10 สาเหตุที่ทำให้กินเยอะเกินไป หิวมากขึ้น จนเข้าข่ายโรคกินไม่หยุดคนเป็นโรคกินไม่หยุด คือ คนที่มีลักษณะการทานอาหารที่เกินความจำเป็น โดยผู้ป่วยโรคนี้จะทานอาหารจำนวนมากในระยะเวลาสั้นๆ โดยไม่สามารถควบคุมทานอาหารได้ และรู้สึกหลงใหลการทานอาหารเป็นอย่างมากค่ะ ซึ่งโรคกินไม่หยุดนี้เป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้ในระยะยาวจึงสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจของคนๆ นั้นได้ค่ะ จะรู้ได้อย่างไรว่ามีอาการของผู้ที่มีโรคกินไม่หยุด!? หากพบว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้ถือว่าเข้าข่ายโรคกินไม่หยุดค่ะ- การทานอาหารในปริมาณที่มากเกินไปในระยะเวลาสั้นๆ โดยมีความรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมการรับประทานอาหารได้- ทานอาหารได้มากในช่วงที่มีความเครียดหรืออารมณ์เสีย- รู้สึกผิดหวังหรือความไม่พอใจในตัวเองหลังจากทานอาหารมากเกินไป- ทานอาหารโดยมีความรู้สึกหรือมีลักษณะที่เป็นสถานการณ์ซ้ำๆ แบบเดิมอย่างต่อเนื่อง- ทานอาหารได้มากถึงแม้ว่าจะไม่มีความหิว- ทานอาหารโดยใช้เวลาในการทานที่นานกว่าปกติอย่างไรก็ตามผลจากการเป็นโรคกินไม่หยุดสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจได้อย่างแน่นอนค่ะ โดยผู้ที่มีอาการของโรคนี้มีความจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและหาแนวทางในการรักษาจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพจิต ซึ่งอาจรวมถึงการให้คำปรึกษาทางโภชนาการเพื่อช่วยในการจัดการปัญหาการทานอาหารด้วยค่ะ ดังนั้นหากพบว่าตัวเองเข้าข่ายโรคกินไม่หยุดควรหาทางปรับปรุงแก้ไขจะดีกว่าค่ะ โดยโรคกินไม่หยุดนี้มีที่มาที่ไปค่ะ และต่อไปนี้คือ 10 สาเหตุที่ทำให้กินเยอะเกินไป หิวมากขึ้น จนเข้าข่ายโรคกินไม่หยุดค่ะ1. การมีอารมณ์โดยเฉพาะอารมณ์ลบๆ ทั้งหลาย จนทำให้เกิดความเครียดค่ะ เมื่อเราเศร้าหรือเครียดสถานการณ์นี้มีผลทำให้เรากินมากขึ้นเนื่องจากเราไปโฟกัสผิดจุด โดยไปคิดว่าการทานอาหารทำให้สบายใจขึ้นจากสถานการณ์เครียดๆ ทั้งหลายค่ะ2. ความรู้สึกหิวที่มากขึ้น การปล่อยให้ตัวเองมีความรู้สึกหิวมากขึ้นแน่นอนว่าจะไปกระตุ้นให้เราทานมากขึ้นค่ะ ในบางครั้งการมีความรู้หิวมากขึ้นอาจเกิดจากการเลื่อนเวลาในการทานอาหารหรือการกินอาหารในปริมาณที่ไม่เพียงพอด้วยค่ะ3. การใช้ยาหรือสารเสพติดบางอย่าง โดยยาหรือสารเสพติดบางชนิดอาจไปกระตุ้นความอยากอาหารให้มีเพิ่มมากขึ้นได้ค่ะ พอเป็นแบบนี้จึงทำให้เรามีแนวโน้มที่จะทานมากขึ้นตามมาค่ะ4. ข้อมูลเกี่ยวกับอาหาร หากคุณผู้อ่านลองสังเกตดีๆ นั้น อาหารบางชนิดมีข้อมูลบางอย่างที่ไปกระตุ้นให้เราอยากลองทานค่ะ เช่น มีส่วนผสมที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ พอเราไปรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับอาหารในลักษณะนี้จึงทำให้เกิดความรู้สึกอยากรู้อยากลองทานค่ะ จึงส่งผลไปทำให้เราทานอาหารมากเกินไปเพียงเพราะข้อมูลของอาหารชนิดนั้นๆ ที่ดึงดูดทำให้เกิดการทานอาหารค่ะ5. การทานอาหารในหน้าหนาว เป็นที่รู้กันค่ะว่าในช่วงฤดูหนาวนั้นร่างกายต้องการพลังงานมากขึ้นเพื่อรักษาความอบอุ่นในร่างกายค่ะ ดังนั้นจึงพูดได้ว่าความหนาวเย็นมีส่วนไปกระตุ้นให้เรามีแนวโน้มที่จะทานอาหารมากขึ้นแบบไม่รู้ตัวค่ะ6. สภาพแวดล้อม การใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันไปและสถานการณ์บางสถานการณ์สามารถส่งผลให้เราทานมากขึ้นค่ะ เช่น การอยู่ในสถานการณ์ที่มีอาหารมากขึ้น เช่น งานเลี้ยงหรือร้านอาหารบุฟเฟต์ เป็นต้น เราจึงทานมากขึ้นเพราะสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยอาหารค่ะ7. ความสามารถในการเข้าถึงอาหาร สมัยนี้ในระยะทางแค่เพียงรัศมี 1 กิโลเมตร เราสามารถหาอาหารได้มากกว่า 100 ร้านค่ะ เมื่อเทียบกับในอดีตรุ่นปู่ย่าตายายของเราที่อาหารหาได้ลำบาก พอเรามีความสะดวกสบายมากขึ้น มีบริการส่งอาหารถึงบ้าน มีบริการสั่งอาหารออนไลน์ที่รวดเร็วทันใจ จึงทำให้เราทานมากขึ้นแบบที่บางคนอาจคิดไม่ถึงค่ะ8. ข่าวสารและสื่อต่างๆ การมีข่าวสารและสื่อต่างๆ ออกมาก เช่น การโฆษณาเกี่ยวกับอาหารชนิดหนึ่ง การโพสต์ภาพอาหารและอื่นๆ ในทำนองนี้ สามารถกระตุ้นความอยากอาหารได้ค่ะ จึงทำให้เราทานอาหารมากขึ้นไปด้วยแบบไม่ทันตั้งตัวค่ะ9. การทำงานในออฟฟิศแบบนั่งติดอยู่กับที่เป็นเวลานาน อาจทำให้เรามีแนวโน้มที่จะทานมากขึ้นค่ะ ทั้งนี้อาจเกิดจากสภาพแวดล้อมมากระตุ้นให้เราทานอาหารมากขึ้นค่ะ เช่น การมีนิสัยทานอาหารบ่อยครั้ง ทานของว่างและของทานเล่นของผู้หญิงในสำนักงานค่ะ10. การออกกำลังกายที่มากเกินไป ถึงแม้ว่าการออกกำลังกายจะมีประโยชน์ แต่ถ้ามีการออกกำลังกายที่มากขึ้นเกินไป สถานการณ์นี้จะไปกระตุ้นให้เราทานอาหารมากขึ้นค่ะ เพราะอย่าลืมว่าต่อให้ร่างกายสามารถเผาผลาญพลังงานได้ในช่วงที่มีการออกกำลังกาย แต่ร่างกายยังมีความจำเป็นต้องรักษาสมดุลเพื่อทำให้เรายังมีชีวิตอยู่ค่ะ ดังนั้นอะไรก็ตามแต่ค่ะพอดีๆ ถึงจะดี ถ้ามากเกินไปหรือน้อยเกินไปก็ไม่ดีแน่นอนและทั้งหมดคือ 10 สาเหตุที่ทำให้ทานเยอะเกินไป หิวมากขึ้น จนเข้าข่ายโรคกินไม่หยุดค่ะ และก่อนจะจบเนื้อหาของบทความนี้ขอฝากไว้อีกนิดเกี่ยวกับผลเสียที่สามารถพบได้หากทานมากเกินไปค่ะ เพื่อสร้างความตระหนักมากขึ้นและเพื่อส่งเสริมให้ทุกคนหันมาดูแลสุขภาพกันค่ะ ซึ่งการทานมากเกินไปอาจมีผลเสียต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจ ดังนี้ค่ะ- เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน การทานอาหารมากเกินไปอาจทำให้เรามีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอ้วนค่ะ เนื่องจากพลังงานที่เกินความจำเป็นจะถูกเก็บสะสมไว้ในส่วนต่างๆ ของร่างกายค่ะ- ส่งผลกระทบต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด การทานอาหารมากเกินไปอาจทำให้เกิดการสะสมของไขมันในหลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยชักนำต่อการเกิดของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ค่ะ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน โรคความดันโลหิตสูง เป็นต้น- เสี่ยงต่อโรคเบาหวาน การทานอาหารที่มีน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตสูงเกินไป อาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ค่ะ- มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร การทานอาหารมากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน พะอืดพะอม ไม่สุขสบายตัว แน่นอึดอัดท้องจนทำให้หายใจได้ลำบากขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีน้ำหนักตัวมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้วค่ะ- มีปัญหาสุขภาพจิต การทานอาหารมากเกินไปอาจทำให้เรารู้สึกผิดหวังกับตัวเองหรือไม่พอใจในตัวเองได้ค่ะ เช่น การรู้สึกวิตกกังวล ซึ่งอาจส่งเสริมทำให้เกิดความเครียดตามมาและนำไปสู่การมีภาวะซึมเศร้าได้ค่ะ- น้ำหนักตัวเกิน การทานอาหารมากเกินไปอาจทำให้สูญเสียความมั่นใจ เพราะมีบุคลิกภาพที่ไม่เหมาะสม และสถานการณ์นี้อาจทำให้เรารู้สึกผิดหวังหรือไม่พอใจเกี่ยวกับน้ำหนักของเราได้ด้วยค่ะ ถึงแม้ว่าการทานอาหารเป็นสิ่งที่มีความสำคัญสำหรับสุขภาพของเรา แต่ถ้าเราทานมากเกินไปก็จะได้รับผลกระทบเหมือนกับที่ผู้เขียนได้พูดถึงไว้ก่อนหน้านี้ค่ะ ในทางตรงกันข้ามหากทานน้อยเกินไปอีกก็มีผลเสียเหมือนกันค่ะ ดังนั้นการทานอาหารที่สมดุลและเหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อส่งเสริมสุขภาพดีค่ะ สำหรับส่วนตัวของผู้เขียนนั้นไม่ได้ทานน้อยหรือมากเกินไปค่ะ ทุกครั้งหากเกี่ยวข้องกับการทานอาหารจะมีสติตลอด "สติมาปัญญาเกิดค่ะ" โดยผู้เขียนจะทานแค่พอดีๆ เท่าที่ร่างกายต้องการค่ะ อิ่มแค่ไหนพอแค่นั้นต่อให้ไปงานเลี้ยง มีอาหารฟรีหรือบุฟเฟต์ก็ตามค่ะ หากมีอาหารเหลือแล้วเสียดายส่วนใหญ่ผู้เขียนจะใส่กล่องเก็บไว้ทานเวลาอื่นโดยจะไม่ดันทุรังทานอาหารจนหมดเด็ดขาดค่ะและจากที่ทำแบบนั้นเป็นประจำก็พบว่าตัวเองไม่เคยอ้วนเลยค่ะ ผ่านมาเป็น 10 ปี น้ำหนักตัวจะประมาณ 45-47 กิโลกรัมตลอดค่ะ โดยปัจจุบันก็มีน้ำหนักเพียง 45 กิโลกรัมเท่านั้นค่ะ หน้าท้องแบนราบ แขนขาเรียวค่ะ ที่เป็นแบบนี้โดยการยึดแนวทางทานพอดี ทานอาหารหลากหลาย เน้นผักผลไม้ ทานข้าวแค่ทัพพีเดียว ลดหวาน มันและเค็มค่ะ จึงอยากแนะนำให้คุณผู้อ่านหันมาทานอาหารแค่พอดีๆ กันค่ะ เพราะมีผลดีหลายอย่างมาก เอาไว้จะมาขยายความในบทความอื่นนะคะ อย่างไรก็ตามเรื่องสุขภาพดีมีความจำเป็นต้องลงมือทำอย่างต่อเนื่องจนเป็นนิสัยจึงจะเห็นผลลัพธ์ค่ะ ลองอ่านและนำข้อมูลในบทความนี้ไปปรับใช้กันค่ะ และหวังว่าเนื้อหาในบทความจะทำให้คุณผู้อ่านตระหนักและมองเห็นภาพมากขึ้นเกี่ยวกับการทานอาหารเยอะเกินไปค่ะเครดิตภาพประกอบบทความภาพหน้าปก โดย Darya Sannikova จาก Pexelsภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย MART PRODUCTION จาก Pexels, ภาพที่ 2 โดย Laura James จาก Pexels, ภาพที่ 3 โดย Brigitte Tohm จาก Pexels, ภาพที่ 4 โดย Negative Space จาก Pexelsออกแบบภาพหน้าปกใน Canvaบทความอื่นที่น่าสนใจวิธีเลือกกินอาหารที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมสุขภาพดี สุขภาพดีเราสร้างได้8 วิธีมีสร้างนิสัยออกกำลังกายจนทำอย่างต่อเนื่องได้แบบง่ายๆ12 แนวทางส่งเสริมสุขภาพ เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า คุณทำได้อยากผอมหุ่นดี อยากมีซิกแพค หาอินสปายลดน้ำหนัก เข้าร่วมด่วนที่ฟิตแอนด์เฟิร์มคอมมูนิตี้