10 สิ่งที่ควรทำทุกวัน เพื่อส่งเสริมสุขภาพให้ดีขึ้น จากประสบการณ์สุขภาพดีคุณสร้างได้ สุขภาพดีใครๆ ก็อยากได้ และที่สำคัญสุขภาพดีมันฟรี! นะ ไหนบอกว่าชอบของฟรี!?? ถ้ายังยืนยันคำเดิมอยู่และอยากได้สุขภาพดีต้องอ่านต่อค่ะ เพราะในบทความนี้ผู้เขียนต้องการส่งต่อ 10 สิ่งที่ควรทำทุกวัน เพื่อส่งเสริมสุขภาพให้ดีขึ้น โดยทั้ง 10 อย่างนั้นเป็นสิ่งที่ผู้เขียนได้ประยุกต์ใช้กัยตัวเองค่ะ และเห็นผลลัพธ์ว่าตัวเองมีสุขภาพดีขึ้นทุกวัน อะไรที่บ่งว่าสุขภาพดีบ้าง? อย่างแรกเลยน้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติตลอด สุขภาพดีโดยสามารถบริจาคเลือดได้ การจะบริจาคเลือดได้เลือดจะต้องไม่มีไขมันสูง จะต้องไม่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี และจะต้องไม่เป็นโรคเอดส์ สัญญาณชีพต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ปกติ ผู้เขียนมีอาการเจ็บป่วยแบบเล็กๆ น้อยๆ ในหนึ่งปีน้อยมากแทบจะนับครั้งได้ ที่เป็นจะมีเป็นหวัด แต่เป็น 2 วันก็หายแล้วค่ะมีหน้าท้องแบนราบ ใส่เสื้อผ้าเบอร์ S บางยี่ห้อเบอร์ M สามารถขี่จักรบานขึ้นเนินที่มีระยะทางประมาณ 400 เมตรได้ แบบไม่ต้องจอดลงเดินและจูงจักรยาน สามารถออกกำลังกายจนมีอัตราการเต้นของหัวใจมากถึง 121 ครั้งต่อวินาทีและชีพจรกลับมาอยู่ในช่วงปกติได้หลังจากพัก สามารถทำงานที่ต้องใช้สมาธิสูงได้อย่างต่อเนื่องมากกว่า 1 ชั่วโมง สามารถยกของที่มีน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัมได้ไกลในระยะทางประมาณ 10 เมตรแบบไม่รู้สึกเหนื่อย และมีอื่นๆ อีกมากมายค่ะ ที่บ่งชี้ว่าสุขภาพแข็งแรง จากที่ผู้เขียนได้สังเกตตัวเองมาตลอดนั้นพบว่าผู้เขียนได้ทำหลายๆ อย่างในหนึ่งวันอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีสุขภาพดีค่ะ โดยสิ่งที่ผู้เขียนได้ทำมีดังนี้1. ออกกำลังกาย ส่วนใหญ่จะออกกำลังกายตอนเช้าหลังตื่นนอน ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาทีเท่านั้น เช่น ทำโยคะ ยืดเหยียดทั่วๆ ไป แต่ทำต่อเนื่องแบบไม่หยุดจนครบตามเวลาค่ะ นานๆ ทีถ้ามีโอกาสจะไปเดินข้างนอกหรือวิ่ง การออกกำลังกายทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นจากการที่กล้ามเนื้อได้มีการหดเกร็งจนทำให้เซลล์กล้ามเนื้อฉีกขาด แต่หลังจากนั้นเซลล์กล้ามเนื้อก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ เราจึงรู้สึกได้ว่าร่างกายแข็งแรงขึ้นค่ะ นอกจากนี้การออกกำลังกายยังสามารถช่วยให้ผ่อนคลายความเครียดลงได้ด้วย ทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้น จะพูดว่าการออกกำลังกายมีส่วนทำให้หลายๆ อย่างดีขึ้นก็คงจะไม่ผิดค่ะ และสถานการณ์นี้ยังไปทำให้ภาพรวมของสุขภาพดีขึ้นได้ ระบบภูมิคุ้มกันโรคก็ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยค่ะ2. อ่านหนังสือ การอ่านหนังสือทำให้สุขภาพสมองดีขึ้นค่ะ ส่งเสริมให้ความจำดีขึ้น ป้องกันโรคความจำเสื่อม การอ่านหนังสือช่วยทำให้เซลล์สมองกระตือรือร้นมากขึ้น ได้ฝึกคิดฝึกจินตนาการตามไปด้วยในขณะที่อ่านบางสิ่งบางอย่าง สิ่งนี้เลยทำให้เกิดความผ่อนคลายได้โดยเฉพาะการอ่านหนังสือที่เราชอบ เพราะเราจะสนุกและเพลินจนลืมเวลาไปเลยค่ะ การอ่านหนังสือช่วยทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้นด้วย พอนอนหลับได้ดีร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ สุขภาพดีจะไปไหนเสีย! ปกติผู้เขียนจะอ่านหนังสือโดยใช้แอปอ่านหนังสือเป็นหลักค่ะ คือ แอป Amazon Kindle อ่านทุกวันบางวันอ่านแค่หน้าเดียวก็มี ผู้เขียนจะอ่านหนังสือเฉพาะตอนว่างจริงๆ เท่านั้นค่ะ อ่านในแอปจะปรับพื้นหลังให้เป็นสีดำเพื่อช่วยถนอมสายตาค่ะ ใครมีแว่นตากรองแสงสามารถนำมาใช้ได้ค่ะ3. บันทึกสิ่งที่อยากขอบคุณ ในช่วงที่เรากำลังจะบันทึกสิ่งที่เราอยากขอบคุณนั้น เราจะต้องนึกถึงว่าในวันนี้ตั้งแต่เช้ามีอะไรบ้างที่เราอยากขอบคุณ ความรู้สึกอยากขอบคุณเป็นความรู้สึกในทางบวก จึงทำให้เราคลายความเครียดลงได้จากอารมณ์ในทางบวกที่เรามีในขณะที่เรากำลังบันทึกสิ่งที่เราอยากขอบคุณ สารเคมีที่ดีๆ จะหลั่งออกมาในสมอง ทำให้เรามีความสุข และสารเคมีที่ดีนี้ยังช่วยบำรุงสมองด้วยค่ะ ความเครียดลงได้เพราะเรามีความสุขกับสิ่งต่างๆ ที่ดีรอบตัวเราในหนึ่งวันที่เราอยากขอบคุณ อย่าคิดว่าบ้านะคะ! การแสดงความขอบคุณมีผลดีอย่างมากที่หลายอาจยังไม่เคยรู้ ผู้เขียนเคยอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ในหนังสือเล่มนั้นคนเขียนเขาพูดถึงยายของเขา ยายของเขาอายุยืนยาวได้ถึง 109 ปี เขาเลยไปถามยายของเขาว่า จะต้องทำยังไงอายุถึงจะยืนยาวแบบยาย คำตอบที่ได้แทบจะไม่น่าเชื่อเลยค่ะ เพราะยายของคนที่เขียนหนังสือเล่มนั้นตอบมาว่า " แสดงความขอบคุณทุกๆ อย่างรอบตัว แม้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย"4. ลดการกินอาหารอุตสาหกรรม การกินอาหารอุตสาหกรรมในปริมาณมากและต่อเนื่อง มีผลทำให้เราได้รับวัตถุเจือปนอาหารในปริมาณมากและต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าวัตถุเจือปนอาหารจะถูกใส่มาในระดับที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่ถ้าเรากินบ่อยๆ เดิมๆ ซ้ำๆ ร่างกายก็มีความเสื่อมลงจากการได้รับสารเคมีในปะปนมาในอาหารอุตสาหกรรม ก็มีบ้างเหมือนกันค่ะที่ผู้เขียนกินอาหารอุตสาหกรรม ถ้าไปอ่านบทความอื่นๆ ก็จะเห็นว่ามีรีวิวอาหารโน่นนี่นั่นบ้าง แต่ทั้งหมดที่เห็นนั้นคือนานๆ ทีค่ะ ก็พยายามหลีกเลี่ยงและกินให้น้อยที่สุด และเลือกที่จะกินให้มีความหลากหลายมากขึ้นหากจำเป็นต้องกินอาหารอุตสาหกรรม เพื่อลดการได้รับสารเคมีชนิดเดิมเป็นระยะเวลาต่อเนื่องค่ะ!5. กินอาหารจริงๆ มากขึ้น อาหารจริงๆ ในที่นี้หมายถึง หมูจริงๆ ผักจริงๆ สดๆ ข้าวจริงๆ ที่หุงใหม่ ปลานึ่งแจ่วที่ทำขึ้นใหม่ อาหารที่ทำใหม่จากวัตถุดิบสดใหม่นั้น ทำให้ร่างกายมีโอกาสได้รับสารอาหารที่มีคุณค่ามากกว่าค่ะ แน่นอนว่าเมื่อร่างกายได้รับคุณค่าทางอาหารแบบจัดเต็ม การซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอหรือการส่งเสริมการสร้างเซลล์ใหม่ที่ดีก็ย่อมเกิดขึ้นได้สมบูรณ์กว่าอยู่แล้ว จากข้างต้นที่ผู้เขียนบอกว่ามีบ้างที่เป็นหวัด แต่ 2 วันหาย ส่วนหนึ่งก็เพราะอาหารจริงๆ นี่ล่ะค่ะที่มีส่วนช่วยอย่างมาก โดยในช่วงที่เป็นหวัดผู้เขียนจะกินส้มเขียวหวานอย่างน้อยเวลาละ 2 ลูก เพราะในส้มอุดมไปด้วยวิตามินซี ที่ไปมีส่วนส่งเสริมให้ระบบภูมิคุ้มกันโรคของเราทำงานได้ดีขึ้น ถ้าเป็นสถานการณ์อื่น เช่น เป็นสิวหัวช้างพอกินส้มแล้วสิวหายเร็วขึ้นค่ะ เพราะวิตามินซีมีส่วนช่วยทำให้แผลหายได้เร็วขึ้น เห็นไหมคะว่าอาหารจริงๆ ก็เป็นยาได้ เคยได้ยินไหมคะที่เขาว่ากันว่า "อาหารคือยา" คำพูดนี้เป็นความจริงแต่ต้องเป็นอาหารจริงๆ เท่านั้น! 6. นั่งสมาธิ พอรู้สึกตัวจากที่นอนอย่างแรกที่ผู้เขียนทำคือทำสมาธิค่ะ ทำประมาณ 5 นาที บางวัน 2 นาทีก็มี แต่พยายามทำให้ได้ทุกวัน การทำสมาธินี้ไม่ได้เคร่งเรื่องศาสนาแต่อย่างใด! แต่เพื่อปรับจูนคลื่นสมองให้มาอยู่ในคลื่นที่สงบค่ะ โดยพบว่าความจำดีขึ้น มีสมาธิขึ้นมาก ทำงานยากๆ ให้เสร็จสิ้นได้อย่างรวดเร็ว คิดได้เร็วขึ้น พอสมาธิดี ทำงานได้ดี ความเครียดต่างๆ ก็มีน้อยค่ะ อารมณ์ก็ดีตามมา อ่านอะไรก็จำได้ เมื่อสุขภาพจิตดีสุขภาพกายก็ดีตามมาแบบจัดเต็มค่ะ 7. ดื่มน้ำเปล่าหลังตื่นนอน ปกติจะน้ำดื่มหลังออกกำลังกายค่ะ ก็คือจะยังไม่ได้ไปล้างหน้าแปรงฟันอะไรทั้งนั้นนะคะ จะดื่มก่อนที่จะต้องไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน การดื่มน้ำในตอนหลังตื่นนอนนี้จะเรียกว่าเป็นการเติมน้ำมันให้ร่างกายก็ได้ค่ะ เพราะหลังจากที่นอนหลับไปหลายชั่วโมงร่างกายสามารถขาดน้ำได้ และน้ำแก้วสุดท้ายก็ตอนหลังอาหารเย็นโน่น พอดื่มน้ำไปแล้วก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาค่ะ ดื่มแค่ที่ดื่มได้นะคะ น้ำที่เราดื่มเข้าไปจะไปช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้นหลังจากนอนพักมาหลายชั่วโมงค่ะ ในบางครั้งน้ำที่ดื่มเข้าไปในช่วงนี้ยังมีส่วนช่วยให้รู้สึกปวดปัสสาวะหลังจากตื่นนอนด้วย การขับปัสสาวะก็คือการขับของเสียออกจากร่างกายค่ะ แล้วสุขภาพจะไม่ดีขึ้นได้ยังไง!8. กินผักให้หลากหลายมากขึ้น เป็นที่รู้กันดีว่าผักเป็นแหล่งของแร่ธาตุและวิตามิน นอกจากนี้ถ้าเป็นผักสดยังทำให้ร่างกายได้รับเอนไซม์ด้วย ผู้เขียนเคยฟังคลิปวิดีโอของคุณหมอคนหนึ่ง พูดไว้เกี่ยวกับเอนไซม์ค่ะ ในคลิปนั้นคุณหมอพูดว่าในแรกเริ่มเดิมทีนั้นที่คุณหมอคนนี้จะหันมากินผักสดแบบจริงจัง เป็นเพราะคุณหมอป่วยเป็นโรคทั้งหมด 6 โรค โดยโรคทั้งหมดเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการอยู่การกิน เท่าที่จำได้ก็มีโรคความดัน ไขมันสูง เบาหวานและผองเพื่อนค่ะ จากนั้นคุณหมอคนนี้มาจับสังเกตว่าตัวเองกินผักน้อยมาก เลยทำให้ขาดการเยียวยาที่จะได้รับจากเอนไซม์ คุณหมอคนนี้เลยเอาใหม่หันมากินผักสดมากขึ้น ต่อให้ไปที่ทำงานก็ห่อผักสดไปจากบ้านค่ะโดยคุณหมอคุณนี้กินผักสดทุกวันๆ ละ 1 จานกาแฟ ที่เป็นผักหลากหลายชนิดต่อเนื่อง หลังจากนั้นไม่น่าเชื่อเลยค่ะคุณหมอคนนี้สุขภาพกลับมาปกติทุกอย่าง ซึ่งผู้เขียนขอสนับสนุนอีกเสียงค่ะว่า ผักสดที่หลากหลายทำให้เราได้รับเอนไซม์ที่หลากหลายด้วย และเอนไซม์นี้มีส่วนช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอภายในร่างกายได้ ร่างกายจึงดีขึ้นค่ะ ถึงแม้ว่าเอนไซม์บางส่วนร่างกายสามารถสร้างขึ้นมาเองได้ แต่ถ้าเราเพิ่มการได้รับเอนไซม์จากภายนอกจะทำให้ร่างกายมีเอนไซม์ที่เหลือเฟือ และแน่นอนว่าคนที่มีเอนไซม์เหลือเฟือก็ต้องสุขภาพดีขึ้นตามกระบวนการเยียวยาตัวเองของร่างกายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ9. กินวิตามินเสริม ผู้เขียนไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าต้องกินวิตามินชนิดหนึ่งไปตลอดเวลาค่ะ โดยจะเลือกกินวิตามินชนิดไหนนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในตอนนั้นร่างกายต้องการวิตามินตัวไหน เช่น ตอนที่มีแผลจะเลือกกินวิตามินซีค่ะ โดยไม่ได้เน้นหนักว่าต้องยี่ห้อนั้นห้อนี่ค่ะ เพราะกินวิตามินเพื่อเสริมส่วนที่ขาดไปจากอาหารหลัก 5 หมู่ เท่านั้น พอเราได้วิตามินเสริมในบางวันที่เราอาจหลงลืมไปบ้างจนทำให้ร่างกายเราได้รับวิตามินไม่เพียงพอ วิตามินเสริมก็จะส่วนทำหน้าที่อีกแรงค่ะ จึงทำให้ร่างกายสามารถทำงานได้ตามปกติ10. ลองทำสิ่งใหม่ๆ ข้อนี้คือสิ่งที่บรรยายความเป็นตัวตนของผู้เขียนได้เลยค่ะ เพราะเป็นคนชอบทำอะไรใหม่ๆ การทำอะไรใหม่ทำให้เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ สิ่งใหม่นี้มีส่วนไปกระตุ้นสุขภาพสมองให้กระตือรือร้น การทำสิ่งใหม่ยังทำให้ผู้เขียนได้ค้นพบด้วยว่าตัวเองมีความสามารถเพิ่มมากขึ้น จึงทำให้รู้สึกภูมิใจในตัวเอง ความรู้สึกภูมิใจนี้เป็นอารมณ์ในทางบวก สารเคมีดีก็หลั่งออกมาในร่างกายค่ะ การทำสิ่งใหม่บางอย่างช่วยทำให้เราได้ออกกำลังกายด้วย เช่น ถ้าการทำสิ่งใหม่คือการทำสวน หรือการไปวิ่งมาราธอน จึงเท่ากับว่าได้ออกกำลังกายไปในตัวค่ะ การทำสิ่งใหม่ช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมได้ค่ะ และการทำสิ่งใหม่ยังลดการคิดลบลงได้ เคยไหมค่ะ? พอทำอะไรเดิมๆ แล้วรู้สึกเบื่อ พอเบื่อแล้วก็เริ่มคิดลบ และจบด้วยการทำตัวเป็นผักไปวันๆ จึงควรหันมาลองทำอะไรใหม่เพื่อสุขภาพที่ดีกว่าค่ะและนั่นคือทั้งหมด 10 อย่างที่ผู้เขียนได้ทำทุกวันค่ะ บางอย่างทำมากบางอย่างทำน้อยแต่ทำทุกวันจริงๆ ค่ะ เพราะเห็นผลลัพธ์ค่ะว่าสุขภาพดีขึ้นได้จริงๆ ถ้าคุณผู้อ่านสังเกตดีๆ จะเห็นว่าบางอย่างที่ทำจากข้อมูลข้างต้นนั้นแทบจะไม่มีต้นทุนอะไรเลยค่ะ จะเรียกว่าฟรีบวกกำไรก็ได้ สุขภาพดีเราสร้างได้ค่ะ แต่ต้องลงมือทำ รู้อย่างเดียวอาจไม่พอ เพราะการลงมือทำเท่านั้นที่จะทำให้ได้สุขภาพดีตามที่ตั้งใจไว้ และที่สำคัญต้องทำอย่างต่อเนื่อง เราคนแรกและคนเดียวที่ได้ประโยชน์เต็มๆ จากการลงมือทำทั้ง 10 อย่างข้างต้นค่ะ เพราะผู้เขียนได้ลองทำแล้วจึงกล้าออกมาเขียนและยืนยันว่ามันจริง ลองเอาไปปรับใช้กันค่ะ ขอให้สุขภาพดีกันทุกคน ท่องไว้เลยค่ะว่า"สุขภาพดีมันฟรี! และสุขภาพดีเราสร้างได้! ด้วยตัวเราเอง"เครดิตภาพประกอบบทความโดย: ผู้เขียนภาพหน้าปกจาก longrastudio/Pixabayออกแบบภาพหน้าปกใน Canvaภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ภาพที่ 1 จากแอป SAMSUNG Health ภาพที่ 2 จากแอป Amazon Kindleบทความอื่นที่น่าสนใจ✳️ข้อดีของการลองทำอะไรใหม่ๆ ในชีวิตที่คุณอาจไม่เคยรู้ จาก TEDx Talks กดอ่านเลย✅6 วิธีเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านสุขภาพ เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า กดอ่านเลย✅️12 ตัวอย่างการออกกำลังกายและปริมาณแคลอรี่ที่เผาผลาญได้ กดอ่านเลย✅️อยากผอมหุ่นดี อยากมีซิกแพค หาอินสปายลดน้ำหนัก เข้าร่วมด่วนที่ฟิตแอนด์เฟิร์มคอมมูนิตี้