มีผลงานวิจัยหนึ่ง ชี้ให้เห็นว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ที่งดกินอาหารมื้อเช้า ในแต่ละวันจะกินอาหารมื้ออื่น ๆ มากกว่าผู้หญิงที่กินอาหารมื้อเช้าเป็นประจำ ซึ่งจะส่งผลให้น้ำหนักตัวของผู้ที่งดอาหารเช้าเพิ่มขึ้นจนเกิดภาวะโรคอ้วนได้ครับ นอกจากนี้ การกินอาหารเช้าทุกวันจะมีโอกาสเกิดภาวะโรคอ้วน และ โรคเบาหวานได้น้อยกว่าผู้ที่งดอาหารเช้า 30-50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งผลการวิจัยดังกล่าวสอดคล้องกับงานวิจัยล่าสุดที่เผยว่า การงดกินอาหารเช้านั้น นอกจากจะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโรคอ้วน และ โรคเบาหวานแล้ว ยังก่อให้เกิดโรคหัวใจได้อีกด้วย ซึ่งดู ๆ แล้วทุกคนอาจจะสงสัยได้ว่า แค่ไม่กินอาหารเช้าแค่มื้อเดียว มันจะมีผลเสียมากมายขนาดนี้เชียวเหรอ ความจริงแล้วการไม่กินอาหารเช้ายังส่งผลเสียยังมีมากกว่านี้อีกนะครับ ภาพจาก https://unsplash.com/photos/lE5O9DktAQY มีการทดลองที่นักวิจัย ได้ทำการศึกษาผู้หญิงจำนวน10 คน โดยให้ผู้หญิง 10 คนนี้ กินอาหารเช้าประเภท ซีเรียลกับนม ในช่วงเวลา 07:00 น.ถึง 8:00 น. แล้ว กินอาหารมื้อกลางวัน และ มื้อเย็นตามปกติ รวมทั้งกินขนมหวานระหว่างมื้อเป็นเวลา 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นให้ผู้หญิง 10 คนกลุ่มเดิมต้องกินอาหารในช่วงเช้า โดยเลื่อนเวลาการกินซีเรียลกับนมมาเป็นมื้อกลางวันแทน และ หลังจากนั้นให้กินอาหาร 2 มื้อรวมทั้งขนมหวานระหว่างมื้อเหมือนเดิม ได้ผลการทดลองว่า การกินอาหารเช้านั้น จะทำให้ปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับในแต่ละวันน้อยกว่าการไม่กินอาหารเช้าประมาณ 100 กิโลแคลอรี่ และ ยังช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลในร่างกายด้วย ส่วนเรื่องของน้ำหนักตัว ของผู้ทดลอง ในช่วงที่กินอาหารเช้า และ อดอาหารนั้นแทบไม่แตกต่างกันเลย อาจเนื่องมาจากงานวิจัยเป็นการทดลองระยะสั้นเพียง 2 สัปดาห์ จึงไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัวอย่างชัดเจน แต่สามารถวัดได้จากปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับต่อวัน และ ปริมาณคลอเรสเตอรอล ทำให้นักวิจัยสรุปได้ว่า การไม่กินอาหารเช้าเป็นประจำเป็นเวลานานนั้น ส่งผลให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นจนเกิดภาวะอ้วนได้ เนื่องจากจะได้รับพลังงานแคลอรี่ที่เพิ่มมาในแต่ละวันเพิ่มขึ้น 100 จนเกิดอาการสะสมจนเกิดเป็นโรคอ้วนนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีโอกาสเกิดโรคเบาหวานจากการที่ร่างกายตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลินอีกด้วยภาพจาก https://unsplash.com/photos/teuvnOXOGVo การกินอาหารมื้อเช้านั้น สำคัญต่อการควบคุมความรู้สึกอยากอาหารที่เหลือในแต่ละวัน การตอบสนองของร่างกายต่อฮอร์โมนอินซูลิน และ กระบวนการเผาผลาญพลังงานในร่างกาย โดยอาหารเช้าจะเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกายนำมาใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ในแต่ละวัน จึงลดความรู้สึกหิวที่เป็นสัญญาณเตือนว่า พลังงานในร่างกายเริ่มหมดลง จนเราต้องนำอาหารมากินเพิ่มพลังงานพูดให้เข้าใจง่าย ๆ ว่าการกินอาหารในมื้อเช้าเป็นการเติมพลังที่เราจะใช้ในแต่ละวัน ตั้งแต่เช้าทำให้เราไม่รู้สึกหิว รู้สึกหมดพลัง แต่ว่า ถ้าเรางดอาหารเช้า เราจะรู้สึกหิวตั้งแต่เช้า เมื่อเรารู้สึกหิว และ รู้สึกหมดพลังเราจะต้องหาอาหารที่มีพลังงานมากมากิน เพื่อเป็นการเติมพลังทำให้เกิดโรคอ้วนได้ง่ายขึ้นนั้นเอง โดยปกติเมื่อร่างกายต้องการพลังงานเพิ่มขึ้นจากกระตุ้นการสร้างฮอร์โมนอินซูลินเพิ่มขึ้น เพื่อนำน้ำตาลเข้าเซลล์ และ เปลี่ยนไปใช้เป็นพลังงานซึ่งถ้ามีปริมาณฮอร์โมนอินซูลินมากไปจะทำให้การตอบสนองของร่างกายต่อฮอร์โมนอินซูลินลดลง จนอาจเกิดเป็นโรคเบาหวานในที่สุดภาพจาก https://unsplash.com/photos/BiWb1Y8wpZk เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว มื้อเช้าจึงเป็นมื้อที่สำคัญอย่างมาก เนื่องจากเรานอนหลับพักผ่อนมาเป็นระยะเวลา 8 ชั่วโมง ไม่มีอาหารตกถึงท้องเลย เมื่อเราตื่นเช้ามา เราต้องออกไปทำงาน ออกไปเรียน เราต้องใช้พลังงานต่าง ๆ ในการทำกิจกรรม ซึ่งถ้าเราไม่กินมื้อเช้าเข้าไปร่างกายของเราก็จะขาดพลังงานทำให้เราไม่สามารถุทำสิ่งต่าง ๆ ได้เต็มที่ ส่งผลให้คุณภาพงานของเราลดลง ประสิทธิภาพการทำงานของเราลดลง จนในที่สุดก็ส่งผลสืบเนื่องกันต่อไปเรื่อย ๆ ร่างกาย และ จิตใจของเราก็แย่ลงด้วย่นกัน ฉะนั้นแล้ว มื้อเช้าเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับทุกคน เราไม่ควรหลีกเลี่ยงการกินมื้อเช้าเด็ดขาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยเรียน ซึ่งเป็นวัยที่ต้องใช้พลังงานมาก ต้องจดจำเนื้อหาตำราเรียน ต้องมีสารอาหารมาหล่อเลี้ยงให้ร่างกายเติบโต ถ้าไม่มีเวลาจริง ๆ อย่างน้อยก็ขอให้กินอาหารที่ซื้อจากร้านสะดวกซื้อ เพื่อให้มีอาหารตกถึงท้องสักหน่อย และ มีพลังงานให้ร่างกายนำไปใช้ได้บ้าง ไม่ใช่ไม่กินอะไรเลย แบบนั้นจะไม่ดีแน่ ๆ ครับทุกคนภาพจาก https://unsplash.com/photos/ZOOo-HS_mIE