ไมเกรน (Migraine) อาการปวดหัวที่ปัจจุบันยังไม่สามารถสรุปสาเหตุแน่ชัดว่าเกิดจากอะไรและยังหาวิธีแก้ได้โดยการกินยาฉีดยาหรือหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการไมเกรนอาจเป็นได้ทั้งเรื่องความเครียด ใช้สายตามากเกินไป พักผ่อนไม่เพียงพอ บางครั้งนอนน้อยก็ปวด นอนมากเกินไปก็ปวดอีก ออกกำลังกายหนักเกินไป นั่งผิดท่า ออฟฟิศซินโดรม (office syndrome) ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง กรรมพันธุ์ สภาพอากาศ ร้อนเกินไปก็ปวด หนาวเกินไปก็ปวด โรคภูมิแพ้ของร่างกายต่างๆ รวมถึงเรื่องอาหารที่เรากินเข้าไปก็มีผลกับอาการปวดหัวได้เหมือนกัน อาการปวดหัวไมเกรนมักแสดงอาการได้หลายรูปแบบแตกต่างกันออกไปบางครั้งก็ปวดหัวข้างเดียว หรือปวดทั่วทั้งหัว ปวดขมับ ปวดตา ปวดคอ บ่า ไหล่ บางครั้งก็มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย ดังนั้นแต่ละคนอาจต้องศึกษาหรือจดบันทึกเอาไว้ว่าแต่ละครั้งที่มีอาการปวดหัวนั้นเป็นแบบไหนและน่าจะมีสาเหตุที่เป็นไปได้มาจากอะไรเพื่อต่อๆไปเราจะได้พยายามหลีกเลี่ยงปัจจัยที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เราปวดหัวไมเกรนได้ อาการปวดหัวไมเกรนนี้อาจเป็นมากเป็นน้อย แต่ละครั้งระยะเวลาก็แตกต่างกันไป บางครั้งก็เป็นไม่นานพักผ่อนตื่นขึ้นมาก็หาย แต่บางทีก็กินระยะเวลายาวนานหายแล้วกลับมาเป็นอีกเป็นอาทิตย์เลยทีเดียว วันนี้เราจะมาพูดถึงวิธีบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนเบื้องต้น ตั้งแต่ระดับเบาที่ไม่ต้องกินยา จนถึงยาที่ช่วยบรรเทาอาการไมเกรนที่หาซื้อได้ทั่วไปค่ะ เพราะบางครั้งถึงเราจะพอรู้ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เราปวดหัวไมเกรนแต่เราก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านั้นได้เสมอไป แต่ยังไงแล้วทางที่ดีที่สุดถ้าเป็นอย่างยาวนานไม่ยอมหายก็ควรไปหาหมอเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของอาการปวดหัวจะดีที่สุดค่ะ เพราะบางครั้งสาเหตุของอาการปวดหัวนั้นๆอาจจะไม่ใช่ไมเกรนก็ได้วิธีบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนเบื้องต้น พักผ่อน- โดยสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมที่สุดคือพักผ่อนในที่ๆมืด เงียบสงบและอากาศเย็น ประคบเย็น – ใช้เจลเย็นหรือผ้าชุบน้ำประคบ หรือยาหม่องน้ำยานวดเย็นๆทาตรงบริเวณที่ปวดก็พอจะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ บางครั้งลุกขึ้นมาสระผมให้หัวเย็นๆแล้วหายปวดหัวไปเลยก็เคยเหมือนกันค่ะ ประคบร้อน - ประคบร้อนจะได้ผลดีกับอาการปวดตา สามารถใช้ได้ทั้งเจล ถุงประคบร้อน หรือถ้าไม่มีก็ใช้ผ้าชุบน้ำแล้วเอาเข้าไมโครเวฟประมาณ 20-30 วินาทีก็ได้ค่ะ ดื่มน้ำขิง หรือแคปซูลขิงผง ขมิ้นชัน – น้ำขิงช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ได้ บีบนวดบริเวณขมับ คอ บ่า ไหล่ บริเวณที่ปวด – ใช้ยานวดร่วมด้วยหรือไปนวดกดจุด ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี บางทีก็ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวจนหายดีได้เลยค่ะ คาเฟอีน - ดื่มชา กาแฟ บางครั้งก็ช่วยให้หายปวดหัวได้เหมือนกันค่ะ เพราะบางทีอาการปวดหัวของเราอาจจะมาจากอาการติดคาเฟอีนก็ได้ค่ะ ซึ่งถ้าเราหยุดทานคาเฟอีนแบบหักดิบไปเลยก็อาจส่งผลต่ออาการปวดหัวได้ ต้องค่อยๆลองลดปริมาณลงก่อนนะคะ ถ้าลองวิธีเบื้องต้นก็ยังไม่หายบางทีก็จำเป็นที่จะต้องมีตัวตัวช่วยคือยาแก้ปวดต่างๆหรือยาป้องกัน วันนี้จะมาแนะนำยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่ทุกยาก็มีผลข้างเคียงของมันนะคะ ไม่ควรใช้ผิดวิธีหรือกินมากเกินไป ทางที่ดีก็ให้หมอเป็นคนจ่ายยาให้ก่อนจะดีที่สุดค่ะพาราเซตามอล (Paracetamol) – ยาสามัญประจำบ้าน เป็นยาแก้ปวดที่มีผลข้างเคียงน้อยที่สุดแล้วสามารถทานได้แม้ตอนท้องว่างแต่ควรเว้นระยะอย่างน้อย 4 ชั่วโมงและห้ามทานติดต่อกันเกิน 5 วันเพราะจะเป็นพิษต่อตับพอนสแตน (Ponstan) - ยาช่วยบรรเทาอาการปวดประจำเดือนที่สาวๆ คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ยาตัวนี้ก็สามารถช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้ดีเช่นเดียวกัน แต่มีข้อควรระวังคือยาตัวนี้กัดกระเพาะไม่ควรกินตอนท้องว่าง ดังนั้นถ้าเป็นไมเกรนแบบที่มีอาการคลื่นไส้ร่วมด้วยก็จะใช้ยาตัวนี้ยากสักหน่อยยาตระกูล NSAIDs - ได้แก่ยาจำพวก ไอบูโปรเฟน (Ibuprofen) แอสไพริน (Aspirin) นาโปรเซน (Naproxen) อาร์โคเซีย (Arcoxia) และเซเลโคซิบ (Celecoxib) หรือเซเลเบรก (Celebrex) พวกนี้กัดกระเพาะห้ามทานตอนท้องว่างและห้ามทานซ้ำซ้อนกัน ไม่ควรทานติดต่อกันเกิน 10 วันหากทานติดต่อกันไปนานๆ จะมีผลข้างเคียงต่อร่างกายค่อนข้างมากนอร์จีสิก (Norgesic) - หรือที่รู้จักกันว่าเป็นยาคลายกล้ามเนื้อยานี้ใช้ได้ผลค่อนข้างดีกับการปวดประเภทปวดคอ บ่า ไหล่ หลัง ปวดกล้ามเนื้อตาจากความเครียด ช่วยบรรเทาอาการตึงหรือเจ็บเส้นคอได้ค่อนข้างดี แต่ยาตัวนี้มีส่วนผสมของพาราเซตามอลผสมอยู่ด้วยแล้วจึงไม่ควรทานซ้ำกับพาราฯ อีกเออร์โกทามีน (Ergotamine) – หรือที่ขายตามท้องตลาดในชื่อโทฟาโก้ (Tofago) , คาร์เฟอกอต (Carfergot), อวาไมเกรน Avamigran ยาประเภทนี้รักษาอาการปวดหัวเฉียบพลันได้ค่อนข้างดีหาซื้อได้ง่ายและราคาไม่แพงแต่ก็มีผลข้างเคียงและข้อคารระวังมากเช่นกัน ยานี้ห้ามรับประทานเกิน 6 เม็ดต่อวัน และ ห้ามรับประทานเกิน 10 เม็ด ต่อสัปดาห์ ห้ามใช้ยาร่วมกับยาอื่นๆ อีกหลายประเภท และอาจทำให้อาการเกิดคลื่นไส้อาเจียนขึ้นได้หากรับประทานตอนท้องว่าง รวมทั้งตัวยายี่ห้อที่ขายตามท้องตลาดเหล่านี้จะมีส่วนผสมของคาเฟอีนอยู่ด้วย ดังนั้นถ้ากินมากๆหรือกินช่วงเวลาเย็นหรือตอนกลางคืนอาจทำให้นอนไม่หลับได้เรลแพกซ์ (Relpax) - ยาตัวนี้ประสิทธิภาพค่อนข้างดีและไม่ทำให้เกิดการคลื่นไส้และผลข้างเคียงไม่มากแต่ข้อเสียคือมีราคาที่ค่อนข้างแพง ถ้าทานเม็ดแรกไม่หายสามารถทานซ้ำได้ห่างจากเม็ดแรก 2 ชั่วโมงแต่ห้ามทานเกินวันละ 2 เม็ดและห้ามทานคู่กับยาตระกูล Ergot ควรเว้นระยะห่างกันอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ไม่ควรใช้ในผู้ที่เป็นความดันโลหิตสูง ใดๆ ก็ตามยาข้างต้นที่ยกตัวอย่างมาทั้งหมดนี้มีผลในการรักษาหรือบรรเทาอาการปวดหัวแบบเฉียบพลันไม่ควรกินเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไมเกรนนะคะ ไม่ควรทานทุกวันเพราะเป็นอันตรายค่ะ และก็ควรปรึกษาแพทย์จะดีที่สุดค่ะ ยังไงก็ขอให้คนที่เป็นไมเกรนที่เข้ามาอ่านทุกคนอาการดีขึ้น และมีความถี่ในการปวดหัวน้อยลงนะคะ เครดิตภาพจากcanva / by Karolina Grabowska canva / by tn2222canva / by Callmebaiiparn และรูปภาพโดยผู้เขียนอยากผอมหุ่นดี อยากมีซิกแพค หาอินสปายลดน้ำหนัก เข้าร่วมด่วนที่ฟิตแอนด์เฟิร์มคอมมูนิตี้