ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบ และการรับประทานอาหารตามใจตนเอง เช่น น้ำอัดลม และอาหารรสจัด ทำให้หลาย ๆ คนประสบปัญหาเจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินอาหาร อย่างโรคกระเพาะ และโรคกรดไหลย้อน วันนี้เรามาชี้หนทางบรรเทาทุกข์ด้วยยาแผนปัจจุบัน คือ MIRACID (มิราซิด) มาติดตามกันเลยค่ะช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเรามีอาการกรดไหลย้อน ในวันแรกที่มีอาการ นึกว่าหลังจากงดอาหารรสจัดและน้ำอัดลมแล้ว อาการน่าจะทุเลาลงบ้าง แต่ผ่านมา 3 วัน อาการกลับไม่ดีขึ้นจนถึงขั้นนอนไม่ได้ หายใจไม่ออก เพราะรู้สึกปวดท้องอย่างรันแรง ราวกับมีลูกโป่งอัดแน่นอยู่ด้านในแล้วขยายตัวออกมา เราปวดท้องจนทนไม่ไหว ต้องลุกจากที่นอนแล้วมานั่งบนเก้าอี้ พร้อมทั้งดื่มน้ำ เพื่อขับกรดเกินจากกระเพาะให้ไหลลงสู่ที่ต่ำ สักพักอาการก็ดีขึ้น แต่ไม่หายขาดเมื่ออาการปวดท้องเริ่มรบกวนความปกติสุขของชีวิต แต่เรายังไม่กล้าไปโรงพยาบาล เพราะเป็นพื้นที่แออัดหนาแน่น ซึ่งมีความเสี่ยงจะได้รับเชื้อโรคโควิด-19 เราจึงแวะไปพบเภสัชกรที่ร้านขายยาขนาดใหญ่ในละแวกบ้าน ได้บอกเล่าถึงอาการเจ็บป่วย และเภสัชกรก็แนะนำตัวยาที่เหมาะสมกับอาการป่วยมาให้ คือ MIRACID ขนาด 20 มิลลิกรัม ซึ่งมีสรรพคุณยับยั้งการหลั่งของกรดในกระเพาะอาหาร รักษาแผลในกระเพาะอาหาร/ลำไส้ รักษาอาหารหลอดอาหารอักเสบจากกรดไหลย้อน นอกจากนี้ เภสัชกรจ่าหน้าซองพลาสติกใส่ยา ระบุวิธีการรับประทานให้ด้วย ซึ่งการซื้อยากับเภสัชกร จะทำให้เราได้ความชัดเจนในเรื่องวิธีการใช้ยาอย่างถูกต้องนะคะเราจำได้ว่า เวลาไปโรงพยาบาลใหญ่ ๆ คุณหมอก็จ่ายยาตัวนี้ให้เหมือนกัน ด้วยเหตุที่เป็นตัวยาที่คุ้นเคยมาก่อน จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการแพ้ยา ลักษณะของยาเป็นแคปซูล บรรจุอยู่ในแผงฟรอย จำนวนแผงละ 10 เม็ด แผงฟรอยด้านหน้าระบุชื่อตัวยา ด้านหลังระบุรอบการผลิต และวันหมดอายุเมื่อแกะยาออกจากแผงจะพบว่า เป็นแคปซูลสีโอลด์โรสและสีครีมอย่างละครึ่งหนึ่ง ด้านบนแคปซูลมีตัวหนังสือ b และ 20 ซึ่งเม็ดยามีขนาดกะทัดรัด ประมาณ 1 เซนติเมตร ทำให้รับประทานง่าย ไม่ต้องกลัวติดคอ ในส่วนวิธีการรับประทานยาตามคำแนะนำของเภสัชกร คือ รับประทานครั้งละ 1 เม็ด ก่อนอาหารเช้าและเย็น เป็นเวลา 30 นาที การรับประทานยาเม็ดที่ 1 อาการจะไม่หายขาด แต่อาการปวดรู้สึกได้ว่าบรรเทาลง เพราะเราปวดท้องต่อเนื่องมาตั้ง 3 วัน จะให้หายไวราวกับยาเทวดาก็คงเป็นไปไม่ได้ แต่หลังจากรับประทานได้ 2 วัน พบว่า อาการดีขึ้นตามลำดับ อาการท้องอืด ปวดแน่นเหมือนลูกโป่งอัดอยู่ในท้องก็ค่อย ๆ หายไป จนกระทั่งวันที่ 5 ซึ่งรับประทานยาจนหมดแผงแล้ว พบว่าอาการหายดีจนเกือบจะเป็นปกติกระนั้นก็ดี โดยหลักการแล้ว เราต้องป้องกันอาการเจ็บป่วยของตนเอง ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกกรรมการบริโภค หลีกเลี่ยงน้ำอัดลม และอาหารรสจัดที่รบกวนความเป็นปกติของระบบทางเดินอาหาร รวมทั้งเลิกนิสัยรับประทานเสร็จแล้วนอนเลย เพื่อไม่ให้โรคกรดไหลย้อนกำเริบ ซึ่งการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่าง ๆ ให้ผลดีกว่าการรับประทานยา เพื่อแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแน่นอนค่ะ สำหรับเพื่อน ๆ ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร แต่ไม่มีโอกาสไปพบแพทย์ ขอแนะนำให้ปรึกษาการใช้ยาจากเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ยาที่รักษาอาการเจ็บป่วยได้ตรงจุด และหายจากอาการนั้นในเร็ววัน อย่างไรก็ดี หากทานยาแล้วอาการยังไม่ทุเลา อาจต้องไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจรักษาโดยละเอียดต่อไปนะคะ ... ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ แต่เมื่อโรคภัยมาเยือนแล้วต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อจะได้อยู่กับคนที่เรารักไปนาน ๆ ค่ะเครดิตภาพประกอบภาพปกโดย Canva.comภาพที่ 1 freepikภาพที่ 2 - 3 ภาพโดยผู้เขียน