การะเกดคอนเฟิร์ม! 4 สูตรความสวย ผิวเด้ง ผิวดี ฉบับกรุงศรี #บุพเพสันนิวาส
ผิวสวยๆ แบบแม่หญิงการะเกดได้แต่ใดมา บอกเลยว่า มาจากเคล็ดลับการใช้มะขามเปียก + ขมิ้นไพรสดนั่นเอง! โดยในสมัยก่อนแม้จะไม่มีครีมบำรุงผิวเหมือนสมัยนี้ แต่เขาก็นิยมบำรุงผิวด้วยการขัดผิวเช่นกันค่ะ ซึ่งมักจะใช้มะขามเปียกขัดขี้ไคล เรียกว่าเป็นการสครับผิวก็ว่าได้ และมักใช้ขมิ้นไพรขัดตัวให้เหลืองอร่าม โดยขมิ้นที่ใช้ก็จะเป็นขมิ้นสด นำไปล้างให้สะอาดแล้วปอกเปลือกออก จากนั้นจึงนำมาขูดให้ละเอียด แล้วนำไปขัดตัว หรือจะนำขมิ้นที่ขูดแล้วไปผสมกับมะขามเปียก แล้วจึงค่อยนำมาขัดตัวก็ได้เช่นกันค่า ใครอยากผิวสวยเนียนเด้ง ลองมาทำกันดูนะคะ
ขัดผิวให้เนียนนุ่มแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการเพิ่มความขาวผ่องของผิวกันบ้างค่ะ ซึ่งสมัยก่อนนั้น ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะใช้ขมิ้นผง แตะผสมน้ำเล็กน้อยแล้วนำมาทาตัวขัดตัวอีกครั้งหลังอาบน้ำค่ะ ผิวอาจจะดูเหลืองเล็กน้อย แต่นี่ล่ะเคล็ดลับที่ทำให้ผิวขาวแบบไม่ต้องฉีดให้อันตราย! โดยการใช้ขมิ้นผสมน้ำขัดตัวนั้นนอกจากจะใช้กับผิวกายได้แล้ว ยังใช้กับผิวหน้าได้ด้วยเช่นกันค่ะ สำหรับใครที่อยากมีผิวขาวๆ หน้าผ่องๆ ขอแนะนำสูตร ขมิ้น + น้ำผึ้ง เลยค่ะ โดยนำมาผสมกันแล้วนำมาขัดผิวหน้าเบาๆ แล้วพอกทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที เสร็จแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด แค่นี้สิวเสี้ยนก็หลุดกระจาย หน้าขาวใสแบบฉบับแม่หญิงการะเกดแล้วเจ้าค่ะ!
แชมพง แชมพู ครีมนวดอะไร ไม่มีซะหรอก! จะสระผมทั้งที ในสมัยนั้นก็มักจะใช้มะกรูดนี่ล่ะค่ะ ซึ่งการใช้มะกรูดสระผมในสมัยก่อนก็มีทั้งการผ่าผลมะกรูดสด แล้วบีบน้ำนำมาชโลมลงบนผมโดยตรง และการนำไปเผาหรือต้มก่อนแล้วจึงค่อยนำมาคั้นน้ำสระ การใช้มะกรูดสระผม บอกเลยว่า ช่วยให้ผมนุ่ม เงาสวยเลยทีเดียวค่ะ จึงไม่แปลกที่สมัยนี้จะมียาสระผมมากมายที่มีส่วนผสมของมะกรูด ใครอยากลองใช้มะกรูดสระผมแบบแม่หญิงการะเกด แนะนำให้ลองทำตามนี้เลย! เริ่มด้วยการราดน้ำลงบนผมให้เปียกชุ่มก่อนค่ะ จากนั้นบีบน้ำมะกรูดแล้วนำไปนวดให้ทั่วหนังศรีษะ ทิ้งไว้ 2-3 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด ถ้ารู้สึกแสบหนังศีรษะแสดงว่าน้ำมะกรูดข้นไปต้องนำน้ำมะกรูดไปผสมน้ำให้เจือจางก่อนนะคะ เท่านี้ก็ได้ผมดกดำ เงางามง่ายๆ แล้ว!
ใช่ว่าคนสมัยก่อนจะฟันดำกันทุกคนเสมอไปนะคะสาวๆ อย่างแม่หญิงการะเกด ในบุพเพสันนิวาส ก็ยังมีฟันขาวสวยวิ้งดังเช่นคนสมัยนี้ ซึ่งในสมัยนั้นการดูแลรักษาฟันก็ไม่ได้มีขั้นตอนอะไรมากค่ะ มีเพียงแค่การแปรงฟันเท่านั้น ทั้งยังแปรงแค่ตอนเช้าอีกด้วย! ที่สำคัญแปรงสีฟันก็ยังไม่มี คนในสมัยนั้นจึงนิยมใช้กิ่งข่อย ตัดเป็นขนาดเล็กพอประมาณ แล้วนำมาทุบส่วนปลายให้นุ่ม คล้ายพู่กันขนาดเล็ก เพื่อใช้แปรงฟันนั่นเองค่ะ ส่วนยาสีฟันก็ไม่มีนะคะ เขาจึงนิยมใช้กิ่งข่อยจิ้มเกลือ แล้วจึงนำมาสีฟันค่ะ ซึ่งข่อยนั้นมีสรรพคุณที่ช่วยฆ่าเชื้อจุลินทรีย์ และยังต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในรากฟันได้อีกด้วย ส่วนเกลือก็มีสรรพคุณช่วยป้องกันการก่อตัวของคราบหินปูน ช่วยฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ในช่องปาก และช่วยให้ฟันขาววิ้งนั่นเอง!
ขอบคุณภาพจาก Ch3Thailand
เรียบเรียงข้อมูลโดยทีมงาน women.trueid.net
บทความที่คุณอาจสนใจ
เปิดวาร์ป! 8 ลิปสติก สีเหมือน สวยเป๊ะแบบ เบลล่า ราณี ในบุพเพสันนิวาส!
LINE |
TrueID Application |