รีเซต

อัพเดทเทรนด์แต่งหน้า ทำผม รับปี 2020 ไปกับแหล่งรวมแบรนด์แฟชั่นชั้นนำ ‘บีชู รันเวย์’

อัพเดทเทรนด์แต่งหน้า ทำผม รับปี 2020 ไปกับแหล่งรวมแบรนด์แฟชั่นชั้นนำ ‘บีชู รันเวย์’
Faii_Natnista
27 ธันวาคม 2562 ( 10:00 )
370

     อัพเดทเทรนด์แต่งหน้า ทำผม รับปี 2020 ไปกับแหล่งรวมแบรนด์แฟชั่นชั้นนำ ‘บีชู รันเวย์’ กัน! ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าเท่านั้นที่ปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาล แต่สำหรับผู้หญิงแล้วการแต่งหน้าทำผมนั้นก็เป็นสิ่งที่ต้องคอยอัพเดท เทรนด์อยู่เช่นกัน เพราะการที่จะสวยดูดีแบบองค์รวมนั้น นอกจากเสื้อผ้าแล้วการแต่งหน้าทำผมก็นับเป็นอีกหนึ่งความสำคัญที่จะช่วยเติมเต็มลุคและความมั่นใจได้ โดยล่าสุดแหล่งรวมแบรนด์แฟชั่นชั้นนำจากทั่วทุกมุมโลก ‘บีชู รันเวย์’ (Bchu Runway) ได้จัดงานเวิร์คช็อป ‘บีชู เฟอร์เฟค ลุค’ (Bchu Perfect Look) อัพเดทเทรนด์แต่งหน้า ทำผม ต้อนรับปี ค.ศ. 2020 ร่วมกับเมคอัพอาร์ติสแนวหน้าของเมืองไทย ชาติ-นพกร เพชรล้ำ หรือ Chartmakeup และแฮร์สไตล์ลิสชื่อดัง ต้า-ศิริศักดิ์ โพธิ์ชัยรัตน์ พร้อมแนะนำเทคนิคการแต่งหน้า ทำผม ให้เข้ากับชุดหลากหลายสไตล์เมื่อต้องออกงานสำคัญทั้งลุคกลางวันและกลางคืน โดยมีเหล่าเซเลบริตี้สาวสังคม ได้แก่ หฤทัย ไชยันต์ ณ อยุธยา, ณัฐชยา ไกรฤกษ์, อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ และ ชมพูนุท โรจน์ศิริรัตน์ มาร่วมเผยสไตล์การแต่งหน้าทำผมและเคล็ดลับการเลือกชุดในแบบฉบับของตนเอง ที่โชว์รูม ‘บีชู รันเวย์’ (Bchu Runway) สาขา สยามสแควร์ ซอย 3 เมื่อบ่ายวันก่อน

 

 

     ‘บีชู รันเวย์’ (Bchu Runway) แหล่งรวมแบรนด์แฟชั่นชั้นนำกว่า 150 แบรนด์จากทั่วทุกมุมโลกในรูปแบบตัวแทนเช่าอย่างเป็นทางการที่แรกและที่เดียวในประเทศไทย ผ่าน 3 ขั้นตอนการใช้บริการง่ายๆ เพียง ‘เช่า-สวมใส่-ส่งคืน’ ก่อตั้งขึ้นโดยสองผู้บริหารรุ่นใหม่ ศิตา ชุติภาวรกานต์ และวรกร เดียวสุทธิชาติ ภายใต้แนวคิดที่เล็งเห็นว่าผู้หญิงในยุคใหม่นี้ต้องดูดีอยู่ตลอดเวลา เพราะเชื่อเสมอว่า ‘การแต่งตัวที่ดีจะสามารถสร้างโอกาสสำคัญในชีวิตได้’ โดยทางแบรนด์ได้คัดสรรเสื้อผ้าจากฝีมือดีไซน์เนอร์ดัง การตัดเย็บคุณภาพเยี่ยม ซึ่งถูกแบ่งออกตามประเภทการใช้งาน อาทิ ชุดสำหรับไปงานแต่งงาน, ชุดเพื่อนเจ้าสาว, งานปาร์ตี้, งานกาล่าดินเนอร์, ชุดสำหรับไปร่วมพิธีที่เป็นทางการ ไปจนถึงชุดสบายๆ ที่สามารถสวมใส่ได้ในทุกวัน (Everyday Look)

     สำหรับสาขาใหม่ล่าสุด สยามสแควร์ ซอย 3 ทางแบรนด์ยังได้เพิ่มบริการ ‘บีชู โบลว์ บาร์’ (Bchu Blow Bar) ซาลอนบาร์ที่พร้อมเนรมิตลุคให้ทุกคนดูดีได้ด้วยผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมของ บัลแมง ปารีส แฮร์ กูตูร์ (Balmain Paris Hair Couture) และอาวร์กลาส (Hourglass) เครื่องสำอางโมเดิร์นลักชัวรี่สัญชาติอเมริกัน ที่พร้อมเติมเต็มลุคสวยให้ดูดีอย่างโดดเด่นโดยทีมช่างมากฝีมือ พร้อมบริการสไตล์ลิสส่วนตัว (Personal Stylist) ที่จะมาช่วยสร้างสรรค์ลุคสวยให้การแต่งตัวของคุณมีสไตล์มากขึ้น รวมถึงห้องรับรองพิเศษ (Stylist Studio) สำหรับท่านที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการเข้าใช้บริการ

     บรรยากาศการเวิร์คช็อปครั้งนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ซึ่งลุคที่เมคอัพอาร์ติสและแฮร์สไตล์ลิสได้เนรมิตขึ้นเพื่อต้อนรับทศวรรษใหม่นั้นมีทั้งหมด 4 ลุคด้วยกัน โดยลุคแรกเป็นลุคสำหรับออกงานกลางวันสไตล์สาวหวานที่มาในชุดเดรสสีชมพูคล้องคอจากแบรนด์ Three Floor ในเมคอัพลุคโทนสีส้มพีช พร้อมรวบผมขึ้นหลวมๆ ตามสไตล์เนเชอรัลลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ ลุคต่อมาเป็น ลุคออกงานกลางวันสำหรับผู้หญิงที่มีบุคลิกสดใสและขี้เล่น ซึ่งมาในชุดเดรสคอถ่วงสีเขียวมิ้นท์ลายพิมพ์ดอกไม้จากแบรนด์ Allen Schwartz พร้อมเมคอัพลุคโทนสีสดใสอย่างชมพูอมส้ม ที่ปล่อยผมลงมาแล้วดัดปลายผมให้งุ้มออกเล็กน้อย ถัดมาที่ลุคสำหรับงานปาร์ตี้ยามค่ำคืนสำหรับหญิงสาวผู้มีความเซ็กซี่อย่างมีระดับ โดยมาในชุดเดรสเกาะอกสีดำที่มีดีเทลของผ้าพลีทตัดเย็บติดกับช่วงเอวและทิ้งตัวยาวลงมาจากแบรนด์ Prem By Premonition ในเมคอัพลุคโทนสีน้ำตาลนู้ดที่เน้นการกรีดอายไลน์เนอร์ให้ดูโฉบเฉี่ยวขึ้น พร้อมทรงผมปัดข้างดัดลอนคลาย ช่วยคอมพลีทให้ลุคดูน่าค้าหา ปิดท้ายที่ลุคปาร์ตี้สำหรับสาวอินเตอร์ที่มาในชุดเดรสสั้นเข้ารูปลายพิมพ์ดอกไม้ที่เพิ่มความสนุกให้ชุดด้วยการตัดเย็บระบายช่วงหัวไหล่จากแบรนด์ We are kindred พร้อมเมคอัพลุคโทนสีน้ำตาลเข้ม และทรงผมปัดข้างดัดลอน เป็นลุคที่เหมาะสำหรับสาวเท่ที่ต้องการความดูดีและคล่องตัว

 

 

 

 

     โดยเมคอัพอาร์ติสมากฝีมือ ชาติ-นพกร เพชรล้ำ หรือ Chartmakeup ได้แนะนำเทคนิคการแต่งหน้าให้เข้ากับชุด 4 ลุคดังกล่าว และเคล็ดลับการเตรียมผิวสำหรับการแต่งหน้าเอง พร้อมเผยเทรนด์การแต่งหน้ามาแรงในปี ค.ศ. 2020 ว่า “การแต่งหน้าให้ออกมาดูดีนั้นก็ต้องดูจากองค์ประกอบหลายอย่าง ตั้งแต่เสื้อผ้า บุคลิก และงานที่จะไป แต่เบื้องต้นการแต่งหน้าไปงานกลางวันส่วนใหญ่จะเน้นแต่งแบบเผยผิวก็จะดูสุภาพกว่า ซึ่งพื้นฐานก็ต้องมาจากการบำรุงผิวหน้าให้สุขภาพดีอย่างสม่ำเสมอ และก่อนแต่งหน้าควรมาส์กหน้าทิ้งไว้สัก 15 นาที จะช่วยให้ผิวชุ่มชื้น รองพื้นติดทนขึ้น แต่ถ้าคนที่มีปัญหาผิวอย่างมีหลุมสิวหรือรูขุมขนกว้าง ก่อนลงรองพื้นควรลงไพรเมอร์ก่อนเพื่อช่วยปกปิดให้รูขุมขนดูตื้นขึ้น แต่หากมีสิวที่เพิ่งขึ้นใหม่แล้วยังบวมอยู่ แนะนำให้บีบออกหรือทำให้ยุบลงก่อน เพราะถ้าสิวแห้งถึงจะใช้คอนซีลเลอร์ช่วยปกปิดได้ สำหรับคนที่พักผ่อนน้อยแล้วมักเจอปัญหารองพื้นไม่ติดหน้า ก่อนแต่งหน้าควรมาส์กหน้าทิ้งไว้ก่อน แล้วเลือกใช้รองพื้นแบบเนื้อแมทช์หน่อย เพราะถ้าใช้แบบฉ่ำวาวจะยิ่งทำให้รองพื้นไม่ติดผิว ส่วนการเลือกโทนสีแต่งหน้า สำหรับงานกลางวันให้เน้นเป็นแนวเอิร์ธโทน ส่วนงานกลางคืนก็อาจจะเลือกโทนสีที่เข้มขึ้นมาหน่อย เพิ่มการติดขนตา ลงกลิตเตอร์ที่เปลือกตา ลงไฮไลท์ เฉดดิ้งให้กรอบหน้าชัดขึ้น เพราะงานกลางคืนถ้าแต่งหน้าอ่อนอาจทำให้เราไม่โดดเด่น

     สำหรับ 4 ลุค ที่เราครีเอทขึ้นนั้น ลุคแรกที่เป็นชุดเดรสสีชมพูเลือกแต่งเป็นโทนสีส้มพีชทั้งริมฝีปาก และพวงแก้ม ส่วนสีตาอาจจะลงสีน้ำตาลเพิ่มบางๆ ให้ดูเด่นขึ้น เพราะเราเน้นแต่งที่สีตากับปัดขนตาให้เรียงเส้นสวย จะไม่ได้กรีดอายไลน์เนอร์ เพราะอยากให้ลุคดูเบารับกับทรงผม ส่วนลุคต่อมาที่เป็นเดรสสีเขียว เราแต่งให้เข้มขึ้นด้วยการเบลนด์สีชมพูลงไปเพิ่ม เพราะสีชุดเด่นขึ้น โทนสีของใบหน้าเลยอยากให้ออกมาเป็นโทนชมพูอมส้ม และเลือกลิปสติกเป็นสีชมพูเอิร์ธโทน ส่วนงานกลางคืนก็จะแต่งให้ดูโฉบเฉี่ยวขึ้นอย่างลุคที่เป็นเดรสเกาะอกก็เปลี่ยนสีเปลือกตาเป็นน้ำตาลอมส้ม เพิ่มการกรีดอายไลน์เนอร์โดยเน้นการกรีดช่วงหางตาให้สูงขึ้น เพราะเราอยากให้ลุคนี้ดูเปรี้ยว ส่วนลิปสติกก็ใช้เป็นสีส้มนู้ด และลุคสุดท้ายอยากให้ดูอินเตอร์หน่อยก็เลยปรับเอาอายไลน์เนอร์ออก แล้วเพิ่มการบล็อกตาให้เข้มขึ้น เพิ่มกลิตเตอร์สีทองที่เปลือกตา แล้วใช้ลิปสติกสีน้ำตาลไหม้ ส่วนเทรนด์เมคอัพเด่นในปีหน้าก็จะยังนิยมการเขียนคิ้วแบบฟุ้งๆ อยู่ เน้นเขียนเส้นคิ้วให้คมชัด ส่วนการแต่งตาก็มีการเพิ่มกลิตเตอร์เข้ามาให้ดูสนุกขึ้น พวงแก้มจะเป็นโทนสีส้มแบบลุคธรรมชาติก็ยังมาแรงอยู่ ส่วนการทาลิปสติกจะไม่เน้นการทาขอบปากมาก เทรนด์จะเป็นการทาแบบเลยปากนิดๆ ให้ปากดูอวบอิ่มเป็นธรรมชาติ”

 

 

     ด้านแฮร์สไตล์ลิสชื่อดัง ต้า-ศิริศักดิ์ โพธิ์ชัยรัตน์ ได้แนะนำเทคนิคการทำผมให้เข้ากับชุด 4 ลุคดังกล่าว และเคล็ดลับการทำผมด้วยตัวเอง พร้อมเผนเทรนด์ทรงผมมาแรงในปี ค.ศ. 2020 ว่า “สิ่งสำคัญของการทำผมเราต้องดูภาพรวมของลุคและบุคลิกก่อน เพราะเราต้องมั่นใจเมื่อทรงผมออกมา แต่ส่วนใหญ่ถ้าเป็นงานกลางวันก็ทำได้ทั้งการม้วนวอลลุ่มเบาๆ หรือรวบขึ้นหลวมๆ แล้วทำเส้นฟุ้งให้ดูธรรมชาติ สำหรับงานกลางคืนปกติก็จะเป็นชุดเดรสที่มีความเรียบหรูขึ้น ผมก็สามารถทำได้ทั้งรวบตึง หรือรวบหลวมแบบมีเส้นฟุ้งก็ได้ ถ้าอยากได้ลุคที่ดูหวานขึ้น ส่วนคนที่อยากลองทำผมเอง อาจจะเริ่มที่การไดร์ตรงก่อน หรืออาจจะม้วนปลายให้มีวอลลุ่ม โดยเทคนิคคือตอนม้วนให้ม้วนงุ้มเข้าหน้าอย่างเดียวพอเสร็จแล้วก็ใช้ไดร์เป่าเบาๆ แล้วผมก็จะเป็นวอลลุ่มสวยเอง หรืออีกหนึ่งทรงที่นิยมมากก็คือเวทลุค (Wet Look) ให้ไดร์ตรงแล้วปาดขึ้นเลย ซึ่งหากไปงานกลางวันให้ใช้แวกซ์จัดทรงเพราะจะทำให้ดูเบา แต่ถ้าไปงานกลางคืนควรใช้เจลเพราะผมจะอยู่ทรงและดูเนี้ยบขึ้น หรืออีกหนึ่งทรงง่ายๆ เลยสำหรับผู้หญิงผมยาวก็คือรวบตึง แต่ถ้าเป็นคนผมบางเราจะไม่แนะนำให้เสยผมขึ้น ควรปล่อยตรงแล้วแสกกลางหรือแสกข้างดีกว่า เพราะถ้าเสยขึ้นจะยิ่งทำให้เห็นหนังศีรษะชัด

     ส่วน 4 ลุคที่ทำผมให้แมทช์กันนั้น ลุคแรกที่เป็นเดรสคล้องคอเราแนะนำให้รวบผมขึ้น เพราะไม่อยากให้ช่วงคอดูตันเกินไป แต่ก็รวบแบบหลวมๆ แล้วทำเส้นฟุ้งให้ดูหวานขึ้น เพราะเป็นลุคงานกลางวัน ส่วนชุดต่อมาที่เป็นเดรสสีเขียวเปิดไหล่หนึ่งข้าง เราปล่อยผมลงมาแล้วดัดปลายผมให้งุ้มออกเล็กน้อยก็จะได้ลุคที่ดูสดใสขึ้น ส่วนลุคกลางคืนทั้งสองลุคทำเป็นทรงดัดลอนปัดข้างแล้วทัดหูหนึ่งข้างเพื่อเผยช่วงไหล่ทำให้ลุคดูน่าค้นหาขึ้น สำหรับเทรนด์ทรงผมปีหน้าคนจะเน้นทรงที่ให้ความเป็นเนเชอรัลลุค ทรงผมดูเป็นธรรมชาติมีความสุขภาพดี ดัดลอนเบาๆ หรือดัดวอลลุ่มช่วงปลาย แล้วก็หน้าม้าจะกลับมานิยมอีกครั้งในปีหน้า รวมถึงการทำสีไฮไลท์บางส่วนก็เช่นกัน”

     สำหรับเหล่าเซเลบริตี้สาวสังคมที่มาร่วมงานต่างก็ได้เผยถึงสไตล์การแต่งหน้าทำผมและเคล็ดลับการเลือกชุดในแบบฉบับของตนเอง เริ่มจากสาวยิ้มสวย หฤทัย ไชยันต์ ณ อยุธยา เผยว่า “ปกติถ้าไปงานกลางวันเราจะเน้นแต่งตัวสบายๆ หน่อย จะเลือกใส่เป็นเดรสพริ้วๆ หรือชุดที่เข้ารูปช่วงบนเพราะเป็นคนที่ตัวช่วงบนค่อนข้างเล็ก ส่วนการแต่งหน้าก็จะเป็นโทนสีชมพูพีช แต่งไม่เข้มมาก แต่จะต้องกรีดอายไลน์เนอร์ทุกครั้งที่ออกงาน เพราะจะทำให้เรามั่นใจขึ้น ส่วนผมก็จะทำม้วนลอนช่วงปลายให้ดูธรรมชาติ หรือไม่ก็ไดร์ตรง แต่ถ้าเป็นงานกลางคืนที่ชุดมีความทางการขึ้นซึ่งส่วนใหญ่ก็จะใส่ เดรสยาว หรือกระโปรงแบบหางปลาไปเลย การแต่งหน้าโทนสีก็ต้องเข้มขึ้นเป็นโทนสีน้ำตาลทอง แต่สีลิปสติกจะชอบโทนสีเอิร์ธโทนมากกว่า ส่วนผมก็จะรวบขึ้นไปเลย เพราะชุดจะได้ดูเด่น”

 

 

     ถัดมาที่สาวหน้าเด็ก ณัฐชยา ไกรฤกษ์ เล่าว่า “ส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ค่อยแต่งหน้าเยอะ เพราะเป็นคนผิวแพ้ง่าย ก็จะแต่งเบาๆ สไตล์เนเชอรัลลุคโทนสีชมพู แต่ลิปสติกจะชอบแบบกลอสเพราะจะทำให้ปากดูสุขภาพดี แล้วก็จะติดดัดขนตาทุกครั้ง เพราะจะทำให้หน้าเราดูสว่างขึ้น แต่ถ้าเป็นกลางคืนก็จะแต่งโทนสีเดิมที่เข้มขึ้นหน่อย เพิ่มไฮไลท์ให้ผิวดูฉ่ำวาวขึ้น ส่วนผมงานกลางวันจะม้วนปลายให้งุ้มเล็กน้อย แต่ถ้างานกลางคืนจะชอบไดร์ตรงมากว่า เพราะจะทำให้ลุคเรียบโก้ขึ้น สำหรับการเลือกชุดปกติจะชอบใส่เดรสผ่าหน้าหรือผ่าข้าง เพราะทำให้รูปร่างดูเพรียวขึ้น แต่ถ้าเป็นงานกลางวันจะเลือกโทนสีที่สดใสหน่อย หรือชุดที่เป็นลายพิมพ์น่ารักๆ ส่วนงานกลางคืนจะเน้นความเรียบโก้”

     ต่อมาที่สาวเก่ง อัชฌา เจริญรัศมีเกียรติ เผยว่า “เวลาเลือกชุดออกงานถ้าเป็นงานกลางวันที่ไม่ได้ทางการมากก็จะแต่งสไตล์แคชชวลหน่อย แต่ถ้าเป็นงานกลางคืนที่มีความทางการก็จะเลือกใส่เป็นเดรสยาวเรียบโก้ที่มีดีเทลการปักประดับเลื่อมหรือคริสตัลอยู่ที่ชุด เพราะจะได้เข้ากับงานกลางคืน ส่วนโทนสีก็ต้องดูให้ตรงตามคอนเซ็ปต์งาน สำหรับหน้าผมจะไม่ได้แตกต่างกันมาก เพราะจะเน้นแต่งเป็นโทนสีพื้นอย่างโทนส้มอยู่แล้ว แต่จะเน้นเปลี่ยนสีลิปสติกเอา ส่วนใหญ่ก็จะเป็นสีส้ม สีส้มอิฐ หรือน้ำตาลนู้ด แต่ถ้างานกลางคืนก็จะเพิ่มการลงกลิตเตอร์ที่เปลือกตาและเน้นการปัดมาสคาร่าที่ขนตาเพราะจะช่วยทำให้ดวงตาโดดเด่นขึ้น ส่วนผมเราไม่ได้ยาวมากก็จะชอบทำทรงเวทลุค (Wet Look)”

     ปิดท้ายที่สาวผิวสวย ชมพูนุท โรจน์ศิริรัตน์ เล่าว่า “ถ้าออกงานกลางวันจะชอบแต่งหน้าแนวเอิร์ธโทนประมาณสีน้ำตาล สีชมพู สีนู้ด แต่จะแต่งเปลือกตาไม่เข้มมาก และจะไม่ติดขนตา เพราะอยากได้ลุคที่ดูเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าเป็นงานกลางคืนจะเพิ่มเลเยอร์ที่การแต่งเปลืองตาให้เข้มขึ้น แล้วก็เฉดดิ้งกรอบหน้าให้ชัดขึ้น ส่วนลิปสติกจะเป็นโทนน้ำตาลส้ม เพราะแต่งตาเข้มแล้ว ส่วนทรงผมปกติก็จะไดร์ตรงหรือไม่ก็รวบตึง เพราะเป็นทรงที่เข้าได้กับทุกชุด สำหรับการเลือกชุดส่วนใหญ่จะชอบใส่ชุดที่พอดีกับรูปร่างเพราะเราเป็นคนตัวเล็ก ถ้าเป็นงานกลางวันส่วนใหญ่ก็จะใส่เป็น เดรสสั้นสีขาวหรือโทนสีเบสิกทั่วไป แต่ถ้าเป็นงานกลางคืนจะเลือกเป็นเดรสเข้ารูปโทนสีที่วิบวับขึ้นหน่อยอย่างสีทอง เพราะจะช่วยทำให้เราดูโดดเด่นขึ้น”

     พบกับบริการ ‘บีชู โบลว์ บาร์’ (Bchu Blow Bar) ได้แล้ววันนี้ที่ ‘บีชู รันเวย์’ (Bchu Runway) โชว์รูมสาขา สยามสแควร์ ซอย 3 บริเวณชั้น 1 พร้อมบริการเช่าชุดจากแบรนด์ดังที่บริเวณชั้น 2 และชั้น 3 รวมถึงที่ บีชู รันเวย์ เฮดควอเตอร์ (Bchu Runway Headquarter) เลขที่ 1999/22 หมู่บ้านดิสทริค ศรีวรา ซอยลาดพร้าว 94 หรือสามารถใช้บริการได้ในช่องทางออนไลน์ได้ง่ายเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส ได้แก่ www.bchurunway.com, Facebook Fanpage: bchurunway, Instagram: bchurunway รวมถึงสามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น Bchu Runway ได้ใน App store ในระบบ iOS และ Play Store ในระบบ Android

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
ดาวน์โหลด ทรูไอดีแอป
สัมผัสโลกไร้ขีดจำกัดกับทรูไอดี