หัวข้อนี้มองคร่าว ๆ อาจจะทำให้รู้สึกว่าต้องมาแนะนำเรื่องการลดน้ำหนัก หรือไดเอตอะไรประมาณนี้แน่ ๆ เลย แต่ขอบอกเลยว่า 'ไม่!' นั่นเป็นเรื่องของคนอยากหุ่นดีเขาทำกัน ซึ่งเราอาจจะไม่ได้คาดหวังไปถึงขนาดนั้นแล้ว ที่มาคิดถึงเรื่องรูปร่างและน้ำหนักก็เพราะพออายุมากขึ้น มองเห็นเพื่อน ๆ หรือญาติ ๆ วัยเดียวกันมีการเปลี่ยนแปลงไป ในทางที่อ้วนขึ้นหนักเยอะขึ้น แต่เราเป็นคนอวบอ้วนร่างใหญ่อยู่แล้ว เลยไม่ได้รู้สึกว่าเปลี่ยนแปลงมากนักแม้จะอ้วนขึ้นอีกสักหน่อยก็ตาม และคนวัยกลางคน 35 ปีขึ้นไป เมตาบอลิซึ่มเราจะลดลงไปตามวัยที่มากขึ้น ในขณะที่เกิดกินอาหารเท่าเดิม หรือมากกว่าเดิมและลดการเคลื่อนไหวลง นี่แหละสาเหตุหลัก ๆ ของคนที่อ้วนในวัยนี้เลย โดยเฉพาะผู้หญิงมักจะประสบกับปัญหาความอ้วนได้ง่าย จากวัยสาวๆ ตื่นเช้ามาก็พุงยุบแล้ว แต่เดี๋ยวนี้ต่อให้กินน้อยก็ยังท้องอืดพุงป่องอยู่ดี ถ้าไม่ปรับเปลี่ยนตัวเองก็จะอ้วนขึ้น และดูแก่ขึ้นไปเรื่อย ๆ แน่นอน ดังนั้นมาปรับเปลี่ยนการใช้ชีวิตแบบที่ไม่ลำบากตัวเองมากเกินไปดู แล้วเราจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้ง่ายขึ้นนะ - งดได้ก็งด - เรามักจะกินอาหารด้วยความเคยชินว่าถึงเวลาก็ต้องกิน และแม้ไม่หิวก็ต้องกินให้เป็นเวลา ปัญหานี้มักจะเกิดกับคนที่มีสมาชิกในบ้านหลายคน และมักถูกบังคับให้กินข้าวพร้อม ๆ กัน แต่บางครั้งเราก็ไม่ได้หิว ไม่ได้อยากอาหาร แต่ต้องมาฝืนกินไป กินแบบไม่แฮ็ปปี้ แถมยังได้แคลอรี่แบบจำใจอีก คิดแล้วเศร้ายิ่งนัก ที่จริงแล้วคนเราแต่ละคนใช้แคลอรี่ไม่เท่ากัน และการเว้นหายไปบางมื้อในคนที่สุขภาพปกติก็ไม่ได้เป็นอันตรายนะ กลับจะเป็นการพักกระเพาะอาหารให้ไม่ทำงานหนักจนเกินไปอีกด้วย ถ้าคำนวณมาต่อวันแล้วไม่ได้รับแคลอรี่ต่ำจนเกินไปก็ไม่ได้น่ากังวลอยู่แล้ว หรือจะเปลี่ยนเป็นจากกินข้าวมากินผักผลไม้ให้พอรู้สึกว่ากินแล้วแทนก็ได้ ในส่วนนี้ได้ทดลองกับตัวเองแล้วก็ได้ผลดี เพราะช่วงไหนที่กินมื้อกลางวันติดกันระยะหนึ่งจะรู้สึกอ้วนและอึดอัดมาก ยิ่งถ้าไม่ค่อยได้ออกกำลังกายด้วย อ้วนบวมแน่นอน 3 มื้อต่อวันนั้นเยอะเกินไปสำหรับเราคนวัยนี้ เราไม่ใช่วัยกำลังโต มีแต่กินแล้วจะเอาไปเก็บสะสมให้อ้วนเสียเปล่า ๆ หากไม่หิวข้ามไปได้ก็ข้ามไปเลย ยิ่งอายุเยอะบางทีเพียงมื้อสองต่อวันนั้นก็เพียงพอสำหรับร่างกายที่จะใช้อยู่แล้ว แถมถ้าไม่พอจริง ๆ ก็ยังมีการดึงพลังงานที่สะสมมาใช้ได้ด้วย นี่แหละเคล็ดลับที่ทำให้อ้วนยากกว่า แถมการไม่อิ่มเกินไปจะรู้สึกเบาตัวคล่องตัวกว่ามากด้วยนะ ใจจริงอยากทำ IF กินวันละมื้อนะ แต่ยังเป็นเรื่องยากกับวิถีชีวิตของตัวเองอยู่ดี ขอเป็นสองมื้อบวกขนมของว่างไปก่อนแล้วกันนะ อายุเยอะควรกินให้น้อยลง ต้องค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนกันไป- ควบคุมความหวานอย่างเคร่งครัด - ด้วยนิสัยที่ติดกินหวานในช่วงวัยเด็กนี้ก็ส่งผลทำให้อ้วนมาได้ไม่น้อย นั่นก็เพราะเคยเข้าใจผิดว่าของเหลวจำพวกนม หรือเครื่องดื่มต่าง ๆ นั้นไม่ทำให้อ้วนเท่ากินข้าวหรอก แต่นั่นคือกับดักความคิดที่ผิดมาก ๆ เพราะตั้งแต่ที่เริ่มใส่ใจกับฉลากโภชนาการอาหารแล้วก็ทำให้ต้องตกใจจริง ๆ ว่า นม น้ำผลไม้ น้ำชา น้ำหวาน น้ำอัดลมนี่ มันให้พลังงานมามากมายแค่ไหน ไขมันที่สะสมในร่างกาย น้ำหนักที่มีแต่จะเพิ่มขึ้น ก็ล้วนมาจากพวกนี้ไม่ใช่น้อย ๆ เลย และถ้ายังคงกินแบบนี้อยู่ล่ะก็ ยากที่จะหยุดฉุดรั้งน้ำหนักตัวให้คงเดิมไหวแน่ ๆ ดังนั้นแล้วนอกจากน้ำเปล่าหากจะดื่มอะไร อย่าลืมคิดถึงปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มเสมอ เป็นเรื่องยากมากที่คนเราจะรับน้ำตาลต่อวันน้อยกว่าที่ร่างกาย หากไม่ได้ตั้งใจจะงดจริง ๆ เพราะน้ำตาลนั้นมีอยู่ในอาหารปกติที่เรากินอยู่แล้ว ดังนั้นลองหากทางเลือกอื่นที่เป็นเครื่องดื่มน้ำตาลต่ำ หรือไร้น้ำตาลดูเถอะ เพื่อสุขภาพในวันนี้ที่จะไม่ต้องลำบากตัวเองในวันข้างหน้าด้วย การงดของพวกนี้ได้โอกาสใจการอ้วนแบบก้าวกระโดดก็ย่อมยากกว่าอยู่แล้ว ยิ่งสมาชิกในครอบครัวเพิ่งมาป่วยเป็นเบาหวาน เพราะชอบดื่มน้ำหวานและชานมไข่มุกด้วยแล้วยิ่งต้องระวังจริง ๆ - เคลื่อนไหวร่างกายไว้เถิด - การออกกำลังกายไม่ได้ทำให้ผอมนะ แต่ที่สำคัญเลยคือ ทำให้ร่างกายแข็งแรงและไม่อ้วนง่าย ๆ อย่างแน่นอน พิสูจน์มาแล้วจริง ๆ เพราะช่วงที่ปล่อยตัวอ้วน ไม่สนใจออกกำลัง เคลื่อนไหวร่างกายเลยนั้น ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงมาก ใช้แรงนิดหน่อยก็เหนื่อยแล้ว แถมกล้ามเนื้อก็ดูเหลว ๆ ไม่แข็งแรงอีก ยิ่งถ้าวัน ๆ นึง เอาแต่นั่ง ๆ นอน ๆ ไม่ได้ใช้พลังงานให้สมกับที่กินเข้าไปเลย ให้กินน้อยแค่ไหนยังไงก็อ้วนนะ ดังนั้นถ้าไม่ลดความอ้วน ควรเบรคความอ้วนไว้บ้างก็ยังดี เผาผลาญสิ่งที่กินไปแต่ละวันโดยเหลือสะสมให้น้อยดีกว่า ใครที่ชอบออกกำลังกายอยู่เป็นประจำก็ยินดีด้วย อย่างน้อยคุณก็เป็นหมูที่แข็งแรงนะ แต่ถ้าปล่อยตัวเองให้อ้วนแถมไม่ออกกำลังกายนั้นก็ย่อมเสี่ยงกับโรคภัยไข้เจ็บที่เคยคิดว่ามันไกลตัว แต่พออายุเพิ่มขึ้นคนในวัยเดียวกันก็ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง หรือเบาหวานได้ สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มาจากตัวเราเองทั้งสิ้น นอกจากสุขภาพที่แย่ลงแล้วยังจะตัดโอกาสในการกินอาหารอร่อยๆ ไปอีกหลายรายการเลย ดังนั้นอย่างน้อยสุดหากไม่ชอบออกกำลังกาย ก็เคลื่อนไหวร่างกายให้เท่าเทียมกับการออกกำลังกายให้ได้ก็ยังดี อย่างข้าพเจ้าเองที่แสนขี้เกียจและหย่อนยานกับการออกกำลังกาย อย่างน้อยก็ต้องมีออกไปยืดเส้นยืดสาย เดินให้ได้ 6000 ก้าว เป็นต้น ซึ่งจริงๆ มันก็ยังไม่ได้ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกเลยนะ ที่ควรเดินให้ได้ 8000 ก้าว แต่อย่างน้อยเราก็ยังทำบ้างไง ยิ่งถ้าทำงานอยู่กับบ้านไม่ได้ไปไหน ลองเช็คจำนวนก้าวกับ Smart Watch ต่อวันมันน้อยมากๆ เลยนะ บางทีแค่ 1000 ก้าวเท่านั้นเอง แล้วลองคิดดู กินจุ กินเก่ง มีกินขนม กินของหวานอีก จะไปต้านทานความอ้วนยังไงไหวล่ะ ทำได้บ้างก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำเลย ตอนนี้กลายเป็นเดินจนชิน หากวันไหนไม่ได้เลยชมวิวรับลมแล้วจะรู้สึกอึดอัดร่างกายไปแทนนะ อย่าอ้างว่าทำงานบ้านเดินขึ้นลงบันไดเยอะแล้ว การออกกำลังกายยังไงก็ควรทำ 30-45 นาที อย่างต่อเนื่องอยู่ดี การใช้พลังงานกับการออกกำลังกายไม่เหมือนกันนะ เลือกแบบที่คุณชอบและจะสามารถทำมันไปได้ตลอด แค่นี้ก็ถือว่าดีกับตัวเองแล้วล่ะ- เลือกกินให้เป็น - เลือก...ทั้งประเภทอาหารและปริมาณ ตัวผู้เขียนก็ไม่ได้กินคลีนจ๋า กินแต่อาหารเพื่อสุขภาพอะไรตลอด เพราะเชื่อว่ายังไงคนเราที่สุดแล้วก็ยังอยากกินของชอบของอร่อยอยู่ดี เพราะมันส่งผลถึงความสุขได้ ยอมรับกับตัวเองว่าเรายังชอบกินขนม เรายังอยากกินเนื้อย่าง ไอศกรีม เค้ก แต่เราสามารถที่จะจัดสรรให้ตัวเองกินอาหารหลากหลายได้ อย่างเช่น ถ้ารู้ว่าวันนี้จะกินบุฟเฟ่ต์ก็อาจจะทำ IF แล้วกินมื้อเดียวไปเลย หรือถ้าพรุ่งนี้อยากกินขนมของหวาน มื้ออื่นๆ ก็จัดพวกอาหารแคลอรี่ต่ำไว้กิน คนเรามักจะชอบบ่นว่า อาหารนั้นอาหารนี้ทำให้อ้วน แต่ลืมว่าตัวเองชอบกระดกน้ำหวานทั้งวันก็มี แล้วจะกลัวไปทำไมกันเนี่ย ศึกษาไดเอตมาทั้งชีวิตขนาดนี้เราสามารถแยกแยะกันได้อยู่แล้วล่ะ ว่าการคำนวณแคลอรี่เป็นยังไงก็ลองกำหนดดู หรือถ้าขี้เกียจก็กะเอาแค่คร่าวๆ ก็ยังดี กินให้ครบทั้งผักทั้งเนื้อ ไม่อดจนทุกข์ทรมาน แต่ก็ไม่ได้ตามใจปากจนโรคถามหาด้วย อยากจะเคร่งครัดกับตัวเองให้ได้มากกว่านี้เหมือนกับเพื่อน ๆ สายเฮลตี้นะ แต่...มักจะพังทุกทีไป การไดเอตสุดโต่งมักจะนำพาโยโย่เอฟเฟกต์มาเสมอเลย เท่า ๆ ที่ลองมา นำวิธีต่างมาประยุกต์และจัดสมดุลให้ตัวเองนี่แหละง่ายสุดแล้ว สำหรับคนที่ยังรักการกิน จงกินให้สบายใจแล้วไปออกกำลังกาย ดีกว่าการมากำหนดแคลอรี่ กินน้อย ๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองอ้วน มันจะทรมานและไม่เป็นผลดีกับร่างกายเลย มาลองจัดระเบียบตัวเองดูสิ...แล้วจะทั้งมีความสุขและสบายตัวขึ้นอีกมากเลยจริง ๆ นะ เครดิตภาพประกอบจาก pixabay.comภาพ Header / ภาพ 1 / ภาพ 2 / ภาพ 3 / ภาพ 4 / ภาพ 5 / ภาพ 6 /