จากการที่ผมเล่าประสบการณ์การปั่นจักรยานที่ได้รับประสบการณ์โดยตรงของผมในตอนที่ผ่านมา ผมได้ไปหาข้อมูลด้วยตนเอง เอาตามที่ผมเข้าใจท่านใดที่มีความรู้เราสามารถมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันได้ จากการเรียนรู้ด้วยตนเองพอจะสรุปได้คร่าว ๆ ดังนี้ ยกตัวอย่างเช่น 24 สปีด 29 สปีด 30 สปีด เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าจะก้าวผ่านไป 33 สปีด ละมั้งว่าจักรยานนั้นมีการพัฒนาอยู่เรื่อยถ้าเราขี่ธรรมดานะครับจักรยาน 20 สปีด 30 สปีด 29 สปีด ก็แล้วแต่นะครับท่านปั่นขึ้นเนินให้จำไว้เลยว่าข้างหน้าเล็กหลังใหญ่แต่ถ้าเราปั่นเพื่อออกกำลังกายทั่วๆไปเหมือนผมจากประสบการณ์พบว่าใช้เรียกว่าจานข้างหน้า 2 ข้างหลังก็ 6 แล้วแต่ละ 6 มันก็ไม่เท่ากันอีกเราต้องดูว่าจานใหญ่เขาให้มาเท่าไหร่ 32 หรือ 36 เพราะมันมีแต่ละขนาดไม่เท่ากันแต่ Speed อาจจะเท่ากันเราก็ต้องดูการปั่นนั้นก็จะต้องดูที่ตัวเราเป็นตัววัดนะครับไม่ใช่ว่าเอาคนอื่นมาวัดตัวเราว่าเราปั่นระดับไหนได้ยกตัวอย่างก็อย่างเช่นผมก็จะปั่นเรียกว่า 2 x 6 ข้างหน้า 2 ข้างหลัง 6 เป็นประจำถ้าวันไหนถ้ามีการปั่นเรียกว่าเพื่อที่จะให้เร็วขึ้นจะใช้จานหน้า 3 ข้างหลังก็ 6 7 8 ไปเรื่อย ๆเพราะจักรยานผมแค่ 24 สปีด ในการขึ้นเขานะครับขึ้นเขาเราก็ปั่นไปจนก่อนที่เราจะขึ้นเขาเรามองเห็นแล้วว่าทางมันขึ้นเนินขึ้นเขาเราก็ควรจะสับเกียร์ทางด้านขวามือนะครับลดลงมาเรียกว่าจาก 6 แล้วก็ลดลงมา 5 4 3 2 1 อย่างนี้ล่ะครับแล้วเราก็ต้องดูว่าสัมพันธ์กับข้างหน้าไหมถ้าว่าจานข้างหน้าถ้ามันเนินสูงๆหรือขึ้นเขา เราก็ควรจะใช้จาน 1 เล็กสุดไปเลยแต่ทีนี้พอขึ้นถึงเนินสุดขาลงอันนี้แหละเป็นที่น่าห่วงมากขาลงนี่อันตรายมากกว่าขึ้นนะครับลงเขานี่รถเราจะไหลลงเร็วมากการลงเขาก่อนที่จะลงเขาพอถึงยอดเนินเราก็รีบจัดจานหน้าให้ขึ้นมาจานใหญ่สุดเสร็จแล้วก็ข้างหลังก็ให้เล็กสุดเพื่อช่วยในความหนืดในการลงเขาและการลงเขาการนั่งเบาะหรืออานเราก็ต้องขยับไปทางด้านหลังกดน้ำหนักไปทางด้านหลังกดให้เป็นน้ำหนักตัวเท่ากับเราถ่วงไว้และการเบรกก็ควรจะใช้เบรกคู่อย่าเบรกข้างเดียวหรือข้างหลังทางขวามืออย่ากดเบรกแรงจะทำให้เราพลิกคว่ำได้ไม่อย่างนั้นเราก็กดเบรกคู่เลยค่อยๆบีบค่อยๆปล่อยแล้วก็ไหลลงเขาลงมาการลงเขา ถ้าเข้าโค้งซ้ายก็จะควรจะชันเข่าซ้ายเหยียดขาขวาให้ตรง เพื่อที่จะตีโค้ง ถ้าเข้าโค้งขวาก็ชันเข่าขวาขาซ้ายเหยียดตรง (เข้าโค้งซ้ายงอเข่าซ้าย ขาขวาตรง เข้าโค้งขวางอเข่าขวาขาซ้ายตรง) วิธีนี้จะเป็นการช่วยในการลงเขาอย่างปลอดภัยเพราะว่าการลงเขานั้นมันจะลงแรงและเร็วอย่างไรนั้นอยู่ที่เราก่อนครับถ้าเรากดเบรกสม่ำเสมอกันก็จะทำให้เราลงเขาอย่างปลอดภัยอันนี้คือเทคนิคเล็กๆน้อยๆในการปั่น ที่เพื่อน ๆ มักจะมาถามผมว่า "ปั่นจักรยานได้อะไร" แต่ผมก็พูดเรื่องจักรยานมั่วๆไปหมดเลยเอางี้ข้อ 1 การปั่นจักรยานได้อะไรสิ่งแรกเลยก็คือได้ใจของตัวเอง นะแต่ใจตัวเองเรียกว่าไง ถ้าเราปั่นจริงจังนะก็คือจะได้ใจตัวเองว่ามีวินัยในตัวเอง บอกใจตัวเองว่าจะต้องชอบในการปั่นก็ต้องออกปั่นเวลาไหนเวลานั้น ข้อที่ 2 สิ่งที่ได้ในการปั่นจักรยานก็คือสุขภาพผมเชื่อแน่เลยว่าถ้าเราปั่นเป็นประจำเราก็จะได้สุขภาพที่ดีกลับมาเพราะร่างกายเรามีการเผาผลาญไขมันทำให้ร่างกายของเราเรียกว่าหุ่นดีขึ้นจากครั้งแรกตอนที่ผมปั่นอันนี้ก็ไม่แน่ใจนะว่าตอนแรกที่ผมปั่นนั้นเสื้อผ้าที่ผมใส่จะต้องเป็นขนาดL ต่อมาพอปั่นได้ ประมาณสักปี ผมก็เริ่มเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นขนาดM จนถึงปัจจุบันนี้ผมต้องใช้ ขนาดS เพราะว่าจะเรียกว่าร่างกายผอมมันก็ไม่ใช่นะไม่ได้ผอมเรียกว่ามันมันเฟิร์มขึ้นอะไรประมาณนั้นมากกว่านี่คือสิ่งที่ 2 ที่เราได้ สิ่งที่ 3 ที่เราได้จากการปั่นจักรยานก็คือ "มิตรภาพจากเพื่อนๆ"ที่ปั่นร่วมกันอันนี้เรียกว่ามันหาไม่ได้นะครับถ้าเราไม่ได้ปั่นเราก็จะไม่รู้จักใครในวงกว้างของการปั่นจักรยานที่นี้ก็มาถึงข้อที่ 4 นะครับสิ่งที่เราจะได้อีกอย่างก็คือ"การท่องเที่ยว"ถ้าเราไม่ปั่นจักรยานเส้นทางที่เราไม่เคยไปหรือไม่เคยรู้หรือไม่เคยเห็นเราก็จะไม่ผ่านไม่ไปถ้าจะให้เราพูดว่าขับรถไปเที่ยวไหม ผมคิดว่าคงไม่ไป ผมว่านะแต่กับการปั่นจักรยาน เราสามารถท่องเที่ยวไปได้ดูวิถีชีวิตของชาวบ้านได้ศึกษาเส้นทางหมู่บ้านตำบลอำเภอโดยที่เราไม่ต้องขับรถยนต์ไปเราก็ไปทุกเส้นทางที่เราอยากไปอยากเห็นแล้วเราก็จะได้เจอผู้คนชาวบ้านร้านถิ่นต่างๆตามเส้นทางที่เราผ่านอย่างนี้ผมถือว่าเป็นกำไรชีวิตไม่เชื่อคุณลองออกมาปั่นนะครับคุณก็จะได้เหมือนผมเหมือนกันและข้อที่ 5 สิ่งที่เราจะได้มาอีกอย่างก็คือ "การทำบุญทำกุศลหรือการช่วยเหลือสังคม"อย่างนี้เราก็จะได้นะครับเพราะว่ามีบางงานที่เขาจัดเพื่อการกุศลถ้าเราไปร่วมเขาโดยการลงทะเบียนลงทะเบียนโดยร่วมอาจจะเป็น 100 บาท 200 บาท 300 บาท 500 บาท ก็แล้วแต่เราก็จะได้รับเสื้อหรือของที่ระลึกอะไรต่างๆมากมายแต่สิ่งที่เหนือกว่าสิ่งอื่นก็คือเราได้ร่วมเขาทำบุญเช่นร่วมสนับสนุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์โรงพยาบาลสนับสนุนทุนการศึกษานักเรียนสนับสนุนทุนให้กับผู้ป่วยติดเตียงหรือผู้ด้อยโอกาสเราก็จะได้ทำบุญด้วยให้ทานด้วยและสิ่งสำคัญที่เราได้มากๆเลยก็คือมิตรภาพจากชาวบ้านผู้คนทั่วไปที่มาร่วมงานเราจะเห็นรอยยิ้มแย้มแจ่มใสช่วยเหลือซึ่งกันและกันทำให้เราสบายใจอย่างนี้เรียกว่าการปั่นจักรยานไม่ได้อะไรนั่นไม่ได้แล้วเพราะการปั่นจักรยานมันได้มากมากกว่าที่ผมพูดมาอีก เท่าที่พูดอาจจะพูดไม่หมดนะครับวันนี้ผมอาจจะพูดไม่หมดว่าการปั่นจักรยานได้อะไรแต่สรุปคร่าวๆก็จะได้ 3-4 ข้อนี้แหละแต่ปลีกย่อยอื่นๆก็ถ้าคุณออกมาปั่นคุณก็จะได้รับเองครับ เรียกว่ามันต้องทำด้วยตัวเองนะครับ ถ้าจะถามผมอีกว่า “แล้วจักรยานแม่บ้านปั่นได้ไหม” ได้ครับ แต่ระยะทางมันอาจจะสั้นไปในการที่เราจะปั่นนะครับจักรยานแม่บ้านมันก็ได้นะครับ ไม่ใช่ไม่ได้ก็ไปไกลก็ได้เหมือนกันระยะทางยาวๆก็ได้เหมือนกันแต่มันยังไงพูดยากนะมันไม่เหมาะครับความหมายมันไม่เหมาะกับการที่จะนำไปปั่นในระยะไกลๆมันจะทำให้เราเหนื่อยและเหนื่อยมากขึ้นแล้วก็จะทำให้เราเบื่อในการปั่นไป ดังนั้นผมถึงบอกตั้งแต่ตอนต้นว่าการปั่นจักรยานนั้นคุณต้องเลือกก่อนว่าคุณจะปั่นเพื่ออะไรเพื่อท่องเที่ยวเพื่อออกกำลังกายและสนุกสนานก็ควรจะใช้จักรยานที่ถูกประเภทจักรยานเสือภูเขา จักรยานเสือหมอบหรือถ้าคุณอยากจะเที่ยวจริงๆก็เป็น"จักรยานเพื่อการท่องเที่ยว"ไปเลยครับ มีจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวซึ่งคุณสามารถบรรทุกสิ่งของไปด้วยได้คุณจะนอนพักค้างแรมที่ไหนก็ได้บรรทุกสิ่งของไปเสื้อผ้าอุปกรณ์ทำกับข้าวอุปกรณ์สนามอะไรต่างๆนี่คุณก็สามารถพกพาไปได้สะดวกมันสะดวกยิ่งกว่าพวกเสือภูเขาหรือเสือหมอบ ผู้ผลิตจักรยานเขาก็เลยจัดประเภทไว้ในหลายประเภทแต่ถ้าเราถ้าจะถามผมว่าถ้าเรามีจักรยานเสือภูเขาเราจะเอามาปรับเป็นจักรยานเพื่อการท่องเที่ยวได้ไหม ก็ได้ครับอาจจะพกกระเป๋านิดๆหน่อยๆจะเป็นเป้หลังหรืออะไรหรืออาจจะเสริมตะแกรงเข้าไปในเสือภูเขาก็ได้หรือเสริมเข้าไปในเสือหมอบก็ได้ตะแกรงเพื่อบรรทุกของแต่ละชนิด รูปภาพโดยผู้เขียน มันพูดยากนะครับกับการปั่นจักรยานเราจะเลือกจักรยานอย่างไรให้เหมาะสมกับตัวเราเอาอยู่ที่ใจเจ้าของชอบอย่างไรมันตอบยากครับ ตอบยากเหมือนผมไปเห็นบางคน พอเข้ามาปั่นใหม่ๆก็เป็นจักรยานเสือภูเขานานๆไปไปเจอเพื่อนขี่จักรยานเสือหมอบก็หันไปขี่จักรยานเสือหมอบบ้างจนเปลี่ยนไปเลยว่าไปขี่เสือหมอบแต่บางคนพอเข้ามาเพราะมันไปปั่นมา ไม่ไหวก็เปลี่ยนไปใช้จักรยานเพื่อการท่องเที่ยวเพราะว่ามีก๊วนด้วยกันไปด้วยกันเที่ยวด้วยกันออกจากบ้านไปทีก็ 3-4 คืน ไปเที่ยวกางเต้นนอน ไปนอนตามวัดตามวา ไปศึกษาในหมู่บ้าน อะไรอย่างนี้ก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกันนะครับแต่สิ่งที่แน่ๆที่คุณได้ก็คืออย่างที่ผมบอกครับสุขภาพมิตรภาพใจอันเป็นกุศลได้มาแล้วครับได้ท่องเที่ยวได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆได้โลดแล่นไปในเส้นทางที่ไม่เคยไปไม่เคยเห็นไม่เคยรู้อย่างนี้นะครับว่าจะทำให้ให้เราท่องโลกกว้างมากขึ้นโดยการใช้จักรยานจะเห็นมีบางคนนะครับปั่นจักรยานทั่วประเทศหรือรอบโลกหลายๆอย่างแต่ทีนี้พอพูดถึงการปั่นปลอดภัยไว้ก่อนสิ่งแรกเลยคือสติคุณต้องมีต้องมีสติในการปั่นและ Safety ต่างๆเช่นกางเกงก็ต้องใช้กางเกงปั่นสำหรับปั่นจักรยานโดยเฉพาะ เพราะว่าก็อย่างที่บอกตอนแรกนะครับคุณจะไปนั่งบนอานหรือเบาะแข็งนานๆโดยที่ไม่มีอะไรรองรับก้นของคุณอาจจะทำให้คุณปวดเจ็บ ถ้ามีอะไรมารองนิดหน่อยก็ยังดีกว่าเช่นจักรยานเสือภูเขาแน่นอนอยู่แล้วเบาะเขาจะต้องเป็นแข็ง ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ ก็ต้องสวมกางเกงสำหรับปั่นที่มีฟองน้ำหรือเจล รองรับอีกชั้นหนึ่งก็จะทำให้เรานุ่มก้นขึ้น เรื่องสำคัญที่ปฏิบัติง่ายๆ ท่านปั่นก็ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยสิ่งสำคัญก็คือหมวกกันน็อคก็ต้องสวมนะครับเพราะเราไม่รู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่หัวของคุณราคาเท่าไหร่แพงนะและก็หาซื้อไม่ได้ด้วยดังนั้นคุณก็ต้องรักษาด้วยการป้องกันก่อนที่สายไป ไม่ใช่ว่าไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เราจะเห็นข่าวบ่อยๆมีอุบัติเหตุเกิดจากความประมาทของตัวเราเพราะคนขี่จักรยานเองหรือเพื่อนร่วมทางแต่เราก็ต้องป้องกันไว้ก่อนใส่รองเท้าให้เหมาะสมจะเป็นรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าสำหรับปั่นอันนี้ก็ต้องไปเจาะลงในรายละเอียดกันอีกทีนึงสวมหมวกกันน็อคใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยมีสติอย่างนี้ครับคือเราจะปั่นหรือปลอดภัยปั่นไม่เกาะกลุ่มกันบนถนนไฮเวย์ใหญ่หรือทางแคบ เราต้องระมัดระวังเพื่อนร่วมทางของเราคือผู้ขับขี่รถยนต์เราก็ต้องระวังให้มากถ้าขับขี่ตอนกลางคืนหรือตอนเช้ามืดๆก็ต้องจำเป็นจะมีแสงสว่างทำไฟท้ายสีแดง ๆไฟสว่างข้างหน้าก็ต้องมีให้พร้อมอย่างนี้เราถึงจะปั่นอย่างมีความสุขและปลอดภัย สรุปทั้งหมดทั้งมวลที่ถามผมถามมานี่ ก็พอจะสรุปได้ว่า การปั่นจักรยานของคุณปั่นแล้วจะได้อะไรไม่ได้อะไร ทำไมถึงต้องปั่นแล้วยังจะถามอีกว่า “จะเอาเวลาไหนมาปั่นเช้าผมก็ต้องไปทำงานหรืออะไรประมาณนั้น” เวลาปั่นมีอยู่แล้วทุกคนมีเวลาเท่ากัน 24 ชั่วโมงต่อวันเหมือนกันอยู่ที่ว่าคุณจะจัดสรรอย่างไรที่จะให้สุขภาพร่างกายของคุณดีขึ้นอันนี้ผมกำหนดไม่ได้นะครับว่าคุณจะต้องปั่นเช้าปั่นเย็นปั่นเวลาไหนอย่างไรมาผมเคยพบเพื่อนปั่นคนหนึ่ง ที่เชียงใหม่เขาบอกว่าเขาไม่มีเวลาเขาไม่มีเวลาจะเอาเวลาที่ไหนมาปั่น ในที่สุดเขาก็ได้เวลาครับอันนั้นก็เป็นเวลาของเขาครับเขาใช้เวลาเลิกงานมา เช้าไปทำงานเลิกงานมาตอนเย็นหลังจากทำอะไรกับครอบครัวอะไรเรียบร้อยแล้วปกติเขาจะต้องดูทีวี 20.00 น. เขาจะดูทีวี สองทุ่ม ถึง สามสี่ทุ่ม อะไรประมาณนั้น แล้วก็เข้านอนเขาก็เปลี่ยนจากเวลาตรงนี้ครับที่เขานั่งดูทีวี สองทุ่ม แล้วก็เปลี่ยนออกไปปั่นจักรยานรอบเมืองเชียงใหม่กลับมาก็ไม่เกิน สี่ทุ่ม นี่เขาก็ได้เวลาตรงนี้ ยกตัวอย่างว่าคนเรามีเวลาเหมือนกันอยู่ที่ว่าการจัดสรรจะเป็นอย่างไรเราจะไปเอาอย่างเขาเอาเวลาอย่างผมก็ได้อย่างผมนี่ก็ตอนนี้ก็ใช้เวลาตั้งแต่ ตีห้าทุกๆเช้า ก็ออกไปละไปกับเพื่อนไปกวนด้วยกัน 3 4 คน 5 คนก็ไปด้วยกันก็อยู่ที่ว่าวันไหนไม่มีภารกิจก็อยู่ยาวจนถึงบางทีก็อาจจะครึ่งวันหรือเก้าโมงเช้า กลับเข้าบ้านตรงนี้ ตอนที่มีภาระอยู่ดูแลหลานก่อใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวระยะทางข้อสั้นๆ อะไรประมาณนั้น 1 ชั่วโมงต้องดูแลหลาน ตอนนี้เรียกว่าไม่ได้ดูแลหลานและภาระตรงนี้พ่อแม่เขารับไปผมก็มีเวลาตอนเช้าตีห้า ก็กลับเข้าบ้านก็ประมาณเก้าโมงสิบโมง กว่าๆเสร็จแล้วก็มาทำอะไรที่บ้านอย่างนี้ก็เรียกว่าจะทันเวลาส่วนเวลาอันนี้ก็แล้วแต่นะครับแต่ว่าท่านจะมีเวลาตอนไหนมันอยู่ที่ใจของท่านนะครับใจของคุณแต่ละคนว่ารักการปั่นกันต่างแค่ไหนถ้ารักการปั่นมันก็จะสามารถปลีกเวลาได้แต่บางคนก็บอกว่าผมไม่มีเวลาไม่มีเวลาเลิกงานก็สังสรรค์กับเพื่อน เพลียกลับเข้าบ้านก็ง่วงเช้ามาก็ตื่นสายก็แล้วแต่นะครับไม่ว่ากันแต่ถ้าคุณรักการปั่นจริงๆนะสิ่งที่คุณจะได้ก็คือสุขภาพ มิตรภาพประสบการณ์ใหม่ๆการท่องเที่ยวผมพูดมาเยอะแล้วนะแต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือชนะอะไรก็ตามไม่มีอะไรเท่ากับคุณ”ชนะใจของคุณเองและมันเป็นใจของคุณเองนะถ้าคุณเอาชนะได้ทุกอย่างมันก็ผ่านครับ” สวัสดีครับผม ก็เรียกว่าผมให้ข้อมูลมาอาจจะมีสาระบ้างไม่มีสาระบ้าง สิ่งไหนดีสิ่งไหนที่เป็นประโยชน์คุณก็เก็บเอาไว้ใช้สิ่งไหนไม่ได้เรื่องไม่มีสาระก็ทิ้งไปครับทั้งหมดพูดมาจากประสบการณ์ของตัวเองและครูพักลักจำล้วน ๆ…...สวัสดีครับรูปภาพโดยผู้เขียนอยากผอมหุ่นดี อยากมีซิกแพค หาอินสปายลดน้ำหนัก เข้าร่วมด่วนที่ฟิตแอนด์เฟิร์มคอมมูนิตี้