โรคไข้เลือดออก สาเหตุเกิดจากอะไรโรคไข้เลือดออก คือ โรคติดเชื้อซึ่งสาเหตุเกิดมาจากไวรัสที่มีชื่อว่า ไวรัสเดงกี(Dengue virus) โรคไข้เลือดออกจะมีอาการคล้ายกับโรคหวัดในช่วงแรก ทำให้ผู้ป่วยอาจจะนึกว่าตนเป็นไข้หวัดธรรมดา และไม่ได้มีการรักษาในทันที โรคไข้เลือกออกมีอาการและความรุนแรงหลายระดับ ตั้งแต่ไม่แสดงอาการหรือมีอาการเล็กน้อยไปจนถึงขั้นภาวะช็อกซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตได้รูปจาก https://www.canva.com/อาการโรคไข้เลือกออกเป็นอย่างไรอาการโรคไข้เลือดออกจะคล้ายกับโรคไข้หวัด ซึ่งจะมีอาการดังนี้ 1.มีอาการไข้สูง 2-7 วัน อ่อนเพลียและปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แค่จะมีไข้สูงกว่าไข้หวัดมาก โดยมีไข้สูงถึง 40 องศาเซลเซียสแต่ไม่มีอาการไอหรือเจ็บคอ2.ผู้ป่วยมีอาการหน้าแดด และมีเลือกออกผิดปกติ เช่นเลือดกำดาวไหล เลือดออกตามไรฟัน หรือเลือดออกตามผิวหนัง3.บางรายอาการรุนแรง อาจเกิดอาการซึม เหงื่ออก มือเท้าเย็นและมีสีเขียวบริเวณนิ้ว หัวใจเต้นเบาแต่เร็ว4.อ่อนเพลีย กินอาหารไม่ได้ หายใจหอบเหนื่อย5. มีอาการอาเจียนเป็นเลือด ปัสสาวะลดลงหรือถ่ายอุจระเป็นเลือด อาจถึงขั้นช็อกจนถึงขั้นเสียชีวิตได้6.หากพบว่าไข้ลดแล้วมีอาการดังกล่าวควรรีบแจ้งแพทย์หรือนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันทีโรคไข้เลือกออก ติดต่อกันอย่างไรไวรัสเดงกีเป็นสาตุที่ทำให้เกิดโรคไข้เลือดออก ซึ่งเกิดมาจากยุงลายที่เป็นตัวนำพาหะของเชื้อไวรัสนี้ เป็นการสร้างโรคไข้เลือดออกที่เป็นการติดต่อจากคนสู่คนโดยใช้ระยะเวลา 8-10 วันในการฝักตัว(ระยะเวลาอาจจะ3-15วันขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของผู้ป่วย) ยุงลายที่เป็นพาหะนี้ มีชื่อว่า Aedes aegypti ซึ่งยุงชนิดนี้ออกหากินกลางวัน ยุงจะดูดเลือดจากผู้ที่ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออก เมื่อยุงกัดหรือดูดเลือดจากผู้ป่วยแล้ว แล้วไปดูดเลือดคนอื่นต่อซึ่งจะเป็นการถ่ายทอดเชื้อไวรัสเป็นวิธีการแพร่เชื้อไวรัสเดงกีของโรคไข้เลือดออก ยุงลายชนิดที่กล่าวมาเป็นยุงที่อาศัยอยู่ในเขตภูมิอากาศร้อนชื้น ซึ่งประเทศไทยเป็นบริเวณหนึ่งที่มีการระบาดโรคนี้ค่อนข้างสูง โดยส่วนมากจะระบาดหนักในช่วงฤดูฝน และในช่วงที่พบกลุ่มผู้ป่วยที่ติดเชื้อโรคไข้เลือดออกมากที่สุดในช่วงอายุ 5-9ปี 10-14ปี และ15-24 ปี และกลุ่มอายุ 0-4 ปีกับกลุ่มที่มีอายุมากกว่า 25 ปีถึง 65 ปีเป็นช่วงอายุที่พบว่ากลุ่มนี้จะเป็นโรคไข้เลือดออกพบน้อยที่สุดรูปจาก https://www.canva.com/วิธีการรักษาโรคไข้เลือดออก เนื่องจากยังไม่มีการพัฒนายาฆ่าเชื้อของไวรัสชนิดนี้ การรักษายังคงเป็นการรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น นั่นก็คือหากมีไข้ก็ใช้ยาลดไข้ เช็ดตัว ป้องกันอาการช็อก ยาลดไข้ที่ใช้ คือ ยาพาราเซตามอล (paracetamol) ขนาดยาที่ใช้ในผู้ใหญ่คือ พาราเซตามอลชนิดเม็ดละ 500 มิลลิกรัม รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ดหลังอาหาร ทุก 4-6 ชั่วโมงเมื่อมีอาการปวด โดยที่ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 8 เม็ด (4 กรัม) และขนาดยาที่ใช้ในเด็กคือ พาราเซตามอลชนิดน้ำ 10-15 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อครั้ง ทุก 4-6 ชั่วโมงเมื่อมีอาการ โดยที่ไม่ควรรับประทานเกินวันละ 5 ครั้ง หรือ 2.6 กรัม ยาพาราเซตามอลนี้เป็นยารับประทานตามอาการ ดังนั้น หากไม่มีอาการก็สามารถหยุดกินยาได้ทันที ส่วนยาแอสไพรินและยาไอบูโปรเฟน เป็นยาลดไข้เช่นกัน แต่ยาทั้งสองชนิดนี้ห้ามนำมาใช้ในโรคไข้เลือดออก เนื่องจากยาทั้งสองชนิดนี้จะยิ่งทำให้เกิดภาวะเลือดออกผิดปกติจนอาจเกิดอันตรายต่อผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้เลือดออกได้ ส่วนการป้องกันภาวะช็อกนั้น กระทำได้โดยให้ผู้ป่วยดื่มสารละลายเกลือแร่ โอ อาร์ เอ็ส หรือน้ำเกลือเข้าทางหลอดเลือดดำ ในกรณีที่ผู้ป่วยเกิดภาวะเลือดออกผิดปกติจนเกิดภาวะเสียเลือดมากอาจต้องได้รับเลือดเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามจะต้องเฝ้าระวังภาวะช็อกดังที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้นเนื่องจากภาวะนี้มีความอันตรายต่อชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมากรูปจาก https://www.canva.com/การป้องกันไม่ให้เกิดโรคไข้เลือดออก เนื่องจากยังไม่มียาที่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสเดงกีได้ ดังนั้นการป้องกันที่ง่ายที่สุด คือ การป้องกันไม่ให้เป็นโรคโดยการควบคุมยุงลายให้มีจำนวนลดลงโดยการควบคุมแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายและการกำจัดยุงลายทั้งลูกน้ำและตัวเต็มวัย และป้องกันไม่ให้ยุงลายกัด ทั้งนี้การป้องกันทำได้ 3 ลักษณะ คือ1. การป้องกันทางกายภาพ ได้แก่ปิดภาชนะเก็บน้ำด้วยฝาปิด เช่น มีผาปิดถังกักเก็บน้ำ และกำจัดแหล่งน้ำที่เป็นน้ำขัง หรือถ้าไม่มีฝาก็วางคว่ำลงหากยังไม่ต้องการใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นแหล่งวางไข่ของยุงลายเปลี่ยนน้ำในแจกันดอกไม้สดบ่อยๆ อย่างน้อยทุกๆ 7-15 วันปล่อยปลากินลูกน้ำลงในภาชนะเก็บน้ำ เช่น โอ่ง ตุ่ม รวมไปถึงอ่างน้ำและตู้ปลาก็ควรมีปลากินลูกน้ำเพื่อคอยควบคุมจำนวนลูกน้ำยุงลายด้วยใส่เกลือลงน้ำในจานรองขาตู้กับข้าว เพื่อควบคุมและกำจัดลูกน้ำยุงลาย โดยใส่เกลือ 2 ช้อนชา ต่อความจุ 250 มิลลิลิตร ซึ่งสามารถควบคุมลูกน้ำได้นานกว่า 7 วัน2. การป้องกันทางเคมี ได้แก่เติมทรายกำจัดลูกน้ำยุงลาย" หรือ "ทรายเคมีฟอสซึ่งเป็นสารเคมีที่องค์การอนามัยโลกแนะนำให้ใช้และรับรองความปลอดภัย เหมาะสมกับภาชนะที่ไม่สามารถใส่ปลากินลูกน้ำได้การพ่นยากันยุงเพื่อกำจัดยุงที่ตัวเต็มวัย มีข้อดีคือ ประสิทธิภาพสูง ข้อเสียคือ มีราคาที่สูง และเป็นพิษต่อร่างกายของคนและสัตว์เลี้ยง การฉีดพ่นต้องใช้ผู้ที่มีความรู้และเชี่ยวชาญในด้านนี้ เพื่อป้องกันความเป็นพิษต่อคนและสัตว์เลี้ยง ควรเลือกฉีดในเวลาที่มีคนอยู่น้อยที่สุดและฉีดพ่นลงในแหล่งที่คาดว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เช่น ท่อระบายน้ำ กระถางต้นไม้ เป็นต้น3. การปฏิบัติตัวเพื่อป้องยุงกัด ได้แก่นอนในมุ้ง หรือนอนในห้องที่มีมุ้งลวด หากไม่สามารถนอนในมุ้งหรือนอนในห้องที่มีมุ้งลวดได้ ควรใช้ยากันยุงชนิดทาผิวไม่ควรใช้ยาฟัดยุงแบบจุดหรือแบบธูป เพราะอาจส่งผลต่อร่างกายคน ซึ่งควรใช้สารสกัดที่มาจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันตะไคร้หอม (oil of citronella), น้ำมันยูคาลิปตัส (oil of eucalyptus) มีความปลอดภัยสูงแต่ประสิทธิภาพจะต่ำกว่า DEET เนื่องจากโรคไข้เลือดไม่ได้เป็นแล้วหายเลย อาจจะมีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นโรคมาเลเรีย สมองอาจะทำงานผิดปกติอย่างการเกิดภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ การทำงานของหัวใจที่ผิดผิดปกติ และตับหรือไตวายจากภาวะขาดน้ำอีกด้วย เราควรเตรียมความพร้อมรับมือกับโรคไข้เลือดออกนี้เพราะว่า เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวมาก เราควรรู้และป้องกันไม่ให้เกิดโรค เพราะไม่มีใครอยากให้ใครเจ็บป่วยกันหรอกครับ ขอมูลจาก : ผู้เขียน ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ เรื่องอื่น >> https://www.easyinsure.co.th/news/?cat=23