Rado นาฬิกาที่ถือเป็นศิลปะแห่งเซรามิก ให้ความรู้สึกเบาราวกับยังไม่ได้ใส่
ศิลปะแห่งเซรามิก...ฉายา “ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ” ของ Rado ไม่ได้มาเพราะความบังเอิญแน่นอน แต่นี่คือผลของความทุ่มเทให้การวิจัยและการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเริ่มต้นจากความปรารถนาที่อยากทดลองสร้างจินตนาการทุกอย่างให้เป็นจริงขึ้นมาได้ Rado ลงมือขับเคลื่อนนวัตกรรมอันน่าตื่นเต้นมาตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์เมื่อปีค.ศ.1917 ด้วยวิสัยทัศน์ที่เล็งเห็นวัสดุซึ่งดูเหมือนจะอยู่เหนือกาลเวลา และมีคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมไม่เหมือนใคร ทำให้แบรนด์โด่งดังไปทั่วโลกและขึ้นชื่อเรื่องความเป็นมืออาชีพด้านการผลิตนาฬิกาอย่างแท้จริง สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า คำขวัญประจำแบรนด์ตั้งแต่ยุคต้นๆ ที่ว่า “ถ้าเรานึกจินตนาการขึ้นมาได้ เราก็ทำให้มันเป็นเรื่องจริงได้” ยังคงจริงแท้แน่นอนมาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับบางคน คำว่า “วิทยาศาสตร์” หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาสิ่งใหม่ๆ อย่างไม่รู้จบ หลักการที่เป็นอมตะ หรือการคำนวณหาตรรกะต่างๆ ทั้งหมดล้วนเป็นเส้นทางสายวิทยาศาสตร์ที่มุ่งหน้าสู่ดินแดนแห่งการค้นพบ แต่สำหรับคนอีกกลุ่ม วิทยาศาสตร์กลับเป็นเรื่องของความรู้สึก การได้เอื้อมมือออกไปสัมผัสพื้นผิวแบบใหม่ๆ สีสันใหม่ๆ รวมถึงเท็กซ์เจอร์พิเศษบางอย่างที่อยู่เหนือคำบรรยาย
การถือกำเนิดของไฮเทคเซรามิกประจำแบรนด์ Rado ในมือของทุกคน จึงเหมือนการได้ผสานโลกแห่งวิทยาศาสตร์ทั้งสองด้านดังกล่าวให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ทันทีที่นักวิทยาศาสตร์เห็นวัสดุชนิดนี้ เขาก็ตระหนักถึงความพิเศษของมันได้ทันที แล้วห้วงเวลาแห่งความใฝ่ฝันจึงเกิดขึ้น เขาทดสอบและปรับเปลี่ยนรูปร่างเพื่อรังสรรค์นาฬิกาแสนวิเศษขึ้นจากผงเคมีชั้นเลิศ ไม่นาน นักทดลองก็ได้สัมผัสพื้นผิวที่เรียบลื่น ให้ความรู้สึกนุ่มนวล เหมือนมีบทเพลงเสียงหวานอยู่ที่ปลายนิ้ว เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยมีวัสดุใดทำได้มาก่อน
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวเกี่ยวกับไฮเทคเซรามิกของ Rado ที่ทำให้เราต้องเอ่ยคำว่า “Feel it” (ลองสัมผัส) กับทุกคน จริงอยู่ว่าพื้นฐานของวัสดุมีความทนทานอยู่แล้ว แต่ “ผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ” ก็ได้ใช้ประสบการณ์และความรู้มาสร้างและยืนยันว่าไฮเทคเซรามิกนั้นสวยงาม น้ำหนักเบา และทนทาน ความเบาอันทรงประสิทธิภาพของมันยังช่วยเสริมให้ Rado สร้างนวัตกรรมอื่นๆ ที่ไม่เหมือนใครได้สำเร็จ เช่นโครงสร้างนาฬิกาแบบชิ้นเดียว (Monobloc) ซึ่งช่วยให้ส่วนประกอบหลักของกลไกนาฬิกายึดติดกับตัวเรือนได้ โดยไม่ต้องมีโครงโลหะหนักๆ มากวนแต่อย่างใด
คุณสมบัติของวัสดุเพียงเท่านี้อาจมากพอจะทำให้ใครๆ หลงใหลได้ง่ายๆ แต่คุณภาพของไฮเทคเซรามิกกลับไม่ได้มีเพียงเท่านั้น เซรามิกมีทั้งความทนทาน ป้องกันสสารซึมผ่านได้แทบทุกชนิด แถมยังให้สัมผัสเบาสบายเมื่อสวมนาฬิกาลงบนข้อมือ ไม่ว่านาฬิการเรือนนั้นจะเล็ก ใหญ่ ดูอ่อนโยน หรือหนักแน่น ก็ล้วนให้ความรู้สึกเหมือนได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อให้อยู่บนข้อมือเราตลอดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือนที่ใช้เซรามิกทำสายนาฬิกาด้วย รับรองได้เลยว่าสัมผัสที่ได้จากนาฬิกาเหล่านี้จะสร้างความประทับใจไม่รู้ลืมให้ทุกคนแน่นอน
“เบาราวกับยังไม่ได้ใส่”
นักวิทยาศาสตร์และกวียังเห็นพ้องต้องกันถึงความมหัศจรรย์ของเซรามิกที่ว่า ความสวยงามของมันยังปรับเสริมเติมแต่งอย่างปราณีตบรรจงได้อีก ทั้งปรับเปลี่ยนด้วยองค์ประกอบทางเคมีหรืออาศัยผู้เชี่ยวชาญก็ตาม ซึ่งกระบวนการการผลิตนั้นดูน่าสนใจคล้ายการเล่นแร่แปรธาตุ มากกว่างานอุตสาหกรรมทั่วๆ ไป เช่นการเปลี่ยนสีในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งเป็นเรื่องพิเศษเหลือเกิน เพราะต้องอาศัยตัวแปรต่างๆ ทั้งการตั้งค่าความดันกับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับก๊าซ การใช้แร่ธาตุหายาก ฯลฯ ทั้งหมดล้วนเป็นความคิดสร้างสรรค์และความรู้ที่อยู่เบื้องหลังนวัตกรรมด้านเซรามิกอย่าง CeramosTM และพลาสม่าไฮเทคเซรามิก ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งอนาคตที่จะช่วยสร้างพื้วผิวใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้อีก Feel it…ลองสัมผัสได้เลย
ขั้นตอนการผลิต
ขั้นตอนที่ 1
ออกแบบแม่พิมพ์
สร้างแม่พิมพ์จากภาพวาดฝีมือนักออกแบบของเรา
ขั้นตอนที่ 2
การฉีดขึ้นรูป
ติดตั้งแม่พิมพ์ไว้ในเครื่องจักรอันทรงพลังที่จะใช้ฉีดขึ้นรูป
ขั้นตอนที่ 3
การเผาผนึก
ใส่ตัวเรือนไว้ในเตาอบพิเศษที่มีอุณหภูมิสูงมาก (1450 °C) ใช้เวลาหลายชั่วโมง เซรามิกจึงแข็งตัวเต็มที่ และเมื่อพอลิเมอร์ระเหยไปสีเซรามิกก็จะเข้มขึ้นและมีความแข็งระดับสูงสุด ซึ่งในกระบวนการนี้ ตัวเรือจะหดลง 23% เป็นขนาดที่แท้จริงในขั้นสุดท้าย
ขั้นตอนที่ 4
ขึ้นรูปด้วยเครื่องจักร
ใช้เครื่องมือ Diamond Tool กลึงเพื่อให้ได้รูปทรงสุดท้ายที่สมบูรณ์
ขั้นตอนที่ 5
การขัดเงา
จุ่มส่วนประกอบที่ต้องการให้เกิดความเงาลงในเศษเซรามิกที่สั่นสะเทือนด้วยคลื่นความถี่สูง
ขั้นตอนที่ 6
การพ่นทราย
ขั้นตอนพ่นทรายนี้ใช้สำหรับพื้นผิวแบบด้าน ที่ต้องการความเรียบเนียนเสมอกัน
ขั้นตอนที่ 7
การสลักลวดลาย
ใช้เลเซอร์สลักตัวเลขและเครื่องหมายต่างๆ ลงบนกรอบหน้าปัด ให้ได้ความลึกและรูปทรงที่สมบูรณ์แบบ
ขั้นตอนที่ 8
เคลือบแล็คเกอร์
ช่องว่างเล็กๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากสลักด้วยเลเซอร์ จะต้องผ่านการเคลือบแล็คเกอร์ ที่เมื่อแห้งแล้วจะยึดติดอยู่บนเซรามิกอย่างถาวร ขั้นตอนที่ต้องอาศัยความละเอียดอ่อนนี้ดำเนินการโดยช่างทำนาฬิกามืออาชีพ
ขั้นตอนที่ 9
การควบคุมคุณภาพ
มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด เพื่อให้แน่ใจว่าได้ผลลัพธ์ตามมาตรฐานของ Rado ทุกประการ
ขั้นตอนการผลิตเพิ่มเติมสำหรับพลาสม่าไฮเทคเซรามิก
ขั้นตอนที่ 7.1
เตาอบพลาสม่า
องค์ประกอบสำหรับการตกแต่งผิวพลาสม่าไฮเทคเซรามิก ต้องผ่านเตาอบพิเศษ ที่จะทำให้สีขาวแปรเปลี่ยนเป็นเฉดสีแบบโลหะได้อย่างถาวร
ขั้นตอนที่ 7.1
พลาสม่า
พลาสม่าไฮเทคเซรามิกของ Rado คือวัสดุที่ดูเหมือนโลหะ แต่ไม่มีส่วนประกอบของโลหะอยู่เลย
Rado Captain Cook High – Tech Ceramic
กลไกการเดิน:
- Rado คาลิเบอร์ R734, ออโตเมติก, เผยให้เห็นกลไก, 25 จีเวล, 3 เข็ม,
- สํารองพลังงานได้นานถึง 80 ชั่วโมง
- แฮร์สปริงป้องกันแม่เหล็ก NivachronTM
- ผ่านการทดสอบมาตรฐานระดับ 3 ถึง 5 เพื่อความแม่นยำที่สูงขึ้น
ตัวเรือน:
- ตัวเรือนทําจากพลาสม่าไฮเทคเซรามิก / สีดํา โครงสร้างแบบชิ้นเดียว
- กรอบหน้าปัดแบบหมุนได้ ทําจากสแตนเลสเคลือบ PVD สีโรสโกลด์ / สแตนเลสชุบแข็ง มีอินเสิร์ตไฮเทคเซรามิกสีน้ำเงิน / ดําแบบผิวเงา
- ด้านหลังตัวเรือนเป็นไทเทเนียม เคลือบ PVD สีดํา ขัดเงารูปวงกลม พร้อมคริสตัลแซฟไฟร์เคลือบสีดํา
- เม็ดมะยมแบบขันสกรูทําจากสแตนเลส เคลือบ PVD สีโรสโกลด์ / ขัดเงา และชุบแข็ง
- คริสตัลแซฟไฟร์แบบสีเหลี่ยม เคลือบป้องกันแสงสะท้อนทั้งสองด้าน
- กันนําได้ถึง 30 บาร์ (300 ม.)
หน้าปัด:
- คริสตัลแซฟไฟร์เคลือบสีดํา
- ดัชนีบอกเวลาพิมพ์ด้วย Super-LumiNova® สีขาว
เข็มนาฬิกา:
- สีโรสโกลด์ / สีโรเดียมพร้อม Super-LumiNova® สีขาว
สายนาฬิกา:
- ข้อต่อด้านนอกทําจากพลาสม่าไฮเทคเซรามิก / สีดําด้าน, ข้อต่อตรงกลางทําจากพลาสม่าไฮเทคเซรามิก / สีดําขัดเงา
- บานพับล็อก 3 ทบทําจากไทเทเนียม ปุ่มเปิดทําจากไฮเทคเซรามิกสีดํา / CeramosTM
สายนาฬิกา:
- ยางสีดํา บานพับล็อคแบบขยายได้ทําจากสแตนเลส ฝาปิดทําจากไฮเทคเซรามิกสีดํา
ขนาด:
- 43.0 x 49.8 x 14.6 มม. (กว้าง x ยาว x สูง)