โลกส่งวิกฤตไวรัสโควิด-19 มาเล่นงานเราถึง 3 ปีเต็ม ใครจะไปเชื่อครับคุณผู้อ่านว่าเพียงปีถัดมา หลังทุกอย่างมีทีท่าว่าจะคลี่คลายแล้ว ธรรมชาติก็ได้ส่งไวรัสตัวใหม่อย่าง Monkeypox หรือ "ฝีดาษลิง" มาจู่โจมมวลมนุษย์ชาติต่อทันที แอฟริกาคือที่หมายแรกก่อนจะเริ่มลุกลามไปทั่วยุโรป จนกระทั่งเข้ามาถึงเอเชียและกลายเป็นประเทศไทยของเราในที่สุด ตามหน้าข่าวเล่าถึงชายชาวไนจีเรียที่ใช้ชีวิตเสี่ยงแบบสุดขั้ว ชายคนนี้แพร่เชื้อไปทั่วและลงเอยด้วยการว่ายน้ำหนีจากชายแดนไทยไปถึงกัมพูชา โชคดีว่าหลังการตรวจสอบผู้ใกล้ชิดและผู้มีประวัติสัมผัสกับหมอนี่ ยังไม่มีคนไทยสักคนที่ได้รับเชื้อ แม้จะมีผู้หญิงบางคนที่ให้การยอมรับว่าได้หลับนอนกับชายคนนี้โดยไม่มีการป้องกันใดๆ น่ากลัวเหลือเกินครับคุณผู้อ่าน เพราะเท่าที่ผมรู้มาเจ้าโรคฝีดาษลิงนี่ช่างสยดสยองผิดกับโควิดลิบลับ เพราะร่างกายของคุณจะเต็มไปด้วยตุ่มหนอง เดินไปไหนผู้คนก็รังเกียจ มันแลดูเหมือนคนเป็น HIV ที่ไม่รู้ว่าจะแพร่เชื้อมาสู่เราเมื่อไหร่ และด้วยความรู้น้อยนี่เอง ผมถึงได้มีโอกาสไปสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมมาจากนิตยสาร NEJM ที่ได้รวบรวมข้อมูลของคนเป็นฝีดาษลิง 500 คนจาก 16 ประเทศทั่วโลกเอาไว้ อาการของมันเป็นยังไง? , ใครเป็นกลุ่มเสี่ยง? , ตุ่มหนองระยะไหนที่เราจะติด? รวมไปถึงวิธีการป้องกันตัวเอง ลำพังใช้แค่หน้ากากอนามัยแบบโควิดจะกันได้หรือไม่? ตามมาอ่านกันได้เลยครับ 1. เพศชายคือกลุ่มเสี่ยงจากกลุ่มตัวอย่างที่สำรวจมา พบว่าผู้ป่วยฝีดาษลิงเป็นเพศชายถึง 98% และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ , รักร่วมเพศ , เกย์ , และ Bisexual2. การติดเชื้อมาจากการทำกิจกรรมทางเพศพบว่าในจำนวน 500 คนของผู้ตอบแบบสอบถาม มีถึง 95% ที่รับว่าร่วมรักกับคู่นอนผ่านทางทวารหนัก โดยไม่มีการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันใดๆ สายสบู่ตกเสียบสดควรระวัง! อย่างน้อยการใส่ถุงยางอนามัยก็ใช้ป้องกันได้มากกว่า HIV แล้วในกรณีนี้ 3. ส่วนใหญ่กว่าจะมาพบแพทย์ ก็พบตุ่มน้ำตุ่มหนองขึ้นเต็มตัวแล้วสิ่งที่น่าตกใจคือในบรรดาผู้ให้ข้อมูลพบว่าทุกคนมีตุ่มขึ้นหมด! แต่ตำแหน่งที่ตุ่มหนองขึ้นมากสุด กลับไม่ใช่บริเวณมือหรือเท้าที่สังเกตเห็นได้ง่าย แต่เป็นที่ "อวัยวะเพศ" ถึง 73% แค่คิดก็เสียวแล้ว! มันคงจะเป็นอะไรที่เจ็บปวดทรมานมาก เนื่องจากเนื้อหนังบริเวณนั้นถือเป็นส่วนที่บอบบางและมีเส้นประสาทอยู่มากที่สุด4. ลักษณะของตุ่มมีทุกรูปแบบมีทั้งเป็นตุ่มน้ำ , ตุ่มนูนแดง , ตุ่มหนอง , หรือเม็ดสะเก็ด โดยมีการแบ่งออกได้เป็น 4 ระยะ ระยะแรกหลังรับเชื้อมาได้ 3 - 20 วัน ผู้ป่วยจะเริ่มเกิดตุ่มนูนแดงขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นตุ่มจะเริ่มนูนบวมขึ้น เข้าสู่ระยะที่สามก็จะกลายเป็นหนองแล้วก็แตกโผล๊ะ! ออกเป็นน้ำหนองไหลเยิ้มในระยะสุดท้าย โดยการแพร่เชื้อใส่ผู้อื่นจะเกิดขึ้นเมื่อถึงระยะที่ 3 และ 4โชคดีอย่างเดียวของโรคนี้ก็คือ มันสามารถหายเองได้ครับคุณผู้อ่าน ปัจจุบันไม่มียารักษาโรคฝีดาษลิงด้วยซ้ำได้แต่รักษาไปตามอาการเมื่อแผลตกสะเก็ด แล้วก็คอยเฝ้าระวังไม่ให้ไปติดคนอื่น การติดต่อของเชื้อชนิดนี้จะมาจากการรับเอาฝอยละอองของสารคัดหลั่ง พวกน้ำมูก , น้ำลาย , น้ำอสุจิ ฯลฯ เข้าสู่ร่างกาย เพราะฉะนั้นลำพังการใส่หน้ากากอนามัยแบบที่เราใช้ป้องกันเชื้อโควิด กับการใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ ล้างมือบ่อยๆ ไม่เข้าไปอยู่ในกลุ่มเสี่ยงหรือมีพฤติกรรมสำส่อนทางเพศ เพียงเท่านี้ก็ป้องกันการติดเชื้อฝีดาษลิงได้แล้ว สรุปแล้วมันไม่ใช่เชื้อที่น่ากลัวอะไร ศักดิ์และศรีของมันตามข้อมูลเล่าว่าเทียบเท่ากับโรคอีสุกอีใสเท่านั้น แต่แค่ตุ่มหนองมันอาจจะดูน่าแหวะไปหน่อย แล้วภาพจากการเป็น HIV และการเป็นไข้ทรพิษก็หลอกหลอนเรามากเกินไปก็เท่านั้นเอง เครดิตรูปภาพเครดิตภาพหน้าปก : pen_ash / Pixabay ภาพที่ 1 , 2 , 3 , 4 : ผู้เขียนวาดเอง เครดิตข้อมูลจากนิตยสาร NEJM*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"* ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565