นิสัยในการทำงานสามารถฝึกได้โดยเฉพาะกับงานรูทีนที่ทุกคนมองว่ายาก หลายๆคนมองว่ายาก ทำไม่ได้หรอก แต่เป็นพฤติกรรมที่ทำซ้ำไปซ้ำมา หรือลงมือทำอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องเป็นเวลายาวนานจนติดเป็นนิสัย ทุกคนสามารถทำได้ และสามารถทำให้งานออกมาประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพได้ดีด้วย ดดยที่เราจัดลำดับความสำคัญของงาน งดการผลัดวันประกันพรุ่ง งดนิสัยวิตกกังวล งดความฟุ้งซ่าน วันนี้เรามาดู 8 นิสัยในการทำงานที่อยากจะนำมาแนะนำเพื่อนๆชาว Introvert กันดีกว่า 1. หยุดบ่น และขอบคุณโชคดีเล็กๆน้อยๆที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ้เพราะการบ่นในการทำงานจะเพิ่มความเครียดมากขึ้นในการทำงาน ถ้าเราเหนื่อย เราก็พัก หรือถ้าเราพักไม่ได้ เราก็เปลี่ยนมันเป็นทัศนคติที่ทำให้เราขอบคุณและได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่างในชีวิต ผู้เขียนเป็น INFP นะ ผู้เขียนมองว่าชีวิตจริงผู้เขียนเป็นคนที่มีความสุขในชีวิตจริงได้ง่ายมากเลย แค่ได้กินของอร่อยๆที่ผู้เขียนชอบ และเล่นเกม หรือดูหนังเทสที่ผู้เขียนชอบบนช่อง Netflix ก็มีความสุขแล้ว หรือได้ไปที่ๆผู้เขียนอยากไป หรือได้ไป และได้ไปเดินเล่น ได้เล่นกับน้องแมว ได้แลกเปลี่ยนบทสนทนากับคนที่สนใจในเรื่องเดียวกัน และได้มองเห็นหน้าคนในครอบครัวทุกๆวัน แค่นี้ก็มีความสุขแล้วสำหรับผู้เขียน 2. ถ้ารู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยวให้ลองลงทุนกับตัวเองในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆและเพิ่มโอกาสให้ตัวเองมากขึ้น ผู้เขียนเป็น INFP นะ ในชีวิตจริงผู้เขียนเป็นฟรีแลนซ์ที่ใช้เวลาส่วนมากหมดไปกับการวาดรูป อ่านหนังสือ และเขียนหนังสือที่ทำงานตามอารมณ์ และไม่ชอบงานรูทีนชีวิต หรืองานซ้ำซากจำเจที่ต้องทำซ้ำไปซ้ำมาทุกๆวันเพราะรู้สึกเบื่อมาก ดังนั้นเวลา 80-90% ส่วนมากของผู้เขียนจึงหมดไปกับการอยู่คนเดียว เพราะยุ่งกับการทำงานด้วย ไม่มีเวลาให้เพื่อนหรือคนที่เคยสนิทและคุยเล่นกันได้สมัยเด็กๆ ดังนั้นผู้เขียนจึงใช้เวลาส่วนมากกับการอยู่คนเดียวค่ะ เหงาบ้าง แต่ไม่เคยโดดเดี่ยวเลย มันเหมือนเป็น solitude มากกว่า ที่ผู้เขียนรู้สึกมีความสุขและมีอิสระทางความคิดมากขึ้นตอนที่ได้อยู่คนเดียว ต่อให้รู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยว ผู้เขียนก็ทำได้แค่อ่านหนังสือเล่มใหม่หรือลงทุนในสิ่งใหม่ๆที่ผู้เขียนอยากจะเรียนรู้อยู่ดี 3. ถ้ามีคนเอาเรื่อง toxic มาให้ก็อย่างลังเลที่จะตัดคนนั้นออกไป ผู้เขียนเป็น INFP นะ ตอนที่ผู้เขียนยังเด็กอยู่นั้น ถ้ามีคนเดินเข้ามาและมอบอะไรให้ผู้เขียน ผู้เขียนก็จะเชื่อคำพูดของเขาและเดินตามรวมถึงทำตามและก้าวตามทุกก้าวค่ะ แม้ว่าสิ่งที่พวกเขายื่นให้จะทำร้ายจิตใจหรือเป็นพิษภัยต่อชีวิตของผู้เขียนภายหลังก็ตาม ผู้เขียนก็ไม่สนใจ เพราะตอนยังเด็กผู้เขียนไม่กลัวอะไรทั้งนั้น แต่เมื่อโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น อยู่ในช่วงวัยกลางคน ทำงานจากที่บ้าน ทำงานคนเดียว ผู้เขียนพบว่าช่วงนี้อารมณ์ตัวเองร้อนมากขึ้น อดทนไม่ได้ รอไม่ได้ และรู้สึกว่ายิ่งอยู่ในช่วงโรคระบาดที่คนเราจะตายตอนไหนก็ได้ เราอาจจะตายตอนนี้หรือลมหายใจข้างหน้าก็ได้ เลยคิดว่าตราบใดที่ร่างกายยังแข็งแรงและสุขภาพจิตเรายังไม่มีปัญหา อยากทำอะไรก็ทำแล้วกันและถ้าเราต้องอยู่กับความรู้สึกหวาดกลัว หวาดระแวง หรือ มีคนเอาเรื่อง toxic มาให้ พอโตขึ้นก็ตัดคนนั้นออกไปง่ายมากเลยค่ะ 4. งดการเล่น Social หรือการดูทีวี การเล่น social media หรือติดทีวี จะทำให้เราขาดความอดทน อารมณ์ร้อนง่ายขึ้น ฉุนเฉียวง่ายขึ้น เขาบอกว่าการอยู่กับ social media นานๆ เหมือนกับการกิน sugar high ของสมองหรือสารเสพติด ที่ถ้าเราเสพพอประมาณก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเราติด มันจะเหมือนสารเสพติดอย่างหนึ่ง ผู้เขียนเป็น INFP นะ ผู้เขียนเป็นคนที่สามารถไถทวิตเตอร์ เล่นโซเชียลมีเดีย หรือดูรายการทีวีวาไรตี้เรียลลิตี้โชว์ได้ทั้งวันโดยไม่ต้องคุยอะไรกับใครถ้าไม่มีอะไรทำ ผู้เขียนยอมรับว่ามันเป็นความสุขอย่างหนึ่งมากๆหลังจากที่เราทำงานหนักแต่คนเราจะทำงานของตัวเองให้เสร็จและตามหาความก้าวหน้าของชีวิตได้ยังไง ถ้าเราเอาแต่ดูทีวีทั้งวัน แถมการจับมือถือทั้งวันยังทำให้เรามีความวิตกกังวลมากขึ้นและนอนไม่หลับได้ ดังนั้น ผู้เขียนจึงพยายามตั้งใจงดการเล่น social หรือดูทีวีค่ะ 5. อ่านหนังสือเพิ่มความรู้ในการลงทุน หนังสือคืออาหารของสมอง การอ่านหนังสือช่วยเพิ่มความรู้ในชีวิตให้เราได้ ช่วยให้เรารู้สิ่งใหม่ๆเพิ่มมากขึ้น และเปิดโลกของเราให้กว้างมากขึ้น ผู้เขียนเป็น INFP นะ ผู้เขียนมองว่าการอ่านหนังสือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ชีวิตของเราจะเป็นยังไง ก้าวไปในทิศทางไหน ขึ้นอยู่กับหนังสือที่เราอ่านจริงๆ สมัยเด็กๆผู้เขียนอ่านแต่หนังสือการ์ตูน หนังสือแจ่มใส นวนิยายรักโรแมนติกเยอะมากหรือหนังสือวรรณกรรมแฟนตาซีที่เนื้อหาสดใส สนุกๆ แต่พอโตมาผู้เขียนต้องเปลี่ยนแผนมาอ่านหนังสือการลงทุน หนังสือหุ้น หนังสืออสังหาริมทรัพย์ และหนังสือคริปโท หรือการอ่านกราฟแทนค่ะ เพราะต้องการเพิ่มอิสระทางการเงินและอิสระทางเวลาและอิสระทางความคิดมากขึ้นในชีวิต จะได้ทำอะไรก็ได้ที่ผู้เขียนอยากทำโดยไม่ต้องกังวลใจเรื่องเงิน และสุขภาพจิตก็มีผลเกี่ยวข้องกับสุขภาพเงินในกระเป๋าเราด้วย 6. ลองตั้งเป้าหมายในชีวิตของตัวเองดู ชีวิตของคนทุกคนต้องมีเป้าหมาย มีสิ่งที่ต้องทำในชีวิตประจำวัน มี To Do List หรือ Super To Do List การจดจ่อกับเป้าหมายและแก้ปัญหาไปทีละนิดทีละหน่อยหรือค่อยๆทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเรื่อยๆจนกว่าจะเสร็จจะช่วยลดความเครียด ช่วยให้สารโดปามีนเพิ่มขึ้นด้วยจากการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งเสร็จ เป้าหมายของผู้เขียนมีหลายอย่างมากๆ ไม่ว่าจะเป็นการวาดรูป การทำ nft การเก็บแอร์ดรอปวันละครึ่งชั่วโมง การเขียนโปรแกรม การสร้างเกม การสร้างแอป การทำ Blender แต่ไม่สำเร็จสักอย่างนะคะ เพราะผู้เขียนติดการฟังเพลงดูหนังดูรายการทีวีมาก ดารา นักร้อง ไอดอลในวงการบันเทิง K-Pop เป็นเหมือนกับสารเซโรโทนินและสารโดปามีนในสมองของผู้เขียนเลย แบบทำงานหนักได้มองเห็นหน้าเขาหรือ Gif หน้าเขาเป็นเวลาสั้นๆ หัวใจเราก็มีความสุขแล้ว แต่เพราะงานที่ผู้เขียนกำลังจะทำมีมากล้นมือและผู้เขียนก็รู้สึกเหนื่อยอยู่แล้วจากการทำงานหนัก ผู้เขียนเลยวางแผนจะเลิกติ่งดูในวัยนี้ค่ะ 7. ลองออกกำลังกายทุกวันเพื่อเพิ่มสารเอ็นโดฟินและเซโรโทนินเพื่อให้ร่างกายมีความสุข วิธีการที่จะทริคสมองให้เชื่อว่าชีวิตของเรามีความสุขอย่างหนึ่งก็คือการออกกำลังกาย สารเอ็นโดรฟินและเซโรโทนินสามารถลดความเครียด ลดความเจ็บปวดในชีวิตจริง เพิ่มความอดทนต่อมากขึ้นต่อเรื่องไม่น่าพอใจในชีวิตประจำวัน การออกกำลังกายจะช่วยลดความเครียดและทำให้จิตใจสงบขึ้นด้วย ผู้เขียนเป็น INFP นะ ผู้เขียนทำงานเป็นฟรีแลนซ์ อยู่บ้าน อยู่หน้าจอคอมทั้งวัน พิมพ์บทความส่งให้ true id และพยายามอย่างมากที่จะออกหนังสือเล่มเล็กๆของตัวเอง ผู้เขียนพบว่าตัวเองต้องใช้ความอดทนสูงและความพยายามอย่างมากในการจูงใจ ผลักดันและเชื่อในตัวเองว่าผู้เขียนสามารถทำได้ ต่อให้ล้มเหลวและผิดหวังหรือรู้สึกเจ็บปวดกับตัวเอง ผู้เขียนสามารถทำได้ ดังนั้นการออกไปเดินเล่น และออกกำลังกายในตอนเย็น ทุกๆหนึ่งชั่วโมงเป็นทริคอย่างหนึ่งที่ทำให้สมองและร่างกายของผู้เขียนมีความสุขขึ้นจริงๆค่ะ 8. เรียนรู้ทุกอย่างจากความผิดพลาดและความล้มเหลวและจากประสบการณ์ของตัวเองและคนรอบข้างดู แน่นอนว่าในชีวิตนี้นั้นไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่างทุกคนต้องเคยผิดพลาดมาก่อนแล้วการเรียนรู้ประสบการณ์จากข้อผิดพลาดและ ความล้มเหลวของคนอื่นก็เป็นบทเรียนที่ดีที่สุดในการสอนตัวเองเพราะนั่นคือชีวิต ผู้เขียนเป็น INFP นะ มี phase หนึ่งจากในหนังสือเล่มหนึ่งที่ผู้เขียนชอบมากเลย เขียนว่า ถ้าหากว่าพบเจอคนที่กำลังประสบความสำเร็จหรือใช้เวลา 8-9 ชั่วโมงเพื่ออวดรวยและพูดถึงสิ่งที่ตัวเองมีมาก่อนหรือมีมาตลอดทั้งชีวิต นั่นเป็นไปได้ว่าพวกเขาอาจจะโกหกเพราะคนที่ประสบความสำเร็จจริงๆนั้นเพราะเขาเคยผิดพลาดและล้มเหลวมาก่อนเคย และนี่คือบทเรียนที่ดีที่สุดที่เราจะเรียนรู้จากพวกเขาหรือตัวเอง เพราะถ้ามันดีเกินไปมันก็จะเป็นเรื่องโกหกแต่ถ้าสมมุติว่ามันแย่และล้มเหลวบ้างนั่นแหละคือรสชาติของชีวิตจริงๆ แหล่งอ้างอิงข้อมูลเพิ่มเติมที่ 16personalities.com บทความอื่นๆที่น่าสนใจ : MBTI 16 บุคลิกภาพ กับ การดูอนิเมะMBTI 16 บุคลิกภาพ กับ ระดับการยอมรับความเสี่ยงในใจMBTI 16 บุคลิกภาพ เมื่อมีเพื่อนมาพักที่บ้านของตัวเองMBTI 16 บุคลิกภาพ กับ การเป็นเจ้านายคนMBTI 16 บุคลิกภาพ เป็นยังไงเวลาเสียใจ ขอขอบคุณเครดิตรูปภาพ หน้าปก / Canvaรูปภาพประกอบที่ 1 / 2 / 3 / 4 / 5 / 6 / 8 โดย susan-lu4esm / 7 โดย Fotorech/ pixabayเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !