Cover Image by moritz320 from Pixabayในขณะที่คนมีสไตล์เขาคลั่งไคล้กาแฟสดกัน ฉันกลับเป็นคนเสพกาแฟขาประจำ ที่รู้สึกเฉย ๆ ขำ ๆ กับที่มาของกาแฟ เรียกว่าขอให้มีกลิ่นกาแฟหอมยวนใจ และมีคาเฟอีนกระตุ้นสมองให้โล่งเป็นใช้ได้ จะสดจะแห้งจะชงยังไงก็เสพได้ไม่เกี่ยงเลยจะมีอิดออดเวลาที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น อยากลดการบริโภคคาเฟอีนลง ฉันจะหันหนีจากกาแฟสดมาทางกาแฟสำเร็จรูป เพราะค้นคว้าเจอมาว่ามีคาเฟอีนน้อยกว่ากัน หรือในช่วงที่เกิดกลัวสารอะครีละไมด์ ที่เขาว่าในกาแฟสำเร็จรูปมีสิ่งนี้มากกว่ากาแฟชงสด ก็เกิดความกลัวตายหันกลับมาดื่มกาแฟชงสดอีกรอบคอกาแฟหลายคนก็คงเป็นเหมือนฉัน เน้นความสะดวกสบาย ความง่ายในการดื่ม และเหตุผลอื่น ๆ ส่วนตัวเป็นที่ตั้ง หลายคนดื่มกาแฟสำเร็จรูปเพราะความสะดวกของมัน ทั้งเร็วกว่า ง่ายกว่า และราคาก็ถูกกว่ากันด้วยแต่คอกาแฟ “ไลฟ์สไตล์” หลายคนอาจเชิดใส่ เพราะกาแฟสำเร็จรูปชงน้ำร้อนง่าย ๆ นี่มันช่างดู “ไร้สไตล์” สิ้นดี Photo by Moritz320 on Pixabay หากไม่จริงจังกับชีวิตมากเกินไป กาแฟสำเร็จรูปมันก็ผลิตจากกาแฟชงสดนี่ล่ะ โดยน้ำกาแฟชงสดจะถูกนำไปสกัดเป็นน้ำกาแฟเข้มข้นก่อน แล้วนำไปผ่านกระบวนการทำให้แห้งกลายเป็นผงกาแฟอีกทีวิธียอดนิยมที่นำมาใช้ในการทำให้น้ำกาแฟเข้มข้นกลายเป็นผงกาแฟแห้งมีสองวิธี คือวิธีสเปรยดราย (พ่นแห้ง) น้ำกาแฟเข้มข้นจะถูกพ่นเป็นฝอยผ่านความร้อนของอากาศ จนน้ำแห้งหมดเหลือแต่ผงกาแฟ กับวิธีฟรีซดรายด์ (ระบบเย็น) คือนำเอาน้ำกาแฟเข้มข้นไปฟรีซด้วยความเย็น แล้วทำให้ระเหิดภายใต้ความดัน จนกลายเป็นเกล็ดแบบที่เราเห็นกันบ่อย ๆ นั่นเองทั้งสองวิธียังคงรักษาคุณภาพ รสชาติ และกลิ่นหอมของกาแฟไว้ครบถ้วน เมื่อผงกาแฟสำเร็จรูปมาถึงมือเรา ก็แค่เอาช้อนตักผงกาแฟนั้นใส่แก้ว แล้วเติมน้ำร้อนลงไป ความเป็นกาแฟที่หายไปก็คืนกลับมาสรุปว่า กาแฟสำเร็จรูปก็คือกาแฟชงสด ที่ผ่านกระบวนการทำให้แห้งใหม่จนเป็นผงนั่นเองPhoto by MKDigitalart on Pixabayแต่ในฐานะคนรักสุขภาพ เราย่อมเกิดความสงสัย ว่าจะมีประโยชน์หรือโทษต่างกันไหมหากดื่มกาแฟสำเร็จรูปกับกาแฟชงสดลองมาเปรียบมวยกันดูที ว่าสองนักมวยคู่นี้ใครจะเด็ดกว่ากันสารต้านอนุมูลอิสระ : กาแฟได้รับการขนานนามว่าเป็นแหล่งสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยม แต่จากการวิจัยครั้งหนึ่งพบว่า กาแฟสำเร็จรูปมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่ากาแฟสด ยกแรกชูให้กาแฟสำเร็จรูปนำไปจ้าคาเฟอีน : คาเฟอีนนั้นเป็นโทษหากรับมากเกินไป เพราะจะทำให้นอนไม่หลับ เกิดความกังวล ลนลาน และหัวใจเต้นแรง แถมยังไม่ดีกับกระเพาะอาหารด้วย ข้อมูลจาก USSD พบว่ากาแฟสำเร็จรูปหนึ่งถ้วยมีคาเฟอีนอยู่ 63 mg ในขณะที่กาแฟชงสดหนึ่งถ้วยมีคาเฟอีน 92 mg ยกสองชูให้กาแฟสำเร็จรูปชนะไปอีกจ้าอะครีละไมด์ (Acrylamide) : สารเคมีอันตรายที่เกิดขึ้นในกระบวนคั่วเมล็ดกาแฟ อะครีละไมด์มีผลทำลายระบบประสาทและเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง แต่โชคดีว่าปริมาณสารนี้จากกาแฟยังไม่มากมายถึงขนาดที่จะเป็นอันตรายกับสุขภาพ ข้อมูลจาก Medical News Today พบว่าในกาแฟสำเร็จรูปมีอะครีละไมด์ (358 mcg/kg) มากกว่าในกาแฟชงสด (179 mcg/kg) ถึงสองเท่า ยกสามกาแฟสำเร็จรูปถูกชกเข้าเบ้าตาเลยจ้าสรุปแบบง่าย ๆ กาแฟสำเร็จรูปหรือกาแฟชงสด มีประโยชน์และโทษไม่หนีกันมาก หากบริโภคไม่มากเกินไป แค่วันละ 1-2 แก้วก็น่าจะไม่มีอันตรายใด ๆ ทั้งคู่ สำคัญตรงที่อย่ามากับความหวานมัน กาแฟเดี่ยว ๆ เท่านั้น น้ำตาลและครีมเทียมไม่เอาPhoto by Michal Jarmoluk from Pixabayในส่วนของประโยชน์ขนาดที่ว่าดื่มกาแฟแล้วช่วยกันป้องกันโรคนั้น ฉันมีความรู้สึกว่าข้อมูลยังไม่ค่อยตรงกันขนาดชนะน็อค หากสนใจเรื่องนี้โดยละเอียด แนะนำอ่านได้ที่เว็บไซต์พบแพทย์ ขออนุญาตนำมาแค่เฉพาะสี่ห้าข้อที่คุณหมอยืนยันไว้รักษาอาการปวดศีรษะ ดื่มกาแฟวันละ 250 มิลลิกรัม หรือประมาณ 2 แก้วเพิ่มความรู้สึกตื่นตัว ดื่มกาแฟวันละ 250 มิลลิกรัม หรือประมาณ 2 แก้วป้องกันโรคพาร์กินสัน ดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนประมาณ 1-2 แก้ว อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคได้อย่างมีนัยสำคัญPhoto by Brando Makes Branding on Unsplashสำหรับฉันคาดว่าชีวิตนี้คงเลิกดื่มกาแฟไม่ได้ เพราะกาแฟนั้นดีต่อใจ ทำให้สมองสดชื่นแจ่มใสและความคิดโลดแล่น แต่ก็ระมัดระวังที่จะไม่ดื่มมากเกินไป แค่ได้กาแฟดำร้อนหลังอาหารเช้าครึ่งแก้ว และลาเต้ร้อนหลังอาหารเที่ยงอีกครึ่งแก้ว ก็ฟินแล้วสำหรับหนึ่งวันจะกาแฟสำเร็จรูปหรือกาแฟชงสดก็สร้างความฟินแบบนี้ได้ไม่แพ้กัน งั้นกรรมการให้เสมอไปเลยแล้วกันสำหรับยกนี้!