ภาพปกจาก LoggaWiggler / pixabayมะเขือเทศ จากไม้ประดับสู่อาหารทรงคุณค่า และ โรคติดต่อภาพจาก kei-ker / pixabayแรกเริ่มคนรู้จักมะเขือเทศในฐานะ ไม้ล้มลุก สูงประมาณ 1-2 เมตร เป็นพืชสวยงาม ใช้เป็นไม้ประดับในสวน หลายสิบปีต่อมาจึงมีคนลองกินเจ้าลูกแดง ๆ ที่สวยงาม ได้ลิ้มรสชาติอมเปรี้ยวอมหวานของมัน มะเขือเทศจึงผันตัวจากไม้ประดับในสวน กลายเป็นพืชสวนครัว ที่ทรงคุณค่าทางอาหาร มีสารไลโคปีน (Lycopene) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระมากกว่าเบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) 2 เท่า และ มากกว่าวิตามินอี ถึง 10 เท่าภาพจาก Couleur / pixabayเชื่อกันว่ามะเขือเทศมีผลช่วยด้านความงาม บำรุงผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณเต่งตึงมีน้ำมีนวล ช่วยฟอกเลือดขับสารพิษในร่างกาย ช่วยการทำงานของลำไส้ เป็นยาระบายอ่อน ๆ ป้องกันโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมากในผู้ชาย ช่วยทำให้หลอดเลือดแข็งแรง ลดความดันโลหิต ช่วยการย่อยอาหารพวกไขมัน ช่วยรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน หรือโรคลักปิดลักเปิด ช่วยให้เกิดภาวะเลือดกำเดาไหลลดลงภาพจาก Engin_Akyurt / pixabayปัจจุบันมะเขือเทศกำลังเป็นที่กล่าวถึงในชื่อโรคติดเชื้อชนิดหนึ่ง ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดใดเลย กับเจ้าผลเล็ก ๆ สีแดง เพียงแต่ผื่นซึ่งขึ้นในคนที่เป็นโรคนี้ ดันเป็นตุ่มน้ำสีแดงคล้ายเจ้ามะเขือเทศ เชื้อต้นเหตุเป็นไวรัสชนิดคอกซากี (Coxsackie A 16) แบบเดียวกับที่ก่อโรค มือเท้าปาก แพร่กระจายโดยการสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนสิ่งคัดหลั่งหรืออุจจาระจากตัวผู้ป่วย แล้วนำเข้าปาก อาการเริ่มแรกจะคล้ายไข้หวัด มีไข้ ไอ เจ็บคอ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตัว ต่อมาจึงมีผื่นมะเขือเทศขึ้นตามตัว ทำให้รู้สึกเจ็บปวด เด็กเล็กจะติดเชื้อนี้ได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่ เนื่องมาจากการหยิบจับนู่นนี่ แล้วเอามือเข้าปากนั่นเอง การตรวจทำได้โดยชุดตรวจคัดกรอง PCR แบบของโรคมือเท้าปาก ซึ่งมีในโรงพยาบาลทั่วไป การรักษาทำโดยการประคับประครอง ให้ยาตามอาการ โดยอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นเองภายใน 7-10 วันภาพจาก Victoria_Borodinova / pixabayไม้ประดับที่กลายมาเป็นพืชทานได้ที่มีคุณค่าทางอาหาร เป็นส่วนประกอบในอาหารแสนอร่อยหลายชนิด คือ มะเขือเทศ (tomato) ชื่อนี้ถูกนำมาใช้เป็นชื่อโรคไข้มะเขือเทศ (tomato flu) ด้วยลักษณะคล้ายบางประการ มิได้เป็นสาเหตุของโรคหรือมีความเกี่ยวข้องใดกันเลยห้องส่องร้านดังมาแรง รวมของกินอร่อยต้องโดน บอกสูตรเมนูลับที่ไม่ลับอีกต่อไป