คนไทยทุกคนชอบที่จะใช้ผักชีฝรั่งในการประกอบอาหาร ด้วยผักชีฝรั่งมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว เป็นผักที่คู่กับครัวเรือนคนไทยมาช้านาน ชื่อแต่ละท้องถิ่นก็เรียกต่าง ๆ กันไป เช่น ผักป้อม ผักใบเลื่อย ผักหอมเป ( อีสาน ) ผักชีดอย ผักจีฝรั่ง หอมป้อมกุลา ( ภาคเหนือ ) ( ภาพจากนักเขียน ) ผักชีฝรั่ง มีต้นกำเนิดมาจาก ทวีปอเมริกาใต้และประเทศเม็กซิโก และได้มีการปลูกกันทั่วโลก จากการนำเมล็ดพันธุ์ของพ่อค้าและนักล่าอาณานิคม ซึ่งผู้คนส่วนใหญ่จะใช้ใบในการประกอบอาหารเพราะมีกลิ่นที่ฉุนและหอมแรงกว่าส่วนอื่น ลักษณะของผักชีฝรั่ง ผักชีฝรั่งเป็นพืชล้มลุกจัดอยู่ในตระกูลของ ผักชี มีใบเรียวยาว รอบขอบของใบมีลักษณะคล้ายใบเลื่อย ใบมีสีเขียวอ่อน ดอกของผักชีฝรั่งเป็นทรงพุ่มคล้ายต้นสนหรือเจดีย์ มีเกสรสีขาวล้อมรอบ เมื่อดอกแก่จะมีเมล็ดพันธุ์ซ้อนตัวด้านในของดอก เมล็ดมีลักษณะเรียวเล็กน้อย รากของผักชี มีรากแก้วและรากฝอย ( ภาพจากนักเขียน ) การนำมาประกอบอาหาร น้อยคนนักจะนำรากและเมล็ดมาเป็นส่วนผสมของอาหาร แต่สำหรับดิฉันชอบนำเมล็ดมาบดเล็กน้อยและโรยหน้าพิซซ่าเพิ่มความหอมอ่อน ๆ อร่อยไปอีกแบบค่ะ หรือนำเมล็ดบดเล็กน้อยแล้วใช้หมักเนื้อค่ะหอมใช้ได้ ( ภาพจากนักเขียน ) ในเมนูของคนไทยก็จะเป็นจำพวก ต้มยำต่าง ๆ อาทิเช่น ต้มยำกุ้ง ต้มยำข่าไก่ ต้มแซ่บ ฯลฯ อีกทั้งยังมี ลาบ ของคนอีสานที่จะขาดไม่ได้กับผักชีฝรั่งนี้ ในความชอบของแต่ละบุคคลผักชีฝรั่งยังเป็นทั้งเครื่องเคียงในการทานกับเมนูต่าง ๆ ด้วย สำหรับคนกัมพูชาเองที่เห็นจะเด่นเลยคือ การใส่ลงไปในส้มตำ และกินคู่กับลูกชิ้นทอดกับน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวหวาน อร่อยเลิศค่ะ ( ภาพจากนักเขียน ) สรรพคุณของผักชีฝรั่ง ช่วยดับกลิ่นปาก ลมหายใจสดชื่นช่วยเสิมสร้างความต้องการทางเพศ โดยการต้มทั้งต้นและใช้ดื่มช่วยแก้อาการบวม ใช้ใบตำและพอกบริเวณที่มีอาการบวมสามารถช่วยได้ช่วยปวดเมื่อย โดยการใช้ลำต้นของผักชีฝรั่งตำผสมน้ำมันงาแล้วหมกไฟ จากนั้นนำมาประคบบริเวณที่ปวด ช่วยแก้พิษจากสัตย์กัดต่อย ( ทั้งต้น ) ช่วยฆ่าเชื้อโรค ( ลำต้น )ช่วยชะลอการเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย ( ใบ )ช่วยลดความดันโลหิต ( ลำต้น )ช่วยบรรเทาอาการปวดหัว ( ทั้งต้น )ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ( ใบ )น้ำต้มจากรากช่วยขับปัสสาวะช่วยยับยั้งและชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง และยังสามารถป้องกันมะเร็ง ( ใบ )ช่วยลดความเครียดจากการทำงาน โดยการดมที่ใบได้ช่วยในการขับลม ท้องอืด( ภาพจากนักเขียน ) รู้สรรพคุณแล้วอย่าลืมรู้โทษนะคะ ซึ่งผักชีฝรั่งหากได้กินในเวลานานติดต่อกัน หรือในปริมาณที่มากอาจทำให้เกิด โรคนิ่วในไตและกระเพาะปัสสาวะที่มี อาการปวดท้อง ปวดเอว ปัสสาวะติดขัด เนื่องจากผักชีฝรั่งมีกรดออกซาลิก เป็นอันดับ 1 ในตระกูลผักทั้งหลาย ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรค ไม่ว่าอย่างไรก็ตามผักทุกชนิดมีคุณและให้โทษทั้งนั้น ผู้บริโภคควรสลับกันกินผักชนิดอื่น ไปเรื่อย ๆ เพื่อเพิ่มคุณประโยชน์แก่ร่างกายนะคะ และอย่าลืมศึกษาให้ดีก่อนนำมาใช้เพื่อรักษาด้วยค่ะ