เมืองไทยขึ้นชื่อเลยค่ะว่าแดดแรงมาก ซึ่งแดดก็เป็นอันตรายต่อใบหน้าเรา ไม่ว่าจะทำให้เกิดกระ ฝ้า จุดด่างดำ และริ้วรอยต่าง ๆ นอกจากนี้หากโดนแดดจัด ๆ แล้วละก็ อาจทำให้เกิดหน้าลอกแดง ใช้เวลาในการรักษานานมาก ดังนั้นเราจึงควรทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องใบหน้าของเรา แต่จะทาอย่างไรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด วันนี้เราจึงมีทริคทาครีมกันแดด ท้าหน้าร้อน จะเป็นอย่างไรนั้น ไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะในปัจจุบันครีมกันแดดมีให้เลือกมากมาย การที่เราจะเลือกใช้ครีมกันแดดนั้น เราควรรู้สภาพผิวของเราก่อนว่าเหมาะกับแบบไหน ซึ่งชนิดของครีมกันแดดมีดังนี้แบบเนื้อเจล เนื้อครีมบางเบา ไม่มีทำให้ผิวเหนียวเหนอะหนะ ไม่ทำให้หน้ามัน และไม่อุดตันรูขุมขน ให้ความรู้สึกชุ่มชื้นเวลาทา แต่ไม่ทำให้รู้สึกหนักหน้า เหมาะกับคนที่มีสภาพผิวมัน เป็นสิวง่าย เพราะไม่ทำให้หน้ามัน ช่วยลดการอุดตัน ลดการเกิดสิวแบบเนื้อครีม เนื้อครีมมีสีขาว ข้นคงตัว ไม่ไหลเยิ้ม เหมาะกับคนที่มีผิวแห้ง แต่ไม่เหมาะกับคนที่หน้ามัน มีปัญหาสิว เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันมากขึ้น แบบเนื้อน้ำนม เนื้อครีมค่อนข้างเหลว มีลักษณะคล้ายเป็นน้ำนมสีขาว เหมาะกับทั้งคนผิวมัน และผิวแห้ง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และไม่ทำให้ผิวมันเยิ้ม สามารถซึมเข้าสู่ผิวได้เร็ว แบบสเปรย์ สามารถฉีดพ่นออกมา แล้วไม่ต้องเกลี่ย ถือว่าสะดวกสบาย ใช้งานง่าย ประหยัดเวลา พกพาได้ง่ายแบบแท่ง คล้าย ๆ โรลออน สามารถพกพาได้สะดวก ส่วนใหญ่ทำออกมาเพื่อทาทับระหว่างวัน และสามารถทาทับเมกอัพได้เลยแบบผสมรองพื้น เหมาะกับคนที่ต้องการปกปิดรอยสิว รอยแดง รอยดำ จุดด่างดำ โดยเนื้อครีมมักจะมีสีเนื้อเนียนไปกับผิว แต่กันแดดชนิดนี้ไม่เหมาะกับคนผิวมันและเป็นสิวสัก เพราะอาจเกิดการอุดตันได้ หลังจากที่เราเลืออกชนิดของครีมกันแดดได้แล้วนั้น สิ่งที่ต้องเลือกตามมา คือ ประสิทธิภาพการกันแดด โดยในครีมกันแดดจะบอกทั้งค่า SPF และ PA ค่า SPF เป็นค่าที่บอกความสามารถของครีมกันแดดในการป้องกันการไหม้แดงของผิว ซึ่งเกิดจาก รังสียูวีบี (UVB) โดยSPF 8 จะสามารถดูดซับรังสี ได้ 87.5% เหมาะกับกิจกรรมที่ไม่โดนแสงแดดเลย ค่า SPF 15 ดูดซับรังสีประมาณ 93.3% เหมาะสำหรับผู้ที่ทำกิจกรรมภายในอาคาร ตึก หรือบ้าน ไม่มีการโดนแสงแดดเลย ค่า SPF 30 ดูดซับรังสีประมาณ 96.7% เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้งที่มีเงาร่ม อากาศไม่ร้อนจัดมากค่า SPF 45 สามารถดูดซับรังสีได้ 97.8% เหมาะสำหรับกิจกรรมที่มีออกกลางแจ้งบ้าง แสงแดดไม่แรงจัด SPF 50 สามารถดูดซับรังสีได้ประมาณ 98% เหมาะสำหรับกิจกรรมที่อยู่กลางแจ้ง หรือสถานที่แสงแดดแรงจัด ค่า PA เป็นค่าที่บ่งบอกถึงความสามารถในการปกป้องผิวจากรังสียูวีเอ (UVA) โดยจะใช้เครื่องหมายบวก(+) ในการแสดงจำนวนเท่าที่สามารถปกป้องผิวได้PA+ สามารถปกป้องผิวไม่ให้หมองคล้ำมากกว่าผิวปกติที่ไม่มีการป้องกัน 2 - 4 เท่าPA++ สามารถปกป้องผิวได้มากกว่าปกติ 4 - 8 เท่าPA+++ สามารถปกป้องผิวได้มากกว่าปกติ 8 - 16 เท่าPA++++ ปกป้องผิวจได้มากกว่า 16 เท่าจะเห็นได้ว่ายิ่งค่า SPF และ PA สูงเท่าไหร่ประสิทธิภาพในการปกป้องก็จะดี และในส่วนของครีมกันแดดที่เราเลือกใช้ในชีวิตประจำวันที่เรามองว่าดี และคุ้มค่านั้น ก็ คือ Biore UV Aqua Rich Watery Gel Botanical Peony SPF50+ PA++++ ซึ่งมีประสิทธิภาพกันรังสี UVA และ UVB ได้สูงสุดมาก ๆ โดยเรามีปัญหาในเรื่องของสิว จึงเลือกใช้ครีมกันแดดตัวนี้ที่เป็นครีมกันแดดสูตรน้ำ เนื้อเจล บางเบา โดยมีคุณสมบัติดังนี้Strong UVA/UVB Protection SPF50+ PA++++ ปกป้องสูงสุด* อนุภาคเล็กระดับไมโครปกป้องทั่วถึงแม้ร่องผิวลึก ปกป้องผิวหมองคล้ำ ไม่สม่ำเสมอที่เกิดจากแสงแดดMoisture Essence - เนื้อเจลบางเบา ซึมง่าย ไม่รู้สึกเหนอะหนะ แตกตัวเป็นน้ำเมื่อทาลงบนผิว ด้วย Water Capsule - ให้ความชุ่มชื้น ดูเรียบเนียน นุ่มอิ่มน้ำ ผสาน Royal Jelly Extract และ Hyaluronic AcidBotanical scent กลิ่นหอมอ่อนๆ ผ่อนคลาย Very Water Resistance กันแดดติดทนเพื่อการปกป้องผิวอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ด้วยสูตรกันน้ำและเหงื่อติดทน ไม่หมองระหว่างวัน วิธีการทาครีมกันแดดที่ดีทาก่อนออกจากแดด 15-30 นาทีปริมาณที่ทา ควรทา 2 ข้อนิ้วควรทาครีมกันแดดซ้ำ ทุก 2 ชั่วโมง เพื่อปกป้องอย่างต่อเนื่องและที่สำคัญเลยนะคะ ไม่ว่าเพื่อน ๆ จะออกจากบ้าน หรือไม่ออกจากบ้าน หรือไม่เจอกับแสงแดด ก็ควรทาครีมกันแดด เพราะรอบตัวเรามีแสง UV อยู่รอบตัว การทากันแดดไว้จึงดีที่สุดค่ะโดย Biore UV Aqua Rich Watery Gel Botanical Peony SPF50+ PA++++ ทาง่ายมากค่ะ มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ แต่ส่วนตัวแล้ว หลังจากทาควรทิ้งไว้สัก 5-10 นาที เพื่อให้ครีมเซ็ทตัว ทาแล้วหน้าจะใสขึ้นมานิดหน่อยค่ะ แถมรู้สึกหน้าชุ่มชื่น แต่งหน้าติดทน ทาทับเครื่องสำอางระหว่างวันไม่เป็นคราบอีกด้วยค่ะ หลังทาเสร็จทันทีผิวจะชุ่มชื้น และเรารู้สึกว่าหน้าจะสว่างขึ้นอีกนิดหน่อย เหมือนในรูปข้างล่างเลยค่ะส่วนตัวเราแล้วรู้สึกชอบ และใช้บ่อยเป็นประจำทุกวัน ทั้งในเรื่องของการปกป้องจากแสงแดดที่ให้ประสิทธิภาพสูงสุด และในเรื่องของราคา โดยมีราคาอยู่ที่ 259 บาท (บางที่อาจจะมีถูกกว่านี้) ได้ปริมาณถึง 90 ml ถือว่าเป็นครีมกันแดดอย่างดี ที่มีราคาถูก คุ้มกับเงินที่เสียไป ใช้แบบโบกได้สบายใจเลยค่ะ หากเพื่อน ๆ คนไหนที่มีปัญหาผิวเหมือนกับเรา เราแนะนำเป็นตัวนี้เลยค่ะ สามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามห้างสรรพสินค้า หรือช่องทางออนไลน์อื่น ๆ ได้เลยค่ะ วันนี้ขอตัวลาไปก่อน สวัสดีค่ะเครดิตภาพภาพหน้าปก โดย Canva ภาพประกอบที่ 1 โดย MSKIN Pro, ภาพประกอบที่ 2 โดย lesia-sementsova, ภาพประกอบที่ 3 โดย studiosouthkoreaภาพประกอบบทความที่ 1 โดย Shiny Diamondภาพประกอบอื่น ๆ ในบทความ โดย ผู้เขียน7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์