ประโยชน์ส้มต่อสุขภาพ ส้มเป็นผลไม้ที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดค่ะมีลักษณะเป็นทรงกลมจะมีสีส้มปนเขียวซึ่งส้มจะมีราคาที่ค่อนข้างถูกสามารถจับต้องง่ายเหมาะแก่การซื้อมารับประทานไว้ที่บ้านหรือตุนไว้ที่บ้านได้โดยส่วนใหญ่แล้วการทานผลไม้ก็จะเน้นทานในเรื่องของรสชาติมากกว่าซึ่งในบทความนี้ผู้เขียนจะได้กล่าวถึงประโยชน์ของส้มที่มีต่อสุขภาพโดยจะมีประโยชน์ดังต่อไปนี้ค่ะส้มเป็นผลไม้ที่มีหลายประโยชน์สำหรับสุขภาพของเรานี่คือบางประโยชน์สำคัญของส้ม ส้มเป็นแหล่งวิตามิน C: ส้มมีปริมาณของวิตามิน Cมาก ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยป้องกันการเจ็บป่วยจากโรคหลายชนิด เช่น หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ วิตามิน C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย โดยช่วยในการสร้างและปรับปรุงเซลล์แบบป้องกันและเซลล์ทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เมื่อร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง จะช่วยป้องกันการติดเชื้อและโรคต่าง ๆ ได้มากขึ้น วิตามิน C เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวหนังเรียบเนียนและกระชับ มันช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ผิวที่เสียหายและปกป้องผิวจากการเสียเส้นผมแสง UV และสิ่งสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่ทำให้ผิวเสื่อมสภาพ มีความสำคัญในกระบวนการสร้างคอลลาเจนในหลอดเลือด ซึ่งช่วยให้เลือดหลอดเลือดและหลอดเลือดมีความยืดหยุ่นและแข็งแรง ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด วิตามิน C ช่วยเพิ่มระดับธรรมชาติของคอลลาเจนในเนื้อเยื่อ ซึ่งช่วยในการลดอาการปวดจากอาการรักษาแผลและการเจ็บป่วย วิตามิน C เป็นสารที่ใช้ในการสร้างกรดในกระเพาะอาหาร ซึ่งช่วยในกระบวนการย่อยอาหารและดูแลระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นการบริโภคส้มหรืออาหารที่มีวิตามิน C เพียงพอในเมนูอาหารของคุณสามารถช่วยให้ร่างกายของคุณมีสุขภาพแข็งแรงและสามารถต่อสู้กับโรคได้อย่างดี ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วผู้เขียนได้ทานส้ม อย่างสม่ำเสมอมาต่อเนื่องจึงทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดี สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่ป่วยบ่อยเหมือนที่ผ่านมาส่งเสริมสุขภาพหัวใจ:ส้มมีใยอาหารและสารลูทีนที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและลิปิดในเลือด ซึ่งสามารถช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ส้มมีใยอาหารและสารลูทีนที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับโรคหัวใจและหลอดเลือด การลดระดับคอเลสเตอรอลช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดอย่างโรคเส้นเลือดหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง วิตามิน C ในส้มเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเสียหายจากอนุมูลอิสระในเนื้อเยื่อหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ส้มมีโพแทสเซียมที่ช่วยลดความดันโลหิต การควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับปกติช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด คาเลเซียมในส้มช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจและรักษาระบบที่ดีให้กับหัวใจ ซึ่งส่งผลในการบรรเทาอาการต่าง ๆ เช่น สัญญาณเตือนหัวใจเต้นผิดปกติหรือหัวใจเต้นเร็วมาก ส้มมีสารสูตรต้านอักเสบที่ช่วยลดการอักเสบในร่างกาย การลดการอักเสบช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคเส้นเลือด ตั้งแต่ผู้เขียนได้ทานส้มอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง ก็พบว่า ทำให้สุขภาพหัวใจของผู้เขียนมีสุขภาพที่แข็งแรงไม่ป่วยเป็นโรคหัวใจเลยค่ะส้มเป็นอาหารที่สามารถสร้างพลังงาน: คาร์โบไฮเดรตในส้มสามารถให้พลังงานให้กับร่างกายและช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า ส้มเป็นอาหารที่สามารถสร้างพลังงานให้กับร่างกายได้ด้วยคาร์โบไฮเดรต (carbohydrate) ที่มีอยู่ในปริมาณสูง โดยส้มมีสารหวานธรรมชาติแบบน้ำตาลที่เรียกว่า กลูโคส (glucose) และฟรุกโทส (fructose) โดยพลังงานหลักที่ร่างกายใช้มากที่สุดมาจากคาร์โบไฮเดรต เมื่อคุณกินส้มหรือผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรต ร่างกายจะเริ่มกระบวนการย่อยคาร์โบไฮเดรตด้วยเอนไซม์ทางย่อยอาหาร เปรียบเสมือนการตัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตให้เล็กลงเพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมและใช้งานได้ง่าย เมื่อคาร์โบไฮเดรตถูกย่อยและดูดซึมในกระบวนการเปลี่ยนเป็นพลังงาน น้ำตาลกลูโคสและฟรุกโทสจะถูกนำเข้าสู่เซลล์ของร่างกาย และใช้เป็นแหล่งพลังงานในกระบวนการเผาผลาญ พลังงานที่มาจากคาร์โบไฮเดรตจะถูกใช้ในกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย ซึ่งสามารถใช้ในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเคลื่อนไหว การทำงาน และการรักษาอวัยวะต่าง ๆ ในสภาวะปกติ ส้มมีค่าพลังงานประมาณ 43-47 กิโลแคลอรีต่อ 100 กรัม ดังนั้นการบริโภคส้มสามารถให้คุณพลังงานเพียงพอสำหรับกิจกรรมประจำวันและช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่า อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังไม่บริโภคคาร์โบไฮเดรตในปริมาณมากเกินไปเนื่องจากอาจทำให้เกิดการเก็บไขมันเกินมาในร่างกาย และนำไปสู่ความอ้วนและปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้ นะค่ะมีสารสำคัญอื่น ๆ: ส้มยังมีสารเสริมอื่น ๆ เช่น ฟลาโวนอยด์ และแคลเซียมที่สำคัญสำหรับสุขภาพของกระดูกและกระดูกสมอง นอกจากวิตามิน C และคาร์โบไฮเดรตที่มีบทบาทสำคัญในสุขภาพที่ได้กล่าวมาแล้ว ส้มมีสารฟลาโวนอยด์ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสที่ช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสและอิสโตรเคชัน เหล่านี้มีความสำคัญในการลดความเสี่ยงต่อโรคเส้นเลือดและโรคหัวใจ ส้มมีปริมาณแคลเซียมที่มีความสำคัญสำหรับสุขภาพของกระดูกและกระดูกสมอง แคลเซียมเป็นสารที่ช่วยในการรักษาความแข็งแรงของกระดูกและช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกเช่น โรคเกี่ยวกับกระดูก เช่น โรคกระดูกพรุน ส้มมีสารแอนตีแอกซิแดนท์อื่น ๆ ที่ช่วยป้องกันการเสียหายจากอนุมูลอิสระและช่วยลดความเสี่ยงต่ออาการเสียเส้นผมแสง UV และความเสี่ยงต่อความเสียหายจากอนุมูลอิสระ ส้มยังมีวิตามิน A ที่มีบทบาทสำคัญในรักษาสายตาและการรักษาผิวหนังให้เป็นสุขภาพดี วิตามิน A เป็นสารสำคัญสำหรับการฟื้นฟูเซลล์ผิวหนังและให้สายตาและเซลล์รับรู้แสงสว่างทำงานอย่างถูกต้อง ส้มมีความเป็นกรดอาหารที่มีความสำคัญในกระบวนการย่อยอาหาร โดยเฉพาะกระบวนการย่อยอาหารในกระเพาะอาหาร มันช่วยในการลดความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาในระบบย่อยอาหาร การรับประทานส้มและผลไม้อื่น ๆ ในเมนูอาหารที่หลากหลายช่วยให้คุณได้รับรสชาติที่ดีและสารอาหารที่หลากหลายที่สามารถส่งเสริมสุขภาพได้ในด้านต่าง ๆ ของร่างกาย ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้ผู้เขียนชอบที่จะทานส้มเป็นประจำเพราะจะทำให้ร่างกายมีความแข็งแรงมีผิวพรรณที่ชุ่มชื่นพร้อมทั้งกระบวนการย่อยอาหารทำงานได้ปกติค่ะส้มเป็นผลไม้ที่มีพลังออกซิแดนที่สูง: การบริโภคส้มสามารถช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมันและเสริมความกระปรี้กระปร่างของร่างกาย.ส้มมีระดับสารแอนตีแอกซิแดนท์สูงเนื่องจากมีความสามารถในการผลิตและสะสมสารนี้ในเนื้อเยื่อของผลไม้เอง แอนตีแอกซิแดนท์เป็นสารต้านอนุมูลอิสที่ช่วยป้องกันการเสียหายจากอนุมูลอิสและอิสโตรเคชันที่สามารถเริ่มต้นในร่างกายเมื่อเซลล์ได้รับความเครียดหรือต่อสู้กับสิ่งต่าง ๆ เช่น มลทิน แสงแดด หรือสารก่อภูมิแพ้ ส้มมีความสามารถในการสร้างแอนตีแอกซิแดนท์อย่างสม่ำเสมอในระหว่างกระบวนการเจริญเติบโตและแก่ผล การออกแสงแดดจะกระตุ้นกระบวนการสร้างแอนตีแอกซิแดนท์เพิ่มขึ้น ซึ่งส้มมีการสะสมแอนตีแอกซิแดนท์ที่เพียงพอในการป้องกันตัวเองจากความเสียหายที่เกิดจากรังสีแสง UV และสิ่งอื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่เซลล์ การรับประทานส้มหรือผลไม้อื่นที่มีระดับแอนตีแอกซิแดนท์สูง เช่น แบล็กเบอร์รี่หรือองุ่น สามารถช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและลดความเสี่ยงต่อความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสและอิสโตรเคชัน นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่เป็นแหล่งของแอนตีแอกซิแดนท์สามารถช่วยในการรักษาสุขภาพผิวหนังและลดความเสี่ยงต่อมลทินและอาการผิวที่เกิดขึ้นจากการแผดเผาผลาญโดยแสงแดด หากเมื่อเราทานส้มเป็นประจำสม่ำเสมอก็จะยิ่งส่งผลให้เรามีสุขภาพผิวที่ดีทำให้ดูอ่อนเยาว์กว่าปกติ ซึ่งจะเห็นได้จากตัวผู้เขียนเอง โดยที่ผู้เขียนจะชอบทานส้มอยู่เป็นประจำสม่ำเสมออยู่แล้วจึงทำให้มีผิวพรรณที่นุ่มและดูอ่อนเยาว์กว่าเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันส่วนผิวของส้มเป็นแหล่งให้สารประโยชน์ เช่น สารแอนตีแอกซิแดนที่ช่วยในการรักษาผิวหนัง ผิวของส้มเป็นแหล่งให้สารประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก ผิวของส้มมีสารแอนตีแอกซิแดนท์ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสที่ช่วยป้องกันการเสียหายจากอนุมูลอิสและอิสโตรเคชันที่สามารถเริ่มต้นในร่างกายเมื่อเซลล์ได้รับความเครียดหรือต่อสู้กับสิ่งต่าง ๆ เช่น มลทิน แสงแดด หรือสารก่อภูมิแพ้ ผิวของส้มเป็นแหล่งของวิตามิน C ที่มีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเซลล์ผิวหนัง มันช่วยในกระบวนการสร้างคอลลาเจนที่ช่วยให้ผิวเรียบเนียนและกระชับ นอกจากนี้ วิตามิน C ยังมีความสำคัญในการป้องกันความเสียหายจากแสงแดดและสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ที่อาจทำให้ผิวเสื่อมสภาพ ผิวของส้มมีสารออกซิแดนท์ที่ช่วยในกระบวนการลดอาการอักเสบของผิว โดยลดบวมและแดงของผิว นี่เป็นสิ่งสำคัญในการรักษาผิวที่แดดเผาผลาญหรือผิวที่มีปัญหาอื่น ๆ เช่น ผื่นแดง ผิวของส้มมีสารสังเคราะห์ที่ช่วยในการสร้างคอลลาเจนและสารสังเคราะห์อื่น ๆ ที่สำคัญสำหรับการฟื้นฟูและสวยงามของผิว มันช่วยให้ผิวมีสุขภาพดีและอ่อนเยาว์ การรับประทานส้มและผลไม้อื่น ๆ ที่มีผิวที่สดใสและสุขภาพดีในเมนูอาหารของคุณสามารถช่วยให้คุณได้รับสารอาหารที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงและสวยงาม อย่าลืมดูแลผิวด้วยการทาครีมกันแดดและดูแลความสะอาดของผิวเพื่อให้ผิวของคุณอยู่ในสภาพที่ดีตลอดเวลา และแน่นอนว่าเมื่อเราทานส้มเป็นประจำอยู่แล้วก็จะยิ่งทำให้ผิวมีความแข็งแรง สุขภาพผิวดี จนใครๆต้องอิจฉาอย่างแน่นอนค่ะช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร: ใยอาหารในส้มช่วยในกระบวนการย่อยอาหารและเสริมการย่อยอาหารในกระเพาะอาหาร ส้มมีใยอาหารที่สามารถช่วยเพิ่มความหนาของสารใยในอาหาร ซึ่งมีผลในการสร้างความสวนที่กระตุ้นกระบวนการย่อยอาหาร โดยเฉพาะกระบวนการย่อยคาร์โบไฮเดรต ใยอาหารช่วยให้อาหารเคี้ยวและย่อยได้ดีขึ้น ส้มมีวิตามิน C ที่มีบทบาทสำคัญในกระบวนการย่อยอาหาร เป็นสารที่ใช้ในการสร้างกรดสิ้นเปลืองอสมุทร (ascorbic acid) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในกระบวนการย่อยอาหารในกระเพาะอาหาร วิตามิน C ช่วยให้ร่างกายย่อยอาหารและดูแลระบบย่อยอาหารได้ดีขึ้น ส้มมีสารแอนตีแอกซิแดนท์ที่ช่วยลดการอักเสบในระบบย่อยอาหาร การลดอาการอักเสบช่วยให้กระบวนการย่อยอาหารเป็นไปอย่างสะดวกและประสิทธิภาพมากขึ้น ส้มมีความเป็นกรดอาหารที่ช่วยในกระบวนการย่อยอาหารในกระเพาะอาหาร กระบวนการย่อยอาหารในกระเพาะอาหารต้องใช้กรดสิ้นเปลืองอสมุทรเพื่อช่วยย่อยอาหาร ความเป็นกรดอาหารในส้มช่วยในกระบวนการนี้ การรับประทานส้มและผลไม้อื่นที่มีสารอาหารที่สามารถช่วยในกระบวนการย่อยอาหารเป็นส่วนสำคัญของการดูแลสุขภาพทางด้านย่อยอาหาร แต่ควรระมัดระวังไม่รับประทานมากเกินไป เนื่องจากสารอาหารสิ่งนี้มีผลข้างเคียงเมื่อรับประทานมากเกินไป ควรควบคุมปริมาณการบริโภคให้เป็นไปตามความเหมาะสมและแนะนำของผู้เชี่ยวชาญในสุขภาพ ควรระวังไม่บริโภคส้มเป็นปริมาณมากเนื่องจากมีความเป็นกรดอาหารสูง ซึ่งอาจทำให้ระบบย่อยอาหารของร่างกายมีปัญหาในบางกรณี ดังนั้นควรบริโภคให้เป็นส่วนหนึ่งของเมนูอาหารทั่วไปเพื่อเพิ่มประโยชน์สุขภาพของคุณ ซึ่งโดยปกติแล้ว ผู้เขียนจะไม่ค่อยชอบทานผลไม้สักเท่าไหร่แต่วันหนึ่งผู้เขียนได้ไปอ่านเจอในหนังสือเล่มนึงเขาบอกว่าให้ทานผลไม้หลังมื้ออาหารเป็นประจำทุกๆวันจะช่วยให้มีผิวพรรณที่ดีดังนั้นผู้เขียนอยากมีเพียงวันที่ดีจึงเลือกที่จะทานผลไม้โดยเลือกส้ม มาทานหลังมื้ออาหารอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องถึงทำให้เห็นว่าผู้เขียนมีผิวพรรณที่ดีขึ้นมีสุขภาพผิวที่ดีร่างกายแข็งแรงไม่ป่วยบ่อย และยังมีระบบการย่อยอาหารที่ดีด้วยค่ะเครดิตภาพภาพหน้าปกโดย Ancelin/pixabay ตกแต่งโดย canvaภาพประกอบที่1 โดยผู้เขียนภาพประกอบที่2 โดย Paco Álamo/pexels ภาพประกอบที่3 โดย Quang Nguyen Vinh/pexels ภาพประกอบที่4 โดย pixabay/pexels เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !