ในขณะที่เรากำลังสนใจข่าวคราวการระบาดของ โควิด-19 ที่ยังต้องเฝ้าระวัง อีกด้านหนึ่งเมื่อย่างเข้าเดือน 6 นอกจากฝนจะตกพรำ ๆ แล้วมันยังมาพร้อมกับโรค ไข้เลือดออก ที่เป็นโรคประจำถิ่น จะกลับมาอาละวาดเมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝนแบบนี้เป็นประจำทุกปี และรู้กันหรือไม่ว่าในปี พ.ศ.2562 ที่ผ่านมามีคนไทยเป็นโรคไข้เลือดออกนับแสนคน และเสียชีวิต 133 คน* เห็นตัวเลขกันแบบนี้แล้วหลายคนร้องอุทานด้วยความตกใจ เพราะแน่นอนว่ามันมากกว่าผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตในประเทศจากโควิด-19 เสียอีก เราจะมาดูกันว่าสถานการณ์ของโรค ไข้เลือดออก ในเวลานี้เป็นอย่างไรบ้าง แล้วปีนี้ล่ะเป็นกี่คนแล้ว? ใครที่อยากรู้ขอให้ตามมา จะขอพาไปดูกันว่านอกจากความน่ากลัวแล้ว เราจะมีวิธีสังเกตอาการ และป้องกันอย่างไรแบบเข้าใจง่าย ได้ความรู้ไปพร้อมกันจากข้อมูลล่าสุดในปี พ.ศ.2563 จนถึงเดือนมิถุนายน มีคนติดไข้เลือดออกแล้ว 14,136 คน และเสียชีวิตไป 17 คน** เห็นตัวเลขแบบนี้อย่าเห็นว่าน้อยนะ เพราะช่วงเวลาที่ ไข้เลือดออก แพร่ระบาดสูงสุดจะเป็นตอนเข้าหน้าฝนเต็มตัวตั้งแต่มิถุนายน ไปจนถึงพฤศจิกายน ที่น่าสนใจคือจากข้อมูลสถิติของ กองระบาดวิทยา ในปีนี้ ช่วงเวลาที่เป็นกันมากที่สุดคืออายุ 10-14 ปี รองลงไปคือ 5-9 ปี และ 15-19 ปีตามลำดับ จะเห็นได้ว่าวัยเด็กจะเป็นกลุ่มเสี่ยงมาก เพราะฉะนั้นต้องระวังลูกหลานเราให้ดี และพื้นที่แพร่ระบาดสูงสุดจะอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนกรุงเทพมหานครมีคนติดเชื้อปีนี้แล้ว 1,284 คน เกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ของผู้ติดเชื้อทั้งประเทศเลยทีเดียว ส่วนใหญ่ยังเป็นเด็กอายุ 5-14 ปีกันเช่นเคย โดยใน 100,000 คน จะมีเด็กวัยนี้เป็นโรคไข้เลือดออกร้อยละ 51.03 คน*แล้วเราจะป้องกันได้อย่างไร? อย่างที่ทราบกันดีว่าพาหะของไข้เลือดออกคือ ยุงลาย จะไปไล่ตีไล่ตบมันก็เหนื่อย แถมพลาดท่าอาจโดนมันดูดเลือดอีก วิธีในการเอาชนะยุงลายที่ดีที่สุดคือกำจัดแหล่งวางไข่ของมันไม่ให้เกิด ลูกน้ำ ที่จะพัฒนาไปเป็นยุงลายให้เราได้รำคาญใจ และแหล่งแพร่พันธุ์ของยุงลายจะชอบน้ำนิ่งที่ขังอยู่ตามที่ต่าง ๆ เริ่มจากในบ้านของเราก็มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายอย่างดีเช่นในถังน้ำ , กระถางบัว หรือแม้แต่ชามข้าวแมวก็มีลูกน้ำได้เช่นกัน แต่ไม่ต้องกลัวนะเพราะวิธีแก้ง่ายมากเช่นในบ้านของผู้เขียนเองจะแก้ปัญหาโดยการเปลี่ยนน้ำที่เป็นอาหารของสัตว์เลี้ยงทุกวัน , ถังน้ำไม่ได้ใช้ก็หาอะไรมาปิดไว้ ส่วนที่อยู่นอกบ้านอย่างกระถางบัว ก็เอาปลามาปล่อยเสียเลย ลูกน้ำจะกี่ตัวก็ไม่เหลือรอดกลายเป็นยุงแน่นอน จากนั้นหามุ้งลวดมาปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด บางบ้านไม่มีมุ้งลวดอาจแก้ปัญหาที่การกางมุ้งนอน เพียงเท่านี้ก็จะลดโอกาสติดเชื้อไข้เลือดออกไปได้เยอะเลยจากนั้นสังเกตอาการของตัวเอง และลูกหลาน หลังจากได้รับเชื้อไปแล้ว 4-7 วัน จะเริ่มมีอาการไข้สูงเกิน 38.5 องศา , ปวดตามข้อ , ปวดเมื่อยตามตัว , อาเจียน ถึงตรงนี้อย่าสับสนนะเพราะอาการจะคล้าย โควิด-19 หรือ ไข้หวัดใหญ่ สิ่งที่ไข้เลือดออกมีความแตกต่างจาก 2 โรคที่กล่าวมาคือจะมีผื่นเป็นจุดสีแดงขึ้นตามตัว และมีเลือดออกตามจุดสีแดง เมื่อพบอาการแบบนี้ต้องรีบไปพบแพทย์ทันที ถ้าไม่ไปอาการจะทรุดหลังจาก 7-14 วัน อาจทำให้เสียชีวิตได้ ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายเพราะโรคไข้เลือดออก ทั้งประกันสังคม และสิทธิ์บัตรทองครอบครุมในการรักษา ยิ่งไปพบแพทย์ไวยิ่งรักษาได้เร็วจะเห็นได้ว่าแม้ไข้เลือดออกจะน่ากลัว แต่ก็มีวิธีป้องกัน รักษาได้ไวก็เพิ่มโอกาสหาย รู้อย่างนี้แล้วเราจึงต้องปฏิบัติตัวให้เป็นนิสัยในการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ยุงตัวนิดแต่มีพิษร้ายเจอที่ไหนต้องกำจัดให้สิ้นซาก เพียงเท่านี้ทั้งตัวเราและคนรอบข้างก็จะปลอดภัย สามารถแชร์เรื่องราวดี ๆ ที่มีประโยชน์แบบนี้ผ่านทางโซเชียลได้ทุกช่องทาง เพื่อสังคมที่ห่างไกลจากโรคระบาด และมีสุขภาพดีกันทุกคน...*อ้างอิงข้อมูลจาก สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร : www.bangkok.go.th**อ้างอิงข้อมูลจาก กรมควบคุมโรค : ddc.moph.go.thภาพประกอบจาก pixabay ภาพหน้าปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 โดยผู้เขียน