ไม่ว่าจะขี้เกียจตัวเป็นขนแค่ไหน ฉันเชื่อว่าในจิตใต้สำนึกผู้หญิงทุกคนก็คิดเหมือนกัน ว่ายังไงต้องทาครีมบำรุงผิวก่อน ถึงจะหลับตานอนได้ลงโดยเฉพาะคนที่โตมากับกฎการดูแลผิวสามขั้น ล้าง-เช็ด-บำรุง อย่างฉัน นี่คือกิจวัตรสำคัญพอ ๆ กับการแปรงฟันเลยก็ว่าได้แล้วฉันควรจะรู้สึกยังไง ถ้ามีคุณหมอผิวหนังคนหนึ่งมาบอกว่าฉันเข้าใจผิด สิ่งที่คิดว่าจำเป็นต้องทำมาตลอดชีวิตนี้ไม่จำเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังคนนั้นชื่อ ซีน โอบากิ คุณหมอยืนยันว่านอกจากการทาครีมจะไม่จำเป็นแล้ว ทามากไปยังอาจเป็นโทษกับผิวอีกด้วย!สาว ๆ ที่ทุ่มเทเงินทองมากมายไปกับครีมบำรุงผิวสารพัดอาจต้องรู้ก่อนว่า ถึงคุณจะถูกป้ายยาว่าครีมบำรุงผิวยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ดีขนาดไหน แต่หน้าที่จริง ๆ ของมันคือการป้องกันการสูญเสียน้ำออกจากผิว และช่วยเป็นเกราะป้องกันไม่ให้มลภาวะเข้ามาทำลายผิวเท่านั้นแต่ที่เหล่าผู้หญิงพากันขนซื้อครีมบำรุงสารพันมาจนเต็มโต๊ะเครื่องแป้งเช่นนี้ ก็ด้วยมนตราแห่งการตลาดที่มีมาตั้งแต่ยุค 1950 นักโฆษณาทำให้รู้สึกว่าครีมบำรุงผิวคือปัจจัยห้า ผู้หญิงจึงยอมไขว่คว้าซื้อหาของดีที่สุดมาใช้อย่างไม่เสียดายเงินทองคุณหมอบอกว่าการอัดครีมบำรุงผิวมากไป จะไปรบกวนกระบวนการผลิตความชุ่มชื้นของผิวพรรณตามธรรมชาติ เพราะเมื่อร่างกายคิดว่าผิวชุ่มชื้นพอเพียงแล้วมันก็จะหยุดทำงาน นาน ๆ เข้ากระบวนการผลิตสารบำรุงจากภายในออกมาจะลดน้อยลง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย เพราะสารบำรุงผิวที่ร่างกายเราสร้างขึ้น คือสิ่งที่ช่วยรักษาความเยาว์วัยตัวแม่ ของแท้แถมยังฟรีด้วยฉันคิดเป็นภาพว่าเมื่อเราทาครีมบำรุงผิวชั้นนอก เซลผิวชั้นนอกของเราก็จะส่งสัญญาณลงไปบอกเซลผิวชั้นในว่า “ฉันอิ่มแล้วฉันชุ่มชื้นพอแล้ว ไม่ต้องส่งอะไรออกมาให้อีกนะ”เมื่อข้างในรับสัญญาณนี้บ่อย ๆ ก็เริ่มเกียจคร้าน เริ่มไม่ลำเลียงสารบำรุงผิวออกมาให้ตามหน้าที่ จนทำให้ผิวชั้นนอกเริ่มแห้ง บาง และขาดความยืนหยุ่นไปเรื่อย ๆแทนที่เราจะเฉลียวใจ เรากลับตีความว่า “ตายจริงผิวฉันแห้งเป็นทะเลทราย ต้องรีบทาครีมเพิ่มเข้าไปอีก”อุปมาว่าต้นไม้ย่อมได้สารอาหารมาทางราก ถ้าต้นไม้แห้งผาก ไม่ว่าคุณจะเอาน้ำไปฉีดยังไง ต้นไม้ก็ยังแห้งต่อไปอยู่ดี ความชุ่มชื้นของผิวพรรณของแท้นั้นควรมาจากภายใน นั่นแปลว่าคุณควรหันมาใส่ใจกับสิ่งที่คุณกินและดื่มเข้าไปมากกว่าเรื่องนี้แพทย์ผิวหนังหลายคนพูดตรงกัน ถ้าไม่ใช่คนที่มีปัญหาผิวหนังทำงานผิดปกติจริง ๆ ซึ่งมีแค่ส่วนน้อย 15% ของประชากรเท่านั้น คุณแทบไม่ต้องซื้ออะไรมาใช้ให้เปลืองเงินเลย แค่ล้างให้สะอาดและใช้ครีมกันแดดปกป้องแสงยูวีไว้ก็พอแล้วในทางตรงกันข้าม การใช้ผลิตภัณฑ์สารพัดมากไป ขัดถูเช็ดล้างมากไป กลับไปรบกวนความสมดุลในผิวอีกต่างหาก อาจทำให้ผิวแห้งผาก หรือเกิดความมันส่วนเกิน จนถึงปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมาได้อ่านมาถึงตรงนี้หากคุณอยากลดการทาครีมบำรุงผิวลง ก็ขอให้ทำด้วยความนุ่มนวลค่อยเป็นค่อยไป เพราะคุณได้ฝึกผิวให้ชินกับรับความชุ่มชื้นจากภายนอกมานานหลายสิบปี มาเลิกทาแบบฉับพลันทันทีผิวอาจจะแห้งหม่นหมองได้ ให้ใช้วิธีค่อย ๆ ลดปริมาณการใช้ครีมบำรุงผิวลงไป ร่างกายจะเริ่มปรับตัวได้ในไม่เกินหนึ่งเดือนหลังจากได้รู้เรื่องนี้ ฉันทดลองกับตัวเองด้วยการครีมบำรุงผิวน้อยลงเรื่อย ๆ จากเคยทาทุกวันเหลือแค่วันเว้นวัน จนในที่สุดก็เหลือแค่อาทิตย์ละสองครั้ง โดยยังใช้ครีมกันแดดตามปกติ แล้วหันมาสร้างความชุ่มชื้นจากภายใน โดยการกินผักผลไม้มาก ๆ ลดของหวานของมัน และดื่มน้ำสะอาดเรื่อย ๆ ตลอดวันไม่ให้ขาดบอกเลยว่าการทาครีมบำรุงน้อยลงไม่ส่งผลอะไรกับฉัน ไม่ทำให้ผิวแห้งกร้าน ไม่ทำให้ผิวมัน ไม่ทำให้ผิวแก่แต่ที่แน่ ๆ ทำให้ชีวิตวุ่นน้อยลงมาก และมั่นใจว่าคงประหยัดสตางค์ได้อีกมากในระยะยาว! ขอบคุณภาพประกอบบทความ : Pexels ภาพปก / ภาพประกอบ 1 / ภาพประกอบ 2 / ภาพประกอบ 3 / ภาพประกอบ 4