อยากลดน้ำหนัก แต่ไม่รู้ว่าจะลดอย่างไรดี วันนี้ขอเสนอแนวคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ทุกท่านได้ลองทำตามกันดูนะคะ ขอบอกก่อนว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่เหมาะกับการทำไปเรื่อย ๆ แบบไม่เร่งรีบ นะคะ อย่างแรก คือ การหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีที่ต้องการใช้ในการลดน้ำหนัก ส่วนตัวสนใจ 3 เทคนิคนี้ค่ะ คือ เทคนิคการกินคีโตเจนิก เทคนิคการกินคลีน และเทคนิคการทำ IF เทคนิคการกินคีโตเจนิก จะเป็นการทานไขมัน และโปรตีน เป็นส่วนมาก และ ลดปริมาณการทานคาร์โบไฮเดรต แป้ง น้ำตาล และโซเดียม เทคนิคนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบทานเนื้อและไขมัน และสามารถลดปริมาณข้าวในแต่ละมื้อได้ ข้อควรระวังของการกินคีโตเจนิก คือ อาจจะมีอาการวิงเวียน อ่อนแรง เนื่องมาจากการขาดคาร์โบไฮเดรตแบบฉับพลัน และ อาการท้องผูก เนื่องจากกทานผักผลไม้น้อยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : paolohospital เทคนิคการกินคลีน จะเป็นการทานอาหารที่มีรสชาติไม่จัดจ้านมาก ทานผักผลไม้ และ โปรตีนเป็นหลัก คาร์โบไฮเดรตเปลี่ยนจากข้าวขาวเป็นข้าวกล้องหรือธัญพืช เทคนิคนี้จะเหมาะกับคนที่ชอบทานผัก สามารถทานผักได้อย่างอร่อย และทานผลไม้ได้ทุกวัน ชอบทานเนื้อที่ไม่ติดมัน ไม่ติดหวาน และมีการจัดสัดส่วนในการทานแต่ละมื้อ ดังนั้นอุปกรณ์ที่คู่กับเทคนิคการกินคลีน คือ เครื่องชั่งน้ำหนักอาหาร ช้อนตวง เป็นต้นค่ะสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : rama.mahidol เทคนิคการทำ IF คือ การกำหนดระยะเวลาในการกินซึ่งการกำหนดเวลาจะมี 6 แบบให้เลือก คือแบบที่ 1 : 8/16 = ทานได้ 8 ชม. ต้องอด 16 ชม.แบบที่ 2 : 5/19 = ทานได้ 5 ชม. ต้องอด 19 ชม. แบบที่ 3 : อด 24 ชม.โดยจะอด 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ วันที่ไม่อดสามารถทานได้ปกติแบบที่ 4 : 5:2 = ทานปกติ 5 วัน และเลือกทำ IF แบบที่ 1 หรือแบบที่ 2 อีก 2 วัน โดย 2 วันนี้ต้องทำติดกันแบบที่ 5 : อดเช้า กินค่ำ โดยช่วงเช้าสามารถทานได้เพียงน้ำเปล่าแบบที่ 6 : อดวันเว้นวัน วันที่อดสามารถทานได้ปกติสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : allwellhealthcareอย่างที่สอง ที่จะพูดถึงคือ การ mix and match วิธีการ โดยนำหลักการและวิธีการของแต่ละเทคนิคมาใช้ตามความชอบและความถนัดของเรา เช่นการทำ IF ควบคู่กับการกินคีโตเจนิกการทำ IF ควบคู่กับการกินคลีนการกินคีโตเจนิก ควบคู่กับการกินคลีนการทำ IF ควบคู่กับการกินคีโตเจนิกและการกินคลีน เป็นต้น เนื่องจากช่วงเวลาในการกินของ IF สามารถกินได้ปกติ เราก็เลือกกินเป็นคีโตเจนิกหรือเลือกการกินคลีนหรือเลือกการกินคีโตเจนิกควบคู่กับการกินคลีนแทน ข้อดีของการกินคีโตเจนิก คู่กับการกินคลีนคือ เราได้กินผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์ ส่งผลให้ไม่เกิดเอาการท้องผูก แต่ข้อควรระวังในการกินคีโตเจนิกควบคู่กับ IF คือ ไม่ควรงดการทานคาร์โบไฮเดรตในทีเดียว อาจจะทานเป็นข้าวกล้องหรือการค่อย ๆ ลดปริมาณข้าวที่กินต่อมื้อลงอย่างช้า ๆ ให้ร่างกายเกิดความเคยชินก่อน **ทั้งนี้ควรเลือกรูปแบบการทำ IF ที่เหมาะสมด้วยนะคะ และอย่างสุดท้ายคือ การเลือกกินจากสิ่งที่ชอบตามปกติ อาจจะฟังดูขัดแย้ง ๆ หน่อยแต่เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ซึ่งมันคือการเลือกทานจากอาหารที่เราชอบและพฤติกรรมในการกินของเรา เช่น โดยปกติเรากินมื้อเช้าตอน 10 โมง เราก็กินตามเวลาปกติของเราได้เลย เราชอบกินข้าวขาหมูมาก เราก็สั่งข้าวขาหมูมากิน แต่ต้องลดปริมาณข้าวและน้ำจิ้มลงจากปกติ เราชอบทานเนื้อติดมันมากชอบกินผักด้วยชอบกินเผ็ดด้วย เราก็อาจจะกินเป็น หมูสามชั้นทอด ผักลวก กับน้ำพริก อะไรอย่างนี้เป็นต้น จะเห็นได้ว่าเราสามารถกินได้อย่างปกติเพียงแค่เราจำเป็นต้องลดสัดส่วนบางอย่างลง แต่มันก็ทำให้เรายังคงสนุกกับการกิน และหากมีเวลาหน่อยก็สามารถออกกำลังกายควบคูไปด้วยเลย ส่วนตัวใช้วิธีประมาณนี้ และน้ำหนักจาก 59 ตอนนี้อยู่ที่ 57- 58 เวลาประมาณ 1 เดือนกว่า การกินโปรตีนที่มากขึ้น(แต่ก็ไม่ควรมากเกินความจำเป็นนะคะ) ลดการกินของหวาน ลดการกินโซเดียม ดื่มน้ำเยอะขึ้น และเพิ่มการออกกำลังกายบ้างเป็นบางวัน วันละ 15-30 นาที รู้สึกได้เลยว่ากระชับขึ้น มีกล้ามเนื้อมากขึ้น สำหรับใครที่อยากจะเริ่มลดก็สามารถปรับใช้ได้นะคะ แบบค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป พอถึงจุดที่เราเริ่มอินกับการกินแบบ healthy และ การออกกำลังกายไปเรื่อยๆจนเราก็จะรู้สึกสนุกไปกับมันนั่นแหละค่ะ คือความสำเร็จ เครดิตรูปภาพ : ภาพปก โดย madartzgraphics จาก pixabayภาพที่ 1 โดย ผู้เขียนภาพที่ 2 โดย ArturLuczka จาก pixabayภาพที่ 3 โดย Skica911 จาก pixabayภาพที่ 4 โดย happyveganfit จาก pixabayและตกแต่งโดยผู้เขียนอ้างอิงข้อมูลจากเทคนิคการกินคีโตเจนิก จาก paolohospital โดย นพ.วีระยุทธ บุญเกียรติเจริญ เวชศาสตร์ป้องกัน แผนกตรวจสุขภาพเทคนิคการกินคลีน จาก rama.mahidol โดย ศ. พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร เทคนิคการทำ IF จาก allwellhealthcare จาก ALLWELLHEALTHCAREเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !