมตอนเคี้ยวกับจะทำให้โลหะฟันหลุดไหมค่ะ ต้องดื่มน้ำให้บ่อยขึ้นเพื่อทำให้ปากสะอาด ตอนนอนไม่ได้เจ็บฟันค่ะ คือ ความเจ็บปวดไม่ถึงขนาดว่าต้องลางานลาโรงเรียนหรือนอนพักค่ะ ฟันจะเจ็บตอนมีอะไรมากระทบเท่านั้น เช่น ตอนเคี้ยวอาหาร แปรงฟันแรง ยังสามารถนอนหลับพักผ่อนได้ตามปกติ กินอาหารได้ตามปกติแต่อย่างที่บอกว่าจะมีขั้นตอนการทำชิ้นอาหารให้เล็กลงค่ะหลังจากติดอุปกรณ์ได้ 1 เดือนต้องไปปรับอุปกรณ์ ปรับอุปกรณ์คือการเปลี่ยนลวดจัดฟันเส้นใหม่อาจเป็นเบอร์เดิมหรือเป็นเบอร์ใหม่โดยหมอฟันจะเป็นคนประเมิน โอริงที่ยึดลวดจัดฟันกับโลหะจัดฟันใหม่ โดยโอริงนี้มีสีสันต่างๆ โดยทางคลินิกจะให้เลือกสีไหนก็ได้ตามชอบตามที่ทางคลินิกมีไว้บริการค่ะ ทุกเดือนที่ไปปรับอุปกรณ์ต้องได้เลือกสีของโอริงจะเลือกสีเดิมก็ได้ ขั้นตอนการปรับอุปกรณ์ไม่เจ็บค่ะแค่อ้าปากค้างไว้นิดหน่อย ใช้เวลาไม่นานไม่ถึง 30 นาทีเลย ในกรณีของผู้เขียนนั้นปรับอุปกรณ์มาแล้ว 3 ครั้งๆ ละ 1,500 บาท โดยมีผลลัพธ์เกิดขึ้นดังนี้ค่ะเดือนที่ 1 ฟันเกซี่แรกด้านล่างขยับมาอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ จึงปรับอุปกรณ์ด้วยการเปลี่ยนโอริงและเปลี่ยนลวดจัดฟันเส้นใหม่เดือนที่ 2 ฟันเกซี่ที่ 2 ขยับมาอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการ ปรับอุปกรณ์ด้วยการเปลี่ยนโอริง และเปลี่ยนลวดจัดฟันเป็นเบอร์ใหญ่ขึ้นเดือนที่ 3 ฟันเกซี่ที่ 3 เริ่มขยับมาอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการและฟันหน้าบนขยับชิดเข้าไปหาฟันล่างหน้ามากขึ้น จึงปรับอุปกรณ์ด้วยการเปลี่ยนโอริง เปลี่ยนลวดจัดฟันเส้นใหม่ และดึงฟันเขี้ยวด้านบนทั้งซ้ายและขวา และเพิ่มโอริงแบบเส้นทั้งด้านซ้ายและขวาและพันลวดขนาดเล็กที่ฟันหน้าบนค่ะจากที่ผู้เขียนได้ทำการจัดฟันจากเดือนที่ 1-3 มานั้น พบว่า ฟันมาอยู่ในตำแหน่งที่ต้องการตามที่ตั้งใจไว้จนเป็นไปตามที่หมอฟันคาดการณ์เอาไว้ค่ะ ว่าในเดือนที่ 3 จะต้องดึงเขี้ยว ซึ่งมีความพึงพอใจต่อการจัดฟันแบบโลหะเป็นอย่างมากค่ะ เพราะเห็นผลลัพธ์กับตาตัวเองเลย อย่างแรกให้ดูที่แนวของลวดจัดฟันค่ะ จากที่แนวจะเอียงไปตามฟันที่เกพอจัดฟันผ่านไปแค่ 3 เดือนเท่านั้นแนวเส้นลวดจัดฟันเปลี่ยนใหม่ ฟันเกหายไปเลยค่ะ ตั้งแต่จัดฟันมาผู้เขียนดื่มนมทุกวันๆ ละครึ่งแก้ว กินวิตามินซีวันละ 1 เม็ด กินวิตามินดีวันละเม็ด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พยายามแปรงฟันให้บ่อยขึ้น งดการเคี้ยวอาหารด้วยฟันหน้า ตัดอาหารให้ชิ้นเล็กลง กินข้าวต้มในช่วงแรก อะไรกินยากจะเลี่ยงค่ะ ขนมหวานที่จะติดฟันง่ายงดค่ะ ถ้าต้องกินจริงๆ จะแปรงฟันทันทีหลังกินแล้วค่ะ พยายามวางฟันในตำแหน่งที่หมอฟันบอกไว้ตลอดเวลาค่ะ และตั้งแต่จัดฟันมายังไม่เคยมีเหตุการณ์ที่โลหะจัดฟันหลุดค่ะและทั้งหมดคือสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกจนถึงเดือนที่ 3 ของการจัดฟันจากประสบการณ์ตรงของผู้เขียนค่ะ ลองอ่านทำความเข้าใจดูค่ะ และผู้เขียนหวังว่าเนื้อหาในบทความนี้จะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่กำลังต้องการข้อมูลเกี่ยวกับการจัดฟันเพื่อนำไปประกอบการตัดสินใจไม่มากก็น้อยค่ะ และอย่าลืมกลับมาอ่านบทความในฉบับถัดไปนะคะ เพราะผู้เขียนจะเขียนผลลัพธ์ในระยะของเดือนที่ 4-6 ค่ะ....okเครดิตภาพประกอบบทความโดย: ผู้เขียนภาพหน้าปก โดย Cedric Fauntleroy จาก Pexelsออกแบบภาพหน้าปกใน Canvaถ่ายภาพโดยผู้เขียน และภาพที่ 4 ออกแบบใน Canvaบทความอื่นที่น่าสนใจ🔴รีวิวถอนฟันคุดสามราก แบบไม่ต้องผ่าตัด อ่านเลย✅รีวิววิตามินซีชนิดเม็ด ขององค์การเภสัชกรรม อ่านเลย✳️ยาพาราเซตามอล แก้ปวด ลดไข้ กินยังไงดี อ่านเลย❇️ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !