ภาพประกอบปกจาก Pixabayดวงตาเป็นอวัยวะที่มีความละเอียดอ่อนซับซ้อนที่ต้องกระทบกับแสงแดดโดยตรงเป็นประจำทุกวัน และด้วยวิถีชีวิตปัจจุบันโดยเฉพาะคนทำงานในออฟฟิศที่ต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ทำให้เสี่ยงต่อโรคจอประสาทตาเสื่อมและต้อกระจกมากขึ้น และนำไปสู่สาเหตุการตาบอดในผู้สูงอายุด้วย เราจึงจำเป็นต้องได้รับสารอาหารที่ช่วยดูแลสุขภาพดวงตาโดยเฉพาะดังนี้ภาพประกอบจาก Pixabay1. ลูทีน (Luteine) และ ซีแซนทิน (Zeaxanthin)โดยทั่วไปร่างกายจำเป็นต้องได้รับสารลูทีนจากอาหาร ส่วนสารซีแซนทินร่างกายสามารถเปลี่ยนจากสารลูทีนในตาให้เป็นสารซีแซนทินได้ มีงานวิจัย พบว่าการได้รับลูทีนปริมาณ 6 มิลลิกรัมต่อวัน สามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ถึงร้อยละ 50 โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนเคยแนะนำอาหารเสริมชนิดนี้ ร่วมกับปรับพฤติกรรมการจ้องจอในที่มืด แก่ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับสายตาหรือจอประสาทตาเสื่อมจากการจ้องหน้าจอโทรศัพท์ตอนกลางคืนบ่อยๆ ซึ่งหลังจากที่ผู้ป่วยนำไปใช้ประมาณ 1 เดือนแล้ว พบว่าผู้ป่วยกลับมาซื้ออาหารเสริมซ้ำเนื่องจาก หลังใช้ผลิตภัณฑ์แล้วรู้สึกว่าการมองเห็นดีขึ้นอาหารที่สามารถพบได้สารทั้ง 2 เป็นในกลุ่มแคโรทีนอยด์ชนิดหนึ่งที่มีลักษณะสีเหลือง พบมากในพืชผักที่มีสีเหลืองและสีเขียวเข้ม เช่น ผักกาด คะน้า ปวยเล้ง ซึ่งลูทีนและซีแซนทิน เป็นสารธรรมชาติที่พบมากในตาบริเวณจุดรับภาพและจอประสาทตา ทำหน้าที่ช่วยกรองแสงสีน้ำเงินจากแสงแดดจ้า แสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ และยังช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายโดยลดอนุมูลอิสระอีกด้วยภาพประกอบจาก Pixabay2. เบต้าแคโรทีนเป็นสารอาหารอีกชนิดที่ช่วยในเรื่องการมองเห็นในที่มืด และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องดวงตา ลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก โรคตาบอดกลางคืน ร่างกายสามารถเปลี่ยนเบต้าแคโรทีนไปเป็นวิตามินเอในเวลาที่ร่างกายมีความต้องการนอกจากนี้ เบต้าแคโรทีนยังช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดด จึงอาจเรียกได้ว่า เบต้าแคโรทีน เป็นเสมือนครีมกันแดดในรูปแบบรับประทาน จึงทำให้ผิวพรรณมีสุขภาพดี ไม่มีริ้วรอยก่อนวัย มีความชุ่มชื้นแลดูสดใสอยู่เสมอ จากประสบการณ์ผู้เขียนเคยแนะนำผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนี้แก่ผู้หญิงทีทำงานเป็นแม่ค้าต้องทำงานกลางแจ้ง เมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ไปประมาณ 3 สัปดาห์พบว่า มีผิวที่สว่างมากขึ้นและมีการมองเห็นในที่มืดได้ดีขึ้น อาหารที่สามารถพบได้เบต้าแคโรทีน พบมากในผักและผลไม้ที่มีสีส้ม เหลือง หรือ แดง เช่น แครอท ฟักทอง หน่อไม้ฝรั่ง ข้าวโพดอ่อน แตงโม แคนตาลูป มะละกอสุก และผักที่มีสีเขียวเช่น บรอคโคลี มะระ ผักบุ้ง ต้นหอม ผักคะน้า ผักตำลึง สำหรับปริมาณของเบต้าแคโรทีนที่ควรรับประทานคือ 15 มิลลิกรัมต่อวันหรือเทียบเท่ากับวิตามินเอ 25000 หน่วยสากล (IU)ภาพประกอบจาก Pixabayและนี่ก็เป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับบำรุงสายตาที่คุณสามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านยาต่างๆ ซึ่งมีหลายยี่ห้อในราคาหลักร้อย หรือหากใครไม่สะดวกซื้อหรือไม่ชอบกินยา สามารถหารับประทานได้จากผัก ผลไม้ดังที่ได้กล่าวไป แต่ที่สำคัญหากคุณไม่อยากให้จอประสาทตาเสื่อมก่อนวัยหรือมีปัญาหาทางด้านสายตา ควรหลีกเลี่ยงการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ หรือโดนแสงแดดเป็นเวลานานๆจะเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดนะครับ