การวิ่ง ถือเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่ทำได้ง่าย ๆ และ เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยจ ะเลือกวิ่งในหมู่บ้าน วิ่งบนลู่ วิ่งในสวนสาธารณะ ก็ได้ขอแค่รองเท้าดี ๆ สักคู่ ซึ่งการวิ่งนี้จะส่งผลต่อร่างกาย และ หัวใจ กล้ามเนื้อส่วนล่าง ทั้งยังช่วยลดความเครียด และ ลดระดับคอเลสเตอรอลได้อีกด้วยภาพจาก https://unsplash.com/photos/2-_WkjmC8x4 วันนี้ผมได้รวบรวมเทคนิคดี ๆ เพื่อใช้ในการวิ่งให้มีประสิทธิภาพอย่างสูงสุด จะมีเทคนิคอะไรบ้างนั้น เชิญอ่านได้เลยครับ 1. ต้องลงเท้าให้ถูกต้อง เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ การลงเท้าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เราจะต้องลงเท้าให้ถูกวิธี การวิ่งที่ถูกต้องนั้นควรให้ส้นเท้าสัมผัสพื้นก่อน หรือ ลงน้ำหนักที่ส้นเท้า จากนั้นจึงตามด้วยฝ่าเท้าที่ตามพื้นลงมาพร้อมด้วยปลายเท้าพร้อม ๆ กัน กับจังหวะที่ส้นเท้าเปิดขึ้น เข่างอเล็กน้อยเพื่อป้องกันการบาดเจ็บหัวเข่า เพราะว่าการลงน้ำหนักที่ปลายเท้าจะทำให้เกิดแรงกระชากที่น่อง แล้วเข่าจะงอมากขึ้นขณะวิ่งซึ่งทำให้เกิดการเจ็บปวดได้ 2. ท่าทางในการวิ่ง ควรวิ่งให้หลังตรง ศีรษะตรง มองไปข้างหน้า พยายามให้ส่วนต่าง ๆ ตั้งแต่ไหล่ลงมาถึงสะโพกตรงเป็นเส้นตรง และ ผ่อนคลายให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่ต้องโน้มตัวเอนไปด้านหน้า หรือ โน้มตัวไปด้านหลัง แต่วิ่งตัวตรง ให้เคลื่นที่ไปข้างหน้าเท่านั้นเองครับผมภาพจาก https://unsplash.com/photos/uq2E2V4LhCY 3. การแกว่งแขน ถือเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้การวิ่งดีขึ้นได้ ควรแกว่งแขนเป็นจังหวะ เพื่อช่วยในการทรงตัวขณะวิ่ง กำมือหลวม ๆ ไม่ต้องกำแน่น นิ้วหัวแม่มือวางไว้บนนิ้วชี้ สบาย ๆ ผ่อนคลายข้อมือเล็กน้อย พยายามไม่ใช้แรงจากหัวไหล่เหวี่ยง แต่ใช้การเหวี่ยงธรรมชาติ ซึ่งช่วยให้การวิ่งของเราดีขึ้น พยายามรักษาความสัมพันธ์ระหว่างแขวนที่เหวี่ยงไปมากับขาที่ก้าวไปข้างหน้าให้สัมพันธ์กันให้ดี เพื่อให้การวิ่งเป็นจังหวะ และ เป็นธรรมชาติ 4. การหายใจ ควรควบคุมการหายใจด้วยตัวเอง การหายใจนี้ต้องฝึกไปเรื่อย ๆ เมื่อเราวิ่งไปเรื่อย ๆ แล้วจะเริ่มคุ้นชินกับความเร็ว และ เวลา ในการวิ่งของเรา จากนั้นก็ให้ปรับแก้การหายใจของเราโดยจะหายใจทางปาก หรือ ทางจมูกก็ขึ้นอยู่กับความสะดวกของเรา และเหนื่อยหอบของเรา นั่นเอง โดยการสูดหายใจให้สูดหายใจเข้าไปลึก ๆ ลงไปถึงท้องให้ท้องป่อง แล้วพอจะหายใจออกก็ให้หน้าท้องยุบนั่นเองภาพจาก https://unsplash.com/photos/Io2Zgb3_kdk 5. ความเร็วในการวิ่ง ควรวิ่งให้รู้สึกเหนื่อย แต่ไม่ต้องสบายจนเกินไป ขอแค่เราพูดจบประโยคได้พอดี ถ้าพูดไม่จบแสดงว่าเราวิ่งเร็วไป ถ้าพูดจบได้แบบสบาย ๆ แสดงว่าเราวิ่งช้าไป แบบนี้ถึงจะเป็นการวิ่งที่ดีต่อสุขภาพ หัวใจ และ ร่างกายมากที่สุด หรือบางคนเป็นมือใหม่อาจจะเริ่มต้นวิ่งแล้วก็สลับกับการเดินไปด้วยก็ได้ซึ่งทำให้ร่างกายพัฒนาเร็วขึ้นนั้นเองภาพจาก https://unsplash.com/photos/XCkRGOX2VgM 6. การวิ่งทุกครั้งจำเป็นอย่างมากที่จะต้องมีการอบอุ่นร่างกาย โดยทำการยืดเหยียดกล้ามเนื้อให้รู้สึกตึง เพื่อให้เส้นเลือดสูบฉืดเลือดเข้าไปเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนนั้นได้อย่างเต็มที่ การ warm up และ Cool Down ต้องเกิดขึ้นก่อน และ หลังออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยต้องยืดเหยียดให้ใช้โดนกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย ทำทั้งหมดประมาณ 5-10 นาทีจากนั้นจึงเริ่มจะวิ่ง หรือ หยุดวิ่งได้ ที่สำคัญคือ การที่เราวิ่ง ๆ ไปอยู่อย่างปกติ แล้วจู่ ๆ หยุดอย่างกระทันหัน จะทำให้หัวใจที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ ส่งผลให้บางคนหัวใจล้มเหลวจนเสียชีวิตนั่นเองครับ ฉะนั้นการที่อยู่ดี ๆ เราเหนื่อยมาก แล้วจู่ ๆ ก็หยุดวิ่งไปเลย การทำแบบนี้อันตรายมากนะครับ อาจถึงตายได้เลย ขอให้ทุกคนมีความสุขกับการวิ่ง^^