ธัญ (THANN) แนะนำวิธีการเตรียมผิวรับมือกับ PM 2.5 ได้อย่างมั่นใจ
มลภาวะทางอากาศทำร้ายสุขภาพคุณมากกว่าที่คิด หนึ่งในมลพิษที่อยู่ในอากาศและเป็นปัญหาใหญ่และยากจะจัดการได้ในปัจจุบันนี้คือฝุ่น PM 2.5 (Particulate Matter) หรือฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน ซึ่งเกิดจากฝีมือของมนุษย์ทั้งจากการเผาไหม้ อุตสาหกรรมการผลิต การคมนาคม นั้นส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและสุขภาพผิวของเราได้ ฝุ่นเปรียบเสมือนของขวัญไม่มีใครต้องการ และเราจะต้องเผชิญในชีวิตประจำวันอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ แบรนด์ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ‘ธัญ’ (THANN) คำนึงถึงปัญหาผิวพรรณที่เกิดจากการเผชิญกับมลภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐานในปัจจุบัน จึงได้เชิญแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แพทย์หญิงนิโลบล เจริญวุฒิ จัดกิจกรรมแนะวิธีรับมือกับฝุ่นละออง PM 2.5 โดยให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการดูแลสุขภาพร่างกายและผิวพรรณเมื่อต้องเผชิญกับมลภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ในระยะยาว
พร้อมแนะนำ 5 ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้า อาทิ ‘คลีนซิ่ง วอเตอร์’ (Cleansing Water), ‘แฟเชียล คลีนเซอร์’ (Facial Cleanser), ‘เพียวริฟายอิ้ง เฟซ วอซ’ (Purifying Face Wash), ‘ดีท็อกซิฟายอิ้ง เคลย์ มาส์ก’ (Detoxifying Clay Mask) และ‘โอ๊ตมีล เฟซ สครับ’ (Oatmeal Face Scrub) ร่วมด้วยเหล่าเซเลบริตี้สาว อาทิ ม.ล.สิริสมร สวัสดิวัตน์, วรรณวิไล เตชะสมบูรณ์ และ ศิรประภา จีระพันธุ ที่มาร่วมแชร์เคล็ดลับการรับมือรวมถึงการดูแลผิวหลังจากเผชิญมลภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่ร้าน ‘ธัญ’ (THANN) ชั้น 3, ศูนย์การค้าเกษร
แพทย์หญิงนิโลบล เจริญวุฒิ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและความงาม แนะนำวิธีการดูแลสุขภาพและผิวพรรณเมื่อต้องเผชิญมลภาวะฝุ่น PM 2.5 ในระยะยาวว่า ‘มลภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 ยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่องที่เราต้องเผชิญกันต่อไปอีกนาน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของมนุษย์โดยตรง ทั้งระบบทางเดินหายใจทำให้เกิดการไอ จาม โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ ฝุ่นละอองขนาดเล็กจะไปกระตุ้นให้เกิดอาการโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง นอกจากนี้คนที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจก็อาจมีอาการกำเริบรุนแรงเพิ่มขึ้น และยังเสี่ยงที่จะเป็นโรคปอดเรื้อรัง หรือมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปอดได้ หากได้รับ PM 2.5 สะสมในระยะยาว เนื่องจาก PM 2.5 มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน มีขนาดเล็กกว่ารูขุมขนถึง 20 เท่า สามารถแทรกซึมเข้าสู่รูขุมขนได้ง่าย ส่งผลกระทบโดยตรงต่อผิวหนังโดยขึ้นอยู่กับระดับความเข้มข้น
และระยะเวลาการสัมผัส PM 2.5 สามารถแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะเฉียบพลัน ก่อให้เกิดอาการอักเสบระคายเคืองของผิว ทำให้ผิวเสียสมดุลความชุ่มชื้น เนื่องจาก PM 2.5 สามารถทำลายเซลล์ผิวชั้นนอก หรือชั้นหนังกำพร้าและทำลายโปรตีนฟิลแลกกริน (Filaggrin) ที่มีหน้าที่ป้องกันผิวหนัง (epidermal barrier protein) และระยะเรื้อรัง PM 2.5 กระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระรบกวนการทำงานของเซลล์ผิว ทำให้ผิวเสื่อมเร็วกว่าปกติ ทำลายคอลลาเจน ทำให้ผิวเหี่ยวย่น เกิดริ้วรอย กระตุ้นให้ผิวผลิตเม็ดสีสาเหตุของการเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ หากสัมผัสฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 เพียง 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ช่วงเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง สามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของผิวหนังได้แล้ว และหากต้องเผชิญกับฝุ่นละอองระดับ 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จะก่อให้เกิดภาวะความชราของผิว รวมถึงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของผิวลดลง
สำหรับคนที่มีสภาพผิวมัน อาจพบปัญหาการอุดตันของรูขุมขนทำให้เป็นสิวได้ง่ายขึ้น รวมถึงคนที่มีสภาพผิวอ่อนแอและแพ้ง่าย ผิวมักจะเกิดผด ผื่น ร่วมกับอาการคันและระคายเคืองได้ง่าย นอกจากผิวหน้าแล้ว ผิวบริเวณอื่นของร่างกายอย่างข้อพับก็สามารถเกิดผื่นแดงคันได้ด้วยเช่นกัน ยิ่งเฉพาะในกลุ่มที่ความต้านทานของผิวหนังน้อย เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยที่เป็นโรคผิวหนังเรื้อรัง เช่น ภูมิแพ้ผิวหนัง (atopic dermatitis), ลมพิษ (urticaria), สะเก็ดเงิน (psoriasis) ฯลฯ ควรหลีกเลี่ยงและป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากฝุ่นละออง PM 2.5 ให้ได้มากที่สุด รวมถึงงดออกไปอยู่ในบริเวณที่มีฝุ่นละออง PM 2.5 ในปริมาณมาก แต่หากเลี่ยงไม่ได้ควรสวมเสื้อผ้าปกคลุมร่างกายให้มิดชิด สวมหน้ากากอนามัยที่สามารถกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องทำให้ร่างกายแข็งแรง เพื่อเพิ่มภูมิต้านทานต่อมลภาวะ เพราะเมื่อร่างกายเราอ่อนแอ เวลาที่ได้รับเชื้อโรคหรือฝุ่นเข้ามาก็จะทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย
นอกจากนี้การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ทั้งผัก ผลไม้ รวมถึงงดการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้ง โดยสามารถปรับเปลี่ยนมาออกกำลังในร่มแทน นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และควรดื่มน้ำสะอาดในระหว่างวันให้มากๆ
ส่วนการดูแลผิว เมื่อกลับถึงบ้านควรรีบอาบน้ำชำระล้างผิวให้สะอาด สำหรับคนที่แต่งหน้าควรเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางบนผิวให้สะอาด ด้วยผลิตภัณฑ์เช็ดทำความสะอาดผิวอย่างคลีนซิ่ง วอร์เตอร์ เพราะมีความอ่อนโยนต่อผิวหน้า และสามารถล้างคราบเครื่องสำอางและฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนผิวหน้าให้สะอาด หลังจากนั้นควรใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมกับแต่ละสภาพผิว ส่วนเทคนิคการล้างหน้าให้สะอาดหมดจด คือ การล้างหน้าตามแนวรูขุมขนและควรล้างอย่างเบามือ สามารถใช้มาส์กผิวหน้าด้วยโคลน เพื่อเป็นการดีท็อกซ์ผิวและทำความสะอาดรูขุมขน สัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเป็นสารแอนตี้ออกซิแด้นท์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซี วิตามินอี จะช่วยเสริมให้สุขภาพผิวแข็งแรงขึ้น นอกจากนี้ควรสครับผิว เพื่อกระตุ้นกระบวนการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิวที่เสื่อมสภาพสัปดาห์ละครั้ง ควรเลือกแบบที่เป็นสูตรอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว เพื่อผิวที่สะอาดใส’
‘ธัญ’ (THANN) ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม ผสานคุณค่าแห่งพืชพรรณจากแหล่งธรรมชาติชั้นดีทั่วโลกและเทคโนโลยีอันทันสมัย ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา ‘ธัญ’ (THANN) มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ธรรมชาติผสานเทคโนโลยีชั้นนำ เพื่อการดูแลสุขภาพผิวและเส้นผม โดยปัจจุบันมีกว่า 90 สาขา รวมถึงสปาอีก 15 แห่งใน 3 ทวีป ได้แก่ เอเชีย อเมริกา และยุโรป โดยผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ในกิจกรรมครั้งนี้ ได้แก่ ‘แอสทริงเจนท์ คลีนซิ่ง วอเตอร์’ (Astringent Cleansing Water) ขนาด 210 มล. ราคา 1,000 บาท ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางได้อย่างหมดจด แม้เครื่องสำอางชนิดที่ล้างออกยาก อ่อนโยนต่อทุกสภาพผิว โดยไม่ทิ้งความมัน ผิวไม่แห้งตึง พร้อมมอบคุณค่าการบำรุงผิวด้วยคุณค่าของสารสกัดธรรมชาตินานาชนิด อาทิ น้ำแร่จากอ่าววงแหวนปะการัง หมู่เกาะตาฮิติ (Tahitian lagoon mineral water), น้ำสกัดจากดอกลาเวนเดอร์ ออแกนิค (Organic lavender water), สารสกัดจากว่านหางจระเข้ ออแกนิค (Organic aloe vera juice powder), สารสกัดจากเซลล์ต้นกำเนิดข้าวแดง (Rice callus culture extract), น้ำสกัดจากดอกวิชฮาเซล (Witch hazel water) และสารสกัดจากเมล็ดมะรุม (Moringa seed extract)
‘แฟเชียล คลีนเซอร์’ (Facial Cleanser) ขนาด 200 มล. ราคา 950 บาท ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสูตรอ่อนโยน พร้อมรักษาสมดุลความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิว ซึ่งปราศจากฟอง และสารอัลคาไลน์ (Non-alkaline) อีกทั้งยังมีค่า pH ที่ 5.5 - 6.5 ที่อยู่ในระดับเดียวกับผิว ด้วยคุณค่าสารสกัดจากใบชิโซะอนุภาคขนาดเล็ก (Nano shiso extract) และสารสกัดจากใบชาเขียว (Green tea extract) ผ่านการทดสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังว่าเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย
‘เพียวริฟายอิ้ง เฟซ วอซ’ (Purifying Face Wash) ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า ขจัดสิ่งสกปรกและความมันส่วนเกินได้อย่างหมดจด พร้อมคืนความกระจ่างใสสู่ผิว อุดมด้วยสารสกัดธรรมชาติที่มอบคุณค่าในทำความสะอาดและบำรุงผิว อาทิ น้ำมันมะพร้าวออแกนิค (Organic coconut oil), สารสกัดจากข้าวออแกนิค (Organic rice extract), สารสกัดจากต้นไผ่ (Bamboo extract)
‘ดีท็อกซิฟายอิ้ง เคลย์ มาส์ก’ (Detoxifying Clay Mask) ขนาด 100 กรัม ราคา 1,200 บาท มาส์กสูตรดีท็อกซ์ผิวจากโคลนธรรมชาติ 3 ชนิด ได้แก่ ทานากุระ เคลย์ (Tanakura Clay) จากประเทศญี่ปุ่น, เกาลิน เคลย์ (Kaolin Clay) และเบนโทไนต์ เคลย์ (Bentonite Clay) ดูดซับความมันส่วนเกิน และสิ่งสกปรกตกค้างออกจากรูขุมขนได้อย่างดีเยี่ยม สารสกัดจากแตงกวา (Cucumber) และกุหลาบ (Rose) ปลอบประโลมผิว และกระชับรูขุมขน ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ (Efficacy test)* พบว่าสามารถช่วยควบคุมความมันส่วนเกิน (Oil control) ได้ยาวนานถึง 6 ชั่วโมงและขนาดของรูขุมขนเล็กลง 19.1% * ทดสอบด้วยวิธี Visual grading และ Sebumetry กับกลุ่มผู้หญิงเอเชีย จำนวน 22 คน โดยใช้ผลิตภัณฑ์สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ระยะเวลา 4 สัปดาห์ ทำการทดสอบโดยสถาบัน Spincontrol Asia Co.,Ltd. (France)*
‘โอ๊ตมีล เฟซ สครับ’ (Oatmeal Face Scrub) ขนาด 100 กรัม ราคา 1,200 บาท สครับสำหรับผิวหน้า สูตรอ่อนโยน ด้วยเม็ดสครับเนื้อละเอียดจากธรรมชาติอย่าง ข้าวโอ๊ต (Oatmeal) และเมล็ดผลแอพพริคอท (Apricot seed) ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว พร้อมมอบคุณค่าการบำรุงด้วยสารสกัดจากดอกมาชเมลโล่ (Marsh Mallow) และใบบัวบก (Centella) อุดมด้วยวิตามินเอ, บี และซี ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผิว เผยผิวเนียนนุ่ม กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
ด้านเหล่าเซเลบริตี้สาวต่างทดลองผลิตภัณฑ์ พร้อมเทคนิคการล้างหน้าให้สะอาดหมดจด พร้อมเผยเคล็ดลับวิธีดูแลตนเองและผิวพรรณหลังเผชิญมลภาวะ PM 2.5 เริ่มต้นที่สาวหน้าใส ม.ล.สิริสมร สวัสดิวัตน์ เล่าว่า ‘ปกติแล้วไลฟ์สไตล์ส่วนตัวเป็นคนที่ชื่นชอบทำกิจกรรมคาเฟ่ฮอปปิ้ง และชอบหาสถานที่รูปสวยๆ กับกลุ่มเพื่อนเป็นประจำ จึงต้องเผชิญมลภาวะฝุ่นละอองและเเสงแดดอยู่บ่อยๆ ยิ่งช่วงนี้ฝุ่นละอองขนาดเล็กเยอะมาก ทำให้ผิวระคายเคืองง่ายมาก เกิดผดผื่น รวมถึงใบหน้าหมองคล้ำขึ้น จึงพยายามหลีกเลี่ยงการออกไปเผชิญมลภาวะข้างนอก เมื่ออยู่บ้านก็จะเปิดเครื่องฟองอากาศ เพื่อทำให้อากาศดีขึ้น ส่วนการดูแลผิวจะเน้นเรื่องการทำความสะอาดผิว โดยจะใช้คลีนซิ่ง วอเตอร์เช็ดผิวให้สะอาดเป็นอันดับแรกก่อน แล้วล้างหน้าด้วย เพียวริฟายอิ้ง เฟซ วอซ ซ้ำอีกรอบ เพื่อช่วยมให้ผิวสะอาดใสไร้สิ่งตกค้าง เพราะเราเชื่อว่าผิวที่สะอาดเป็นพื้นฐานของผิวที่ดี ทำให้แต่งหน้าได้ง่ายขึ้นด้วย และสิ่งสำคัญเมื่อต้องเผชิญมลภาวะ เราต้องป้องกันตนเอง โดยการสวมหน้ากากป้องกันฝุ่นละออง PM 2.5 เป็นประจำ’
ต่อมาที่สาวสังคมอย่าง วรรณวิไล เตชะสมบูรณ์ เล่าว่า ‘เราต้องเผชิญปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ PM 2.5 ในชีวิตประจำวันแทบจะทุกวัน เพราะต้องไปรับ-ส่งลูกที่โรงเรียน หรือเวลาออกงานก็จะมีทั้งงานที่จัดในและนอกสถานที่ บางทีเราแต่งตัวสวยๆ ก็มีความรู้สึกไม่อยากจะใส่หน้ากากกันฝุ่น เลยพยายามหลีกเลี่ยงการร่วมงานที่จัดภายนอกอาคาร เพราะส่วนตัวเป็นโรคภูมิแพ้อยู่แล้วด้วย เวลาที่ต้องเผชิญฝุ่นละออง PM 2.5 ก็จะทำให้รู้สึกคัดจมูก หายใจไม่สะดวก ส่วนที่ผิวหน้าก็จะรู้สึกคัน และมีผื่นแดงขึ้น เราจึงต้องดูแลสุขภาพร่างกายและผิวหน้าตัวเองให้แข็งแรง ไม่อ่อนแอง่าย โดยจะเลือกรับประทานทานอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย โดยเฉพาะผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เพราะจะช่วยให้ร่างกายแข็งขึ้น เน้นการเคลียร์ผิวให้สะอาด โดยหลังการล้างหน้าใช้ เคลย์ มาส์ก เป็นตัวช่วยในการทำความสะอาดผิว เพื่อขจัดสิ่งสกปรกตกค้างและฝุ่นละอองให้ออกจากรูขุมขน ถือว่าเป็นการเตียมผิวให้สะอาดใสพร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป’
ปิดท้ายที่คุณแม่มือใหม่ ศิรประภา จีระพันธุ เผยว่า ‘หน้าที่หลักของเราตอนนี้ คือ การเลี้ยงลูก ส่วนในวันว่างหรือวันสำคัญที่ต้องไปพบปะเพื่อนๆ หรือญาติ ทำให้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญกับมลภาวะฝุ่นละออง PM 2.5 ได้เลยเราจึงต้องหาวิธีป้องกันตนเอง และลูกน้อยให้ได้มากที่สุด เพราะฝุ่น PM 2.5 นั้นสามารถทำให้เราและลูกป่วยได้ง่าย จึงต้องให้ความสนใจกับสุขภาพตัวเองและลูกเพิ่มมากขึ้น หากอยู่ในบ้านก็จะปิดหน้าต่างและประตูให้มิดชิด และเมื่อต้องออกไปข้างนอกก็จะใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นอยู่เสมอ ผลกระทบจากฝุ่นนอกจากส่งผลต่อสุขภาพแล้วยังส่งผลต่อผิวของเราด้วย ทำให้เกิดอาการระคายเคืองง่ายขึ้น ดังนั้นเราจึงเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าสูตรอ่อนโยน และมีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการบำรุงผิวให้แข็งแรง ไม่ว่าจะเป็น คลีนซิ่ง วอเตอร์ และเพียวริฟายอิ้ง เฟซ วอซ เพื่อดูแลผิวหน้าให้สะอาดและเพิ่มความแข็งแรงช่วยให้กับผิวหน้า นอกจากนี้เราจะใช้เฟส สครับ สัปดาห์ละครั้ง ในการกระตุ้นการผลัดเปลี่ยนเซลล์ผิว’
เตรียมผิวให้พร้อมเผชิญมลภาวะฝุ่นละออง PM 2.5 ได้อย่างมั่นใจด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดและฟื้นฟูสภาพผิวจากแบรนด์ ‘ธัญ’ (THANN) ได้แล้ววันนี้ที่ร้าน ‘ธัญ’ (THANN) ทั้ง 16 สาขาทั่วประเทศ อาทิ สาขาสุขุมวิท 47, ชั้น 2 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษร, ชั้น 5 ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรียม, ชั้น1 และชั้น 4 ศูนย์การค้าสยามพารากอน, ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามดิส คัฟเวอรี่, ชั้น 4 ไอคอน สยาม, ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์, ร้านวูว์ ถนนเจริญราษฎร์ และสาขาถนนพระปกเกล้า (ตรงข้ามวัดเจดีย์หลวง) จังหวัดเชียงใหม่, สาขาป่าตอง (หน้าโรงแรม La Flora ป่าตอง) และสาขาถนนกลาง (ย่านเมืองเก่า) จังหวัดภูเก็ต