6 วิธีการดูแลรักษาสุขภาพจิตด้วยตัวเอง ให้สุขภาพจิตดีตลอดเวลา มีความสุขมากขึ้นจิตใจเป็นสิ่งสำคัญต่อการดำเนินชีวิต หากเรามีสุขภาพจิตที่แย่ มุมมองหรือภาพในอนาคตมันก็แย่ไปด้วย แต่ถ้าเรามีสุขภาพจิตที่ดี สามารถบริหารจิตของเราได้ ความคิดความอ่านหรือมุมมองต่อโลกภายนอกก็จะดูสดใส มีมุมมองในภาพบวกมากขึ้น ทำให้โลกนี้น่าอยู่มากขึ้น บทความนี้ผมจะมาแชร์ วิธีการดูแลสุขภาพจิตของตนเองให้ดีตลอดเวลากันครับ6 วิธีการดูแลรักษาสุขภาพจิตด้วยตัวเอง ให้สุขภาพจิตดีตลอดเวลา มีความสุขมากขึ้น1. ดูแลร่างกายอย่างถูกต้อง1. ดูแลร่างกายอย่างถูกต้อง: คือการดูแลเอาใจใส่กับร่างกายของเราให้ดี เช่นการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ รับประทานอาหารที่เพื่อสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ ลดละเลิกสารเสพติดหรือพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะว่าร่างกายของเรานั้นเวลาเจ็บปวดก็จะส่งผลกระทบต่อจิตใจของเราด้วย อย่างเช่นผมค่อนข้างป่วยบ่อยมาก ล่าสุดก็โควิด ผ่าตัดไส้ติ่ง บอกเลยว่าสภาพจิตใจย่ำแย่มาก ถ้าหากเรากินอาหารที่มีประโยชน์ ก็จะเป็นไส้ติ่งได้ยาก หมั่นออกกำลังกาย ร่างกายก็จะแข็งแรง ทำให้หมดห่วงเรื่องร่างกายไปได้นานเลย สุขภาพจิตก็จะดีไปตลอด2. รักษาความสมดุลในชีวิต2. รักษาความสมดุลในชีวิต: แน่นอนว่าชีวิตของคนเราต้องการความหลากหลาย หากทำอะไรแค่ทางเดียวหรือแบบเดียว ชีวิตก็จะขาดส่วนที่จะมาเติมเต็ม เช่น ถ้าผมทำงานหนักตลอดเวลา ชีวิตก็จะขาดสมดุลในการออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ ผลกระทบก็จะทำให้ร่างกายของเราแย่ลง สุขภาพไม่ดี มีโรคภัยรุมเร้า ทำให้สุขภาพจิตแย่ลง ดังนั้นเราควรรักษาชีวิตให้มีความสมดุล ทำงานหนักได้ แต่ควรมีเวลาไปทำอย่างอื่นด้วย เพื่อให้สมองปลอดโปร่ง รับอากาศที่สดชื่น มีสุขภาพกายที่แข็งแรง3. สร้างความสัมพันธ์ที่ดี3. สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: ความสัมพันธ์ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้สุขภาพจิตเราดีและไม่ดีได้ ขึ้นกับว่าความสัมพันธ์นั้นจะทำร้ายหรือใจดีกับเราแบบไหน แต่เราจะไปห้ามปรามเขาไม่ให้มาสร้างความสัมพันธ์ที่เลวร้ายกับเราไม่ได้ ดังนั้นตัวเราเองสามารถจัดการตัวเองโดยสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่น ในขอบเขตที่เราพึงพอใจ ผมเคยสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับคนหลายคน จนความสัมพันธ์นั้นกลับมาทำร้ายผมในรูปแบบการขอยืมเงินแล้วไม่คืน แบบนี้สุขภาพจิตเราแย่แน่นอน ดังนั้นเราควรสร้างขอบเขตของความสัมพันธ์เราด้วยครับ อาจจะประกาศความชัดเจนว่าไม่ให้ใครยืมเงินหรือรูปแบบอื่น ๆ เพื่อความสัมพันธ์เหล่านั้นจะไม่มาทำร้ายตัวเราเองครับ4. ออกไปสัมผัสกับธรรมชาติ4. ออกไปสัมผัสกับธรรมชาติ: แน่นอนครับ ว่าการจดจ่ออยู่กับบางสิ่งบางอย่าง มันทำให้เรามีความชำนาญ เก่งในด้านนั้น ๆ แต่การที่เราจดจ่ออยู่กับมันมากเกินไป สมองจะเกิดความเครียดและล้าได้ ดั่งเหล็กที่ทำงานแบบผิดวิธีไปนาน ๆ จะเกิดความล้าขึ้นและทำให้เหล็กหักได้ ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน มันควรที่จะพาตัวเองออกไปเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ไปสัมผัสธรรมชาติ บรรยากาศน้ำตก ภูเขา นอนฟังเสียงน้ำตก สูดอากาศที่สดชื่น ให้ร่างกายได้ผ่อนคลาย สุขภาพจิตเราก็จะได้ดีขึ้น มีพลังงานมากขึ้นพร้อมที่จะก้าวสู่การทำงานต่อไปได้ด้วยการมีสุขภาพจิตที่ดี5. รับรู้และจัดการกับความรู้สึก5. รับรู้และจัดการกับความรู้สึก: การมีสติจะระงับความเจ็บปวดทุกอย่าง ถ้าหากเราขาดสติชีวิตเราอาจจะพังได้ในพริบตา ดังนั้นเราควรจัดการกับอารมณ์และความรู้สึกของเราให้ได้ ถึงแม้มันจะควบคุมได้ยาก แต่ถ้าเราฝึกฝน หมั่นทำสมาธิ เจริญสติอยู่ตลอด เราก็จะมีจิตที่แข็งแกร่ง ยกตัวอย่างเวลาที่ผมเดินไปเตะขอบโต๊ะ เมื่อก่อนผมจะทั้งตะโกนด่า โวยวาย ถีบโต๊ะจนข้าวของพังหมด แต่เดี๋ยวนี้ผมมีสติ ควบคุมอารมณ์ได้ ก็แค่เราเดินไม่ระวังเอง จะไปโทษคนอื่นทำไม ถีบโต๊ะก็เจ็บเปล่า ๆ เคราวหน้าก็เดินให้ระวังมากขึ้น ทุกอย่างจะเป็นบทเรียนสอนใจและชีวิตจะเดินไปอย่างมีสติและความเป็นปกติสุขมากขึ้น6. ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ6. ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ: หากเรามีสุขภาพจิตที่ย่ำแย่เกินเยียวยา หนทางสุดท้ายคือการพึ่งพาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะบางทีเราอาจต้องการระบายหรือหาคนที่จะรับฟังเราได้ เพราะไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะรับฟังเราโดยไม่ตัดสินได้ ผมเคยเจอนะครับ เวลาเรามีปัญหาทุกใจ หลายคนก็จะบอกสู้ ๆ แล้วจากไป หรือบางคนก็บอกทำนั่นสิ ทำนี่สิ อย่าคิดมาก บางครั้งก็สอนเราจนจิตใจเราย่ำแย่ไปกว่าเดิม ดังนั้นเราควรเข้าหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะเขามีวิธีการรับมือและหาทางออกให้กับเราได้แน่นอนเป็นอย่างไรบ้างครับ สำหรับบทความ 6 วิธีการดูแลรักษาสุขภาพจิตด้วยตัวเอง ให้สุขภาพจิตดีตลอดเวลา มีความสุขมากขึ้น หวังว่าบทความความนี้จะสามารถหยิบยกเอาวิธีการที่เป็นประโยชน์มาใช้กับชีวิตได้นะครับ ขอบคุณที่ติดตามรับชมบทความครับเครดิตภาพภาพปก : ภาพโดย Foundry Co จาก Pixabayภาพที่ 1: ภาพโดย StockSnap จาก Pixabayภาพที่ 2: ภาพโดย Gidon Pico จาก Pixabayภาพที่ 3: ภาพโดย 5688709 จาก Pixabayภาพที่ 4: ภาพโดย Hermann Traub จาก Pixabayภาพที่ 5: ภาพโดย Anemone123 จาก Pixabayภาพที่ 6: ภาพโดย Max จาก Pixabay บทความที่แนะนำสัญญาณเตือนไส้ติ่งอักเสบ! รู้ทัน รับมือไว ปลอดภัยจากไส้ติ่งแตก [จากประสบการณ์จริง]อาการเสียงดังในหู เหมือนเสียงจิ้งหรีด หูอื้อ เกิดจากอะไร? รักษาได้ไหม? ป้องกันอย่างไร?แชร์ประสบการณ์ติดเชื้อโควิด เดือนกันยายน 2565 อาการข้างเคียงและวิธีการรักษาตัว"โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่" หายได้ รู้เท่าทัน ป้องกันได้ไว15 ผักผลไม้ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี10 อาหารใกล้ตัวกรดยูริกสูง ทานมากเสี่ยงเป็นโรคเกาต์ ปวดข้ออักเสบบวมแดง #คลายเครียด#ความเครียด#วิธีดูแลสุขภาพจิต#สุขภาพ#สุขภาพจิต#เทรนด์สุขภาพ #สุขภาพ#เทรนด์สุขภาพ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !