เราเริ่มมารู้ตัวเองว่าเป็นโรคกระเพาะ ก็ตอนอยู่ม.ปลายแล้ว เพราะเราเป็นคนกินข้าวไม่ตรงเวลา แล้วเราก็กินข้าวน้อยมาก ข้าวเช้าไม่กินเลย ทานนม ขนมปัง แล้วแต่แม่จะเตรียมให้ อันนี้ต้องโทษแม่แล้ว เพราะแม่ไม่เคยให้กินข้าวเช้าตั้งแต่ตอนเด็กๆเครดิตภาพ : HHHeartless จาก Pixabayพอรู้ว่าตัวเองเป็นโรคกระเพาะ เราก็เริ่มปรับพฤติกรรมกินข้าวให้ตรงเวลา แต่พอขึ้นมหาวิทยาลัย เราก็เอาอีก แข่งกันกับเพื่อนเวลาไปร้านก๋วยเตี๋ยว พริกป่นไม่ถึงสามช้อนไม่ใช่พวกเดียวกัน ช่วงนั้นถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลไปนอนให้น้ำเกลือแทนข้าวกันยกฝูงเครดิตภาพ : engin akyurt จาก Pixabay เราก็เริ่มปรับตัว ลดเผ็ดลง ถ้าเทียบก็ลดมากกว่า 80% ที่เหลือ 20% ก็มีเผ็ดบ้างเล็กน้อย เรื่องเผ็ดก็จบกันไป เรื่องใหม่คือ พอทำงานก็เริ่มหัดกินกาแฟ กินชา กินมาได้ 2 ปี ก็เริ่มเป็นโรคกระเพาะอีกหลังจากที่หายไปนาน ก็เริ่มงงว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเป็นอีก ข้าวก็กินตรงเวลา เผ็ดก็ลดไปจนเกือบกินเผ็ดได้แค่ชั้นอนุบาล เลยตัดสินใจไปหาหมอ หมอก็ถามพื้นฐาน ทานข้าวตรงเวลารึเปล่า ทานเผ็ด ทานของรสจัด ของหมักดองรึเปล่า และสุดท้าย ดื่มชา กาแฟ ด้วยไหม เราก็ อะไรนะ ชา กาแฟ ..ดื่มค่ะ.. สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หมอบอกว่า แบบนั้นก็หยุดนะ เอาเป็นช็อคโกแลต หรือ นมแทนดีกว่าเครดิตภาพ : MasterTux จาก Pixabayมันก็เหมือนยาเสพติด แรกๆ ก็หยุดไปเลย พอหยุดแล้วก็หาย หายแล้วก็กลับไปเสพอีก พฤติกรรมเป็นแบบนี้หลายเดือน จนวันหนึ่ง มันไม่ไหวแล้วจริงๆ เลยบ่นๆ กับน้องที่ทำงาน พี่ไม่ไหวแล้ว ปวดท้องกระเพาะตลอดไม่หายสักที น้องเลยบอกว่า พี่ครับ ผมขอเล่าเรื่องผมให้ฟังนะ ผมเป็นแบบพี่นี่แหละ เป็นๆ หายๆ หายแล้วก็กลับมาทำตัวเหมือนเดิม แล้วก็เป็นอีก ตอนนี้ผมไม่รับ ชา กาแฟ มาสองปีแล้ว ชีวิตผมดีขึ้น ไม่ปวดท้องกระเพาะอีกเลย เพราะพฤติกรรมอย่างอื่นของผมไม่เสี่ยง คือ พฤติกรรมของพี่เหมือนผมส่องกระจกเมื่อสองปีก่อนเลยเครดิตภาพ : Fabiano Silva จาก Pixabay จากนั้น เราก็เริ่มปรับพฤติกรรมใหม่ ทำตามที่น้องบอกทุกอย่าง ถ้าอยากได้น้ำอร่อยๆ เราก็ช็อคโกแลต หรือไม่ก็โกโก้ ตอนนี้ ชีวิตดีขึ้นเยอะ ไม่ปวดท้องกระเพาะอีกแล้ว ถ้าเพื่อนๆ ยังเป็นโรคกระเพาะอยู่ ให้ลองสังเกตตัวเองแล้วลองปรับพฤติกรรมดู อะไรที่เป็นจุดเสี่ยงก็ให้ลดและสุดท้ายก็เลิกไปซะ..แล้วเพื่อนๆ จะได้สุขภาพที่ดีกลับมาแทน