มาถึงวันนี้ ถึงแม้ว่าความน่ากลัวของเชื้อโควิดจะลดลงมาก ๆ จากเมื่อ 2 - 3 ปีที่ผ่านมา แต่ข่าวการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ย่อยใหม่ ๆ ของเชื้อนี้ ก็ยังมีมาให้เราได้ยินได้ฟังกันอยู่ไม่ขาดนะคะ...ระดับความรุนแรงของโรค ที่ไม่ได้มีเฉพาะป่วยเล็กน้อย แต่มีทั้งป่วยรุนแรงจนกระทั่งถึงเสียชีวิตด้วยนี่แหละนะคะ ที่ทำให้เราต้องกังวลใจกันทุกครั้งที่ได้ยินข่าว...ผู้เขียนก็ยังเห็นว่า สิ่งที่ช่วยเราให้อยู่ได้อย่างปลอดภัยในสถานการณ์เช่นนี้ คงไม่พ้น (1) วัคซีน ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันเชื้อโรค (2) สุขอนามัยและอุปกรณ์พวกหน้ากาก - เจล/สเปรย์แอลกอฮอล์ ที่ช่วยป้องกันเชื้อ และ (3) อาหารการกิน ที่ช่วยเสริมภูมิค่ะ...ครั้งนี้ผู้เขียนจึงขอนำรายการอาหารธรรมดา ๆ หาได้ทั่วไป ที่ผู้เขียนและครอบครัวมีคู่ครัวคู่บ้าน ทานทุกวัน เพื่อให้ช่วยต้านโควิด ทำให้บ้านเราผ่านสถานการณ์การแพร่ระบาดอย่างหนักมาได้อย่างปลอดภัยค่ะ1. น้ำเปล่าสรรพคุณ: น้ำเปล่า หรือ น้ำสะอาด ถือเป็นยาที่ดีที่สุด ช่วยบรรเทาได้หลายโรค ทั้งไข้หวัด ตัวร้อน ติดเชื้อ - อักเสบ ท้องเสีย ท้องผูก เป็นต้น...ข้อมูลทางวิชาการบอกให้ทราบว่า ที่เป็นเช่นนั้นเพราะ น้ำช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ช่วยระบายเชื้อโรคและความร้อนออกจากร่างกาย และช่วยในระบบย่อยและขับถ่ายค่ะคำแนะนำเพิ่มเติมจากประสบการณ์:ดื่มน้ำอุณหภูมิห้อง ดีต่อสุขภาพที่สุดผู้เขียนเคยเป็นคนที่ดื่มน้ำเปล่าน้อยมาก แต่ก่อนมีโรคเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็รุมเร้าน่ารำคาญ ทั้งปวดศีรษะเวลาอากาศร้อน ตัวร้อน ท้องอืด ท้องผูก อ่อนเพลีย เป็นหวัดบ่อย ฯลฯ...แต่พอจวนตัว คือ อาการต่าง ๆ รุนแรงขึ้น ทำให้ออกจะสงสัยว่า ร่างกายเราผิดปกติอะไรหรือเปล่า และมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด เลยลองมาดื่มน้ำเปล่ามากขึ้น ก็ปรากฏว่า อาการเหล่านี้ดีขึ้นมาก ๆ กลายเป็นคนละคนจริง ๆ ค่ะ ผู้เขียนได้ลองเปรียบเทียบระหว่างผู้สูงวัยที่มีนิสัยการดื่มน้ำต่างกัน พบว่า ผู้สูงวัยที่ให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำเปล่า ดื่มน้ำมากและบ่อยกว่า ก็จะไกลโรค - ห่างหมอมากกว่า แบบนี้จริง ๆ ค่ะ2. ข้าวกล้อง - ข้าวฮาง - ข้าวงอกสรรพคุณ: ข้าวกล้อง - ข้าวฮาง - ข้าวงอก มีคุณค่าทางอาหารสูง ป้องกันโรคเหน็บชา เสริมภูมิคุ้มกันโรค และมีส่วนช่วยในการขับถ่าย...ดังข้อมูลทางวิชาการที่ว่า ข้าวเหล่านี้ มีวิตามิน บี1 บี2 กาบา และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกายสูง เพราะไม่ถูกขัดสีออกไป (จากกรรมวิธีการผลิตข้าวกล้อง) และซึมเข้ามาในเมล็ดข้าว (จากกรรมวิธีการผลิตข้าวฮาง) และมารวมอยู่ในส่วนที่งอกจากเมล็ดข้าว (จากกรรมวิธีการผลิตข้าวงอก) แถมยังมีเส้นใยสูงกว่าข้าวขาวที่ผ่านการขัดสีถึง 3 - 7 เท่าค่ะคำแนะนำเพิ่มเติมจากประสบการณ์:ผู้เขียนได้ยินสรรพคุณของข้าวฮางมานาน จากคนเฒ่าคนแก่ในท้องถิ่น ในการสนทนาทั่วไปที่ไม่ใช่การโฆษณาหรือหวังผลทางการค้า...ทำให้เชื่อว่าของเค้าดีจริง เมื่อได้ทานติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็เห็นผลโดยไม่ต้องเชื่อค่ะที่บ้านใช้วิธีผสมข้าวกล้อง - ข้าวฮาง - ข้าวงอก เพื่อรวมประโยชน์และลดปัญหาเรื่องข้าวบางประเภท เละ แข็ง สีเข้ม จนเกินไป เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อความเจริญอาหารค่ะ3. น้ำผึ้งผสมมะนาวสรรพคุณ: น้ำผึ้งผสมมะนาว ไม่เพียงช่วยบรรเทาอาการไอ/เจ็บคอเท่านั้นนะคะ...น้ำผึ้งช่วยลดการติดเชื้อต่าง ๆ (ไวรัส แบคทีเรีย และรา) รักษาอาการอักเสบ บำรุงและฟื้นฟูองค์ประกอบต่าง ๆ ภายในร่างกาย รวมทั้งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคด้วย...จากข้อมูลทางวิชาการ เราจะเห็นว่ามีวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหาร ที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกาย เป็นรายการยาวเหยียดอยู่ในน้ำผึ้ง...ส่วนมะนาวก็เป็นที่ทราบกันดีว่ามีวิตามินซีสูง...รสเปรี้ยวของมะนาวช่วยบรรเทาอาการไอ ละลายเสมหะ ทำให้ชุ่มคอ...เมื่อสิ่งมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติทั้งสองขนานนี้มาผสมผสานกัน ก็กลายเป็นเหมือนยาอร่อย ๆ ที่เพิ่มความสดชื่น ช่วยให้ระบบทางเดินหายใจ ย่อย และขับถ่าย ทำงานได้ดี และเสริมภูมิต้านทานให้แก่ร่างกายค่ะคำแนะนำเพิ่มเติมจากประสบการณ์:สูตรของที่บ้านคือ ละลายน้ำผึ้ง 3 ช้อนชา ในน้ำอุ่น 1/2 แก้ว ผสมกับน้ำมะนาว 3 ช้อนชา เพิ่มหรือลดได้ตามความชอบใจค่ะควรเลือกซื้อน้ำผึ้งจากแหล่งผลิต/จำหน่ายที่เชื่อถือได้ เพื่อจะไม่กลายเป็นการชงน้ำตาลผสมน้ำมะนาวค่ะแก้วแรกที่ทาน รับรู้ผลดีได้จากอาการโล่งคอ ลดอาการไอ/เจ็บคอ...ทานประจำ รับรู้ผลดีจาก ระบบย่อยและขับถ่ายที่ค่อย ๆ เป็นปกติขึ้นค่ะถึงน้ำผึ้งจะชื่อว่า ยาอายุวัฒนะ อย่างหนึ่ง เราก็ไม่ควรทานเกิน 6 ช้อนชา นะคะ4. โยเกิร์ตรสธรรมชาติสรรพคุณ: จุลินทรีย์ดีที่มีอยู่ในโยเกิร์ต ที่เรียกว่า โพรไบโอติก นั้น นอกจากจะดีต่อระบบย่อยอาหารแล้ว ก็ยังดีต่อระบบสร้างภูมิคุ้มกันโรคด้วยนะคะ...ดังข้อมูลทางวิชาการที่บอกว่า การรับอาหารที่มีจุลินทรีย์ดีเข้าสู่ร่างกาย มีโยเกิร์ตเป็นต้น เป็นประจำทุกวัน เป็นการช่วยปรับสมดุลของจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ซึ่งส่งผลต่อการเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคค่ะ...นอกจากนี้ โยเกิร์ตก็ยังถือว่าเป็นอาหารเสริมแคลเซียมที่ดีต่อกระดูก และช่วยลดคลอเรสเตอรอลด้วยค่ะคำแนะนำเพิ่มเติมจากประสบการณ์:ทานทุกวันตอนเช้า ก่อนอาหารเช้า จะให้ผลดีมากค่ะโยเกิร์ตรสธรรมชาติจะทำให้เรามั่นใจว่า เราจะไม่ทานเพิ่มน้ำตาลและไขมันเพิ่มเข้าไปด้วยโดยไม่จำเป็น...แต่ถ้าใครรู้สึกไม่ค่อยเอนจอยกับรสธรรมชาติ ก็อาจเติมน้ำผึ้งสักช้อนชา หรือเพิ่มเมล็ดถั่วแห้งแบบผสม (Mixed Nuts) หรือผลไม้สักเล็กน้อย ทั้งเพิ่มรสชาติและคุณประโยชน์ ก็เป็นไอเดียที่ดีเลยนะคะ5. อินทผลัมสรรพคุณ: ดังที่ได้รับฉายาว่า ผลไม้จากพระเจ้า ที่ชาวมุสลิมทานแทนน้ำในช่วงถือศีลอด อินทผลัมทั้งสดและแห้ง ช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดอาการวิงเวียน ลดปวดลดไข้ ลดการอักเสบที่ทำให้เจ็บป่วยต่าง ๆ ได้มากมาย เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโรค และยังบำรุงให้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทำงานได้ดีด้วย...ทั้งนี้ เพราะอินทผลัม มีรสหวาน ให้พลังงาน ทั้งยังมีวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารมากมาย ที่จำเป็นและมีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย รวมทั้งมีเส้นใยอาหารสูงด้วยค่ะคำแนะนำเพิ่มเติมจากประสบการณ์:ตามสูตรคือ มีคำแนะนำว่าไม่ควรทานเกินวันละ 7 - 10 เม็ด ป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูงจนเกินไป...ส่วนที่บ้าน ทาน 3 - 4 เม็ด ก็เต็มที่แล้วค่ะที่บ้านมักทานเหมือนขนมหรือผลไม้หลังมื้ออาหารเช้า ซึ่งเป็นมื้อที่ต้องการพลังงานสูงสุด และให้มีเส้นใยและสารอาหารกระตุ้นการทำงานของระบบการย่อยและขับถ่ายในวันนั้นด้วยค่ะ...ให้ความรู้สึกเหมือนทานยาอร่อย ๆ จากธรรมชาติ (อีกแล้ว) ค่ะ 6. ส้มเขียวหวาน/ส้มโอ/สับปะรด/ฝรั่ง/แก้วมังกรสรรพคุณ: ผลไม้สดเหล่านี้อยู่ในกลุ่มที่มีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้เป็นอย่างดี...อีกข้อที่สำคัญคือ ผลไม้ มีเส้นใยอาหารมาก ช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี ดีมาก ๆ สำหรับผู้สูงอายุ ที่ระบบการย่อยอาหารและการขับถ่ายต้องการการกระตุ้นให้ทำงาน...และการขับถ่ายที่ดี ก็มีส่วนสัมพันธ์กับความสมดุลของธาตุทั้งสี่ในร่างกาย รวมทั้งระบบภูมิคุ้มกันโรคค่ะคำแนะนำเพิ่มเติมจากประสบการณ์:จริง ๆ แล้วก็มีผลไม้อื่น ๆ อีกมากมายที่มีวิตามินซีสูง แต่ส้มเขียวหวาน ส้มโอ สับปะรด ฝรั่ง และแก้วมังกร เป็นผลไม้ที่หาง่าย ราคาถูกจนถึงไม่แพงมาก...บ้านเราจึงเลือกทานผลไม้ทั้ง 5 ชนิดนี้เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ทานผลไม้ชนิดอื่น ๆ ด้วยตามโอกาสค่ะที่บ้านทานผลไม้สดทุกวัน ทานสลับกันตามที่ต้องการและตามที่หาได้จากตลาด อย่างน้อยวันละ 1 - 3 ชนิดค่ะถึงผลไม้บางชนิดมีรสเปรี้ยวสักหน่อย เราก็ไม่จิ้มพริกกับเกลือ (และน้ำตาล) เพื่อไม่เป็นการเติมแคลอรีและโซเดียมเข้าในร่างกายโดยไม่จำเป็นค่ะ7. ผักกาดหอม/ผักชี/แตงกวา/มะเขือเทศสรรพคุณ: ผักกาดหอม (หรือที่เรียกกันว่า ผักสลัด) ผักชี แตงกวา และมะเขือเทศ ขึ้นชื่อว่ามีวิตามินซีสูง ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันโรค...ที่สำคัญคือ ผัก - ผลไม้ทั้ง 4 ชนิดนี้ ทานสดง่าย อร่อย เข้ากับเมนูอาหารได้หลากหลาย ทั้งอาหารไทย/เทศ ทั้งข้าว/ขนมปัง/เส้น ทั้งของหนักและของว่างค่ะคำแนะนำเพิ่มเติมจากประสบการณ์:ที่บ้านมีผัก - ผลไม้ ทั้ง 4 ชนิดนี้ติดตู้เย็นไว้เสมอ เพราะเราทานผักทุกวันทั้งสดและปรุงสุกค่ะสิ่งน่ากังวลเกี่ยวกับผักก็คือ สารเคมีและสิ่งปนเปื้อนจากดินและปุ๋ย...ยิ่งถ้าทานสดด้วยแล้ว อีกเรื่องที่ต้องระวังคือเชื้อโรคและไข่พยาธิ...แต่ถ้าเราใส่ใจในการเลือกซื้อและการล้างทำความสะอาด ปัญหาข้อกังวลใจนี้ก็จะหมดไปค่ะผักออร์แกนิคและผักปลอดสารเคมี ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนรักผักนะคะด่างทับทิม เกลือ น้ำมะนาวคั้นสด และน้ำส้มสายชู ก็เป็นตัวช่วยที่ดีในการล้างสิ่งปนเปื้อนออกจากผักทั้งนั้นนะคะ...แต่ที่บ้านเลือกตัวช่วยที่ไม่ทำให้ผักช้ำมากค่ะ อันดับหนึ่งคือ น้ำมะนาวคั้นสด อันดับสองคือ น้ำส้มสายชู และอันดับสามคือ เกลือ ค่ะ8. ผักคะน้า/ดอกกะหล่ำ/บรอกโคลี/ผักกาดขาว/เห็ดสรรพคุณ: ผักกลุ่มนี้ได้รับการกล่าวขวัญถึงเสมอ ๆ โดยนักโภชนาการว่า เป็นจำนวนหนึ่งในผัก 10 กว่าชนิด ที่มีวิตามินซีสูงและช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายค่ะ...อย่างไรก็ตาม ผักทั้ง 5 ชนิดนี้ มีติดบ้านผู้เขียนเสมอ ด้วยเหตุว่า เขาอร่อย ไม่ต้องจำกัดปริมาณการทาน (ด้วยเหตุผลที่ว่า ระวังร่างกายได้รับสารอาหารบางอย่างมากเกินไป) ได้นาน หาง่าย และทำเป็นเมนูอาหารได้หลากหลายค่ะคำแนะนำเพิ่มเติมจากประสบการณ์:เมนูที่นำผักเหล่านี้มาปรุงได้ ก็มีทั้ง ทำผักนึ่ง - น้ำพริก ผัดผักรวมมิตร ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยวผัด ใส่แกงส้ม ต้มยำ แกงจืด หรือใส่ในเมนูบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นต้นผักเหล่านี้ ต้องปรุงด้วยความร้อนและระยะเวลาพอประมาณ เพื่อไม่ให้วิตามินถูกทำลาย อย่างไรก็ตามผักดิบหรือสุกไม่ดี ก็จะทำให้หลงเหลือสิ่งที่ยังเป็นพิษต่อร่างกายด้วย...เช่น คะน้า - ดอกกะหล่ำ - บรอกโคลี ดิบ ทำให้ลำไส้ทำงานผิดปกติ เห็ดดิบ เป็นพิษต่อร่างกาย ทำให้มีการสะสมในร่างกาย หรือทำให้คลื่นไส้ - อาเจียน - ท้องเสีย ค่ะในวันที่สิ่งแวดล้อมรอบตัวยังคงมีเชื้อโควิดหลงเหลืออยู่ สิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดคือ ทำร่างกายเราให้แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรค ให้ได้มากที่สุด...ข่าวดีคือ อาหารที่เรารับเข้าสู่ร่างกายนี่แหละ ช่วยได้...และข่าวดีกว่าก็คือ สิ่งเหล่านี้ หาง่าย ทานง่าย และทานได้ทุกวันค่ะ.มรรษยวรินทร์ภาพปก โดย Aleksandarlittlewolf จาก Freepik.comภาพประกอบที่ 1, 2, 3, 4, 5, 7, 8, 9 โดย มรรษยวรินทร์ภาพประกอบที่ 6 โดย Freepik จาก Freepik.comภาพประกอบที่ 10 โดย Freepik จาก Freepik.comเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !