เมื่อชีวิตเราก้าวข้ามวัยต่าง ๆ ตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่น จนถึงวัยผู้ใหญ่ แล้วก็กลายเป็นวัยชรา หรือ วัยทองนั่นเอง ร่างกายของเราก็เสื่อมสภาพลงตามกาลเวลา ตามการใช้งาน ซึ่งเป็นเรื่องปกติไม่มีใครที่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่ว่าแม้เราจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เราสามารถทำให้ร่างกายของเราเสื่อมสภาพช้าลงได้ ที่เราเรียกกันติดปากว่าเป็นการ ชะลอวัย นั่นเองครับ ซึ่งก่อนที่เราจะทำได้นั้นเราต้องมาศึกษาปัจจัยกันก่อนว่า มีปัจจัยใดบ้างที่มีผลช่วยทำให้เราแก่ตัวไวขึ้น การนอนหลับพักผ่อน ความเครียด สภาพแวดล้อม Lifestyle การออกกำลังกาย และ อีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญมาก ๆ และ จะละเลยไม่ได้เลยก็คือ การกินอาหาร นั่นเอง ภาพจาก https://unsplash.com/photos/QCF2ykBsC2I เราทุกคนกินอาหารทุกมื้ออย่างน้อย 3 มื้อต่อวัน บางคนอาจมากกว่านั้น ยิ่งคนที่กินของไม่ดีเข้าไปในร่างกายมากเท่าไหร่ ร่างกายของคุณก็จะเป็นเหมือนสิ่งที่คุณกินเข้าไปมากเท่านั้น เหมือนคำฝรั่งที่พูดว่า you are what you eat คุณจะเป็นอะไรก็ตามที่คุณกินเข้าไป ฉะนั้นแล้วการกินก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญมากเหมือนกันครับ จะละเลยไม่ได้เลย แต่ละช่วงวัยนั้น เราควรจะเลือกบริโภคอาหารที่แตกต่างกันไป ถ้าเป็นวัยรุ่น เป็นวัยที่ร่างกายเริ่มต้นการเจริญเติบโต ต้องใช้พลังงานมาก ต้องการความจำในการท่องตำราเรียน ก็ต้องกินอีกแบบ ถ้าเป็นวัยทำงานก็ต้องมาแบ่งแยกกันอีกว่า คุณทำงานแบบไหนถ้าเกิดเป็นนักกีฬา ก็กินอีกแบบ หรือถ้าคุณทำงานในออฟฟิศทั้งวัน 8 ชั่วโมงก็ต้องกินอีกแบบ พูดตามตรงก็คือต้องกินตามวิถีชีวิตของตัวเองนั่นแหละครับ ซึ่งหัวข้อที่ผมจะมานำเสนอในวันนี้ก็คือ การกินแบบผู้สูงอายุ ซึ่งผมคาดเดาว่าผู้สูงอายุส่วนใหญ่ก็จะเกษียณตัวเอง ไม่ทำกิจกรรมหนัก ๆ ที่ใช้พลังงานมาก อยู่บ้านกับลูก ๆ หลาน ๆ หาอะไรทำระหว่างวัน เช่น ทำกับข้าว ทำขนมหวาน หรือ จะมีอาชีพเสริม ซึ่งเป็นการกระทำที่ ไม่ต้องใช้พลังงานมากเหมือนอย่างวัยรุ่น และ วัยผู้ใหญ่แล้ว และ ที่สำคัญคือในวัยชรานั้นการที่เซลล์จะเสื่อมสภาพ และ ซ่อมแซมตัวเองนั้น จะมีประสิทธิภาพการทำงานลดลงแล้ว ทำให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานได้ไม่เต็ม ที่การกินจึงกลายเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในวัยนี้ครับ ภาพจาก https://unsplash.com/photos/G9IIiAxbKYs การเลือกอาหารนั้นจำเป็นจะต้องมีความหลากหลายโดยจะแบ่งเป็นประเภทตามนี้ครับ 1. ประเภทคาร์โบไฮเดรต ควรเป็นข้าวที่ไม่ขัดขาว จะได้รับสารอาหาร และ วิตามินที่ป้องกันโรคเหน็บชา มากกว่าข้าวขาว หรือ ถ้าอยากจะกินเป็นขนมปัง ก็แนะนำให้กินขนมปังโฮลวีตครับผม 2. ประเภทโปรตีน จะแบ่งได้ 3 ประเภทหลัก ๆ คือ เนื้อสัตว์ นม ถั่ว 2.1 เนื้อสัตว์ นั้นเป็นแหล่งโปรตีนที่มีคุณภาพดี ให้เลือกที่มีไขมันน้อย เช่น เนื้อปลา ควรบริโภคทั้งปลาน้ำจืด และ ปลาทะเล ซึ่งให้แร่ธาตุไอโอดีนช่วยป้องกันโรคคอพอกได้ แล้วก็มีกรดไขมันชนิด โอเมก้า 3 สูง ที่ช่วยป้องกัน และ ลดความเสี่ยง โรคหลอดเลือดตีบ หรือ โรคหลอดเลือดอุดตัน ถ้าหากเป็นเนื้อสัตว์ประเภทอื่น ๆ ควรเลือกที่ไม่มีมันมาก เช่น สันในไก่ อกไก่ สันในหมู 2.2 นม เมื่อเข้าสู่วัยทอง เกลือแร่ต่าง ๆ จะถูกดูดซึมออกจากกระดูกเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติตามธรรมชาติของร่างกายเรา แต่ก็ไม่ได้ทำให้กระดูกเปราะบางจนแตก และ หักง่ายเลยซะทีเดียว ผู้สูงอายุควรจะต้องดื่มนมเพื่อป้องกัน และ เป็นการเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกไว้ไม่ให้มันเปราะบางจนเกินไป เพื่อที่จะใช้ชีวิตแบบปกติได้ 2.3 ถั่ว กินได้ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นถั่วเหลือง ถั่วแดง ถั่วเขียว เพราะ ถั่วมีใยอาหารมาก ในเพศหญิงเมื่อหมดประจำเดือนแล้ว ควรดื่มน้ำนมถั่วเหลือง เพราะ น้ำนมถั่วเหลืองนั้น จะช่วยลดคอเลสเตอรอล และ ชะลอการเกิดโรคกระดูกพรุน ในช่วงวัยผู้สูงอายุได้ *ไข่ก็ถือเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญเหมือนกันนะครับ* ภาพจาก https://unsplash.com/photos/vBFblXO5czU 3. ประเภทไขมัน ไม่ควรกินไขมันทรานส์ ควรจะกินไขมันที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ใช้น้ำมันที่มีประโยชน์ในการประกอบอาหาร เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก งดอาหารทอด ผัด ที่อมน้ำมันมาก ไม่กินเนื้อสัตว์ติดมัน ขนมไทยที่มีส่วนประกอบของกะทิ 4. ประเภทผัก ผลไม้ ควรเลือกผักที่มีใบสีเขียวเข้ม ต้องไม่มียาฆ่าแมลง ซึ่งการกินผักจำพวกนี้จะมีใยอาหารมาก ป้องกันการเกิดริดสีดวงทวาร และ มะเร็งลำไส้ การกินผลไม้ จะได้ประโยชน์ในเรื่องวิตามิน เกลือแร่ และ กากใยอาหาร เราควรเลือกกินผลไม้ให้ถูกต้องตามฤดูกาล การกินผลไม้ที่เป็นผลจะได้ประโยชน์มากกว่าการดื่มน้ำผลไม้ เพราะได้รับกากใย และ สารอาหาร อย่างเต็มที่ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูปต่าง ๆ ภาพจาก https://unsplash.com/photos/bPy13xFS1D8