ปัจจุบันเราปฏิเสธไม่ได้ว่าคนเป็นโรคซึมเศร้ากันมากขึ้น วันนี้ฉันจะพาไปรู้จักกับโรคซึมเศร้ากันว่า โรคนี้คืออะไร แล้วมันต้องซึมขนาดไหนถึงจะเรียกว่า “ซึมเศร้า” ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับโรคนี้กันก่อน โรคซึมเศร้าแบ่งออกเป็นได้หลายระดับหลายประเภท มีทั้งแบบระดับน้อยๆแต่เรื้อรังไปจนถึงระดับรุนแรง หรือที่รู้จักกันในนาม Major Depressive Disorders ( MDD ) โรคซึมเศร้านั้นต่างจากภาวะซึมเศร้าตรงที่กินเวลายาวนานกว่ามากและอาการรุนแรงกว่า ทำให้ต้องพบจิตแพทย์และต้องกินยา แต่ อย่าเข้าใจผิดกันไปว่าโรคนี้เป็นแล้วจะเป็นโรคจิต ไม่ใช่ ช้าก่อน โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่ต้องพบจิตแพทย์ก็จริง แต่ไม่ได้จัดว่าเป็นโรคจิต ไม่ต้องตกใจไป ทางการแพทย์จัดโรคซึมเศร้านี้เป็นโรคทางอารมณ์ อ้าว อย่างนี้ทำไมต้องพบจิตแพทย์ด้วยล่ะ ก็เพราะอารมณ์ ความรู้สึกส่งผลกับจิตใจยังไงล่ะ จิตแพทย์ก็คือคุณหมอที่ดูแลรักษาอาการป่วยต่างๆ ที่ส่งผลถึงจิตใจ จึงเป็นที่มาว่าทำไมเป็นแล้วต้องพบจิตแพทย์ และเป็นแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นโรคจิตหรือเป็นบ้า ส่วนสาเหตุปัจจัยที่ทำให้เป็นโรคซึมเศร้าก็อาจมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็น พันธุกรรม สภาพแวดล้อม ความเครียด การสูญเสียคนรัก สิ่งที่รักไป ความกดดันต่างๆ การเป็นแทรกซ้อนขึ้นมาจากโรคทางกายอื่นๆ เช่น โรคไฮโปไทรอยด์ หรือได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง และความผิดปกของการหลั่งสารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งจะด้วยสาเหตุในก็ตามก็ยังสรุปได้ไม่แน่ชัด ต้องวินิจฉัยเป็นรายบุคคลไป คนที่มีความสุข ชีวิตไม่มีปัญหา เป็นคนคิดบวก วันหนึ่งจู่ๆสารสื่อประสาทเกิดทำงานไม่สมดุลผิดปกติไปก็มีโอกาสเป็นภาวะซึมเศร้าหรือยาวไปจนถึงโรคซึมเศร้าได้ https://www.google.com/search?q=%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%9F%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%81+%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%8B%E0%B8%B6%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2&safe=active&sxsrf=ACYBGNR8upWbi0GzMSYn2iWG5cWIn70uYg:1574147449218&source=lnms&tbm=isch&sa=X&ved=0ahUKEwinnaOc3PXlAhWyzTgGHVhsBI8Q_AUIEigB&biw=1366&bih=657#imgrc=x8LopAJEuVuVeM: แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าอาการแบบนี้ฉันมีความเสี่ยงที่จะเป็นภาวะซึมเศร้าหรือโรคซึมเศร้าต้องไปพบคุณหมอแล้วนะ เราสังเกตได้ง่ายมาก หากมีอาการดังกล่าวต่อไปนี้ 5 อาการขึ้นไป และเป็นติดต่อกันทุกวันต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 2 อาทิตย์ให้สงสัยและไปพบคุณหมอได้เลย นั่นก็คือ ไม่มีสมาธิ , นอนไม่หลับหรือหลับมากเกินไป , น้ำหนักลดหรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 5 กิโลกรัม , รู้สึกตัวเองไร้ค่า , อ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง , คิดเรื่องการตาย อยากตาย , ซึมเศร้าทำอะไรก็เศร้าหดหู่ , ความสนใจในการทำกิจกรรมต่างๆลดน้อยลง , กระวนกระวายอยู่ไม่สุขหรือทำอะไรเชื่องช้าลง หากมีอาการตังกล่าวตามที่บอกไปติดต่อกันทุกวันทั้งวันเป็นเวลาสองสัปดาห์ อันนี้ต้องย้ำเลยว่าให้ไปพบคุณหมอ ถ้าเป็นขึ้นมาล่ะจะทำยังไงต่อ อันดับแรกก็ต้องพบหมอ ทานยาต่อเนื่อง ห้ามหยุดยาเอง (อันนี้สำคัญมาก จะทำให้อาการแย่ลง รักษายากขึ้นและกลับมาเป็นซ้ำได้อีก) ออกกำลังกาย ปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิต ปรับทัศนคติ กินอาหารที่มีประโยชน์ หากิจกรรมทำ พักผ่อนนอนหลับให้เป็นเวลาและเพียงพอ เป็นต้น โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้แค่ต้องใช้เวลาและให้เวลากับการดูแลตัวเองสักนิด เพราะฉะนั้นหากใครที่เริ่มมีอาการส่งสัญญาณเตือนมาแล้วก็ต้องรีบรักษา พบไว รักษาไว โอกาสหายก็ยิ่งมีมากขึ้นไวเท่านั้น