สำหรับวันนี้ก็จะมารีวิวประสบการณ์การจัดฟัน ของตัวผู้เขียนเองว่าเป็นยังไงบ้าง ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง แล้วต้องเจอกับอะไรบ้าง สำหรับตัวผู้เขียนเองก็ไม่เคยคิดจะจัดฟันเลย เพราะว่าสมัยเรียนมหาลัยมีเพื่อนจัดฟันอยู่หลายคน ชอบบ่นตลอดว่าปวดฟัน เหงือกบวม เป็นร้อนใน บ่นสารพัด แล้วก็ชอบบอกว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ จะไม่จัดฟันเลย เพื่อนก็จะบอกตลอดว่าใครคิดจะจัดฟัน เหมือนตกนรกทั้งเป็น ก็ยิ่งเป็นแรงบั่นทอนจิตใจ เพราะโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่กลัวความเจ็บ อะไรที่ทำให้ตัวเองเจ็บนี่จะไม่ทำ โดยส่วนตัวแล้วเป็นคนที่ฟันห่างมาก ตอนไปปรึกษาหมอครั้งแรกที่อยากจะจัดฟัน เห็นเวลาเพื่อนไปจัดฟันแล้วเพื่อนชอบโพสต์ว่า หมอบอกว่าฟันสวยขนาดนี้จะมาจัดทำไม เราก็อยากให้หมอพูดแบบนี้มั่ง พออ้าปากให้หมอดูเท่านั้นแหละ หมอบอกว่าฟันโอ้โห้ฟันห่างมาก อยากจะจัดฟันขึ้นมาทันทีเลย เพราะว่าจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ที่ฟันห่างเพราะว่าชอบเอาต้นหญ้ามาสอดใส่ช่องว่างระหว่างฟันแล้วดึงลงให้ฟันห่าง แม่ก็เคยห้ามว่าไม่ให้ทำเดี๋ยวฟันจะห่าง เราเป็นเด็กก็ไม่เชื่อแม่ พอโตขึ้นมาเท่านั้นแหละ เชื่อแม่แล้วไม่น่าทำเลย เพื่อนชอบแกล้งเพื่อนจะบอกว่าทุกคนดูดน้ำอ้าปากหมด แต่เราไม่ต้องอ้าปาก น้ำเข้าช่องว่างระหว่างฟัน ยิ่งทำให้เราเสียความมั่นใจมาก ๆ แล้วเพื่อนชอบให้เรายิ้ม เราเป็นคนที่ยิ้มไม่เห็นฟันยิ้มแบบยิ้มไม่สุด เวลาเพื่อนจะแกล้งเพื่อนก็ชอบบอกว่ายิ้มให้ดูหน่อย พอยิ้มฟันก็จะเห็นฟันเราห่างเป็นช่องห่างมาก เพื่อนก็จะนั่งขำ เพื่อนชอบพูดเวลากินเส้นก๋วยเตี๋ยวไม่ต้องอ้าปาก เส้นไหลเข้าไปตามซอกฟัน ยิ่งทำให้เสียความมั่นใจ หลังจากเรียนมหาลัยจบแล้วก็มาทำงานที่กรุงเทพฯ ไม่รู้วันนั้นนึกอะไร ก็เลยหารีวิวคลินิกจัดฟันหาไปเรื่อย ๆ เจออยู่คลินิกนึงแถวลาดกระบัง คลินิกจัดฟันแล้ว DR. Mod อยู่ในห้างสรรพสินค้า เดอะพาซิโอ ลาดกระบัง อยู่ข้างกันกับร้านไก่ KFC รีวิวเยอะมาก ๆ ก็เลยตัดสินใจไปหาคุณหมอว่าเป็นไงเป็นกัน ก็เลยไปปรึกษาคุณหมอแล้วคุณหมอก็แนะนำว่า ให้ไปขูดหินปูนก่อน แล้วไป X-ray ฟัน แล้วค่อยมาติดเครื่องมือจัดฟัน สำหรับเราก็คือไม่มี ฟันผุเพราะดูแลฟันตลอด เราเอาฟันคุดออกทั้ง 4 ซี่แล้ว เพราะตอนนั้นไปอุดฟันหมอแอบเห็นฟันคุดพอดี หมอเลยให้ถอนหมดเลยทั้ง 4 ซี่ ไปวันแรกก็คุยกับหมอแล้วก็ตัดสินใจที่จะทำเลย พิมพ์ปากครั้งแรก 1,400 บาท เราก็ถามหมอว่าหมอคะ จัดฟันเจ็บไหมคะ หมอก็เลยตอบกลับมาว่า ถ้าเลือกที่จะจัดฟันแล้ว มันก็ต้องเจ็บหายใจเข้าลึก ๆ เป็นไงเป็นกันคนอื่นยังทนได้ แล้วเราก็ไปขูดหินปูน X-ray ฟันที่โรงพยาบาลแถวบ้าน เพราะตอนนั้นกลับบ้านต่างจังหวัดพอดี พอกลับขึ้นมาก็ไปใส่เครื่องมือจัดฟัน หลังจากนั้นก็ไปเปลี่ยนเหล็กทุกเดือนจ่าย 3,000 บาท 4 เดือนแรก หลังจากนั้นจ่ายเดือนละ 1,500 บาท หมอบอกว่าเราจัดฟันอยู่ที่ประมาณ 3 ปี ค่ารีเทนเนอร์ก็ 4,500 บาท จะบอกว่าคลินิกที่เราไปจัดดีมาก ๆ เห็นคนอื่นเขาบ่นว่าปากเป็นร้อนใน ลวดแทงปาก เราไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย เล่าให้หมอฟังหมอยังบอกว่าเราสุดยอดเลย แต่เราก็ไม่ได้ว่าเราสุดยอดอะไร เราว่าเพราะหมอทำดีจริง ๆ หมอมือเบามากจะเจ็บแค่ตอนที่หมอไม่ค่อยว่างลูกค้าเยอะ ให้ผู้ช่วยหมอมาดึงยางให้นี่แหละ ยางคือแน่นมากขนาดใส่ไปแล้วเดือนนึงเหมือนใส่ใหม่ ๆ แล้วผู้ช่วยหมอก็จะไม่ค่อยถนัด เขาก็จะดึงยางดีดปากเราด้วย ถ้าหมอทำเองจะไม่เจ็บเลย ตอนนี้การจัดฟันมาคือจะครบ 1 ปีแล้ว ผลที่ได้จากการจัดฟันคือ เราสามารถยิ้มได้มั่นใจขึ้น เรารู้เลยว่าทำไมคนจัดฟันเขาต้องยิ้มกว้างขนาดนั้น เขาไม่ได้โชว์เหล็กหรอกค่ะ จากประสบการณ์เราก็คือคนที่ฟันไม่สวย ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ก่อนหน้านั้นจะยิ้มแบบไม่มีความมั่นใจในตัวเอง ไม่กล้ายิ้มโชว์ฟัน หลังจากที่เขาจัดฟันแล้วฟัน เขารู้สึกว่าฟันดีขึ้น ฟันสวยขึ้นทำให้เขากล้ายิ้มได้อย่างมั่นใจขึ้น เหมือนเรายิ้มได้เต็มปากเวลาคุยกับเพื่อนหัวเราะได้อย่างมั่นใจ แต่ก่อนเราอยากหัวเราะแบบนั้นก็ทำก็ทำไม่ได้ เพราะเรากลัวเพื่อนเขาล้อ ปล. ไอเทมของคนจัดฟันต้องมีกระจกและไม้จิ้มฟันหลังจากกินอะไรเสร็จ ที่สำคัญต้องมีลิปมันด้วยเพราะปากแห้งบ่อย สำหรับใครที่จะตัดสินใจจะจัดฟันอยู่ แนะนำให้หาข้อมูลคลีนิคที่ดี ๆ ถามจากเพื่อนที่จัดฟันมาหลาย ๆ ที่ แล้วนำมาเปรียบเทียบกัน คลินิกเรารู้สึกว่าทำดีมาก เราฟันห่างมากจัดมาเพิ่งได้ปีเดียวคือฟันเริ่มชิดกันแล้ว ไม่มีปัญหาเหงือกแดง เหงือกบวม เป็นร้อนในไม่เคยมี ขนาดพี่ที่ทำงานยังพูดเลยว่านี่หรอคนจัดฟัน กินข้าวยังกับคนไม่ได้จัดเลย พอจัดฟันแล้วเราก็เลิกกินกระดูกหมู กัดก้อนน้ำแข็งอะไรที่แข็ง ๆ เราจะไม่กิน เวลาทานผัก ผลไม้เราก็จะทำเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไม่เคยมีปัญหาเหล็กหลุดเลยขนาดหมอยังชม สิ่งที่เปลี่ยนไปหลังจากการจัดฟันเลยนั่น ก็คือแปรงสีฟัน เราควรเลือกใช้แปรงสําหรับคนจัดฟันโดยเฉพาะ เพราะออกแบบมาเพื่อคนจัดฟัน เราเปลี่ยนแปลงสีฟันเดือนละ 1 ครั้ง ไปหาหมอทุกครั้งก็คือจะเปลี่ยนแปลงสีฟันเลย เพราะคนจัดฟันจะรู้ดีว่าแปรงสีฟันใช้ไปแค่เดือนเดียวมันก็จะบานแล้ว สิ่งที่ไม่ควรทำหลังจากจัดฟันแล้วคือ งดกินน้ำแข็ง งดกัดผลไม้ด้วยฟัน ให้ตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไม่กินของแข็ง ๆ อย่างเช่น น้ำแข็ง กระดูกหมู หนังหมูกรอบ จุดนี้สำคัญที่สุด เพราะนอกจากจะทำให้เราเสียเวลาในการจัดฟันแล้ว ยังเสียเงินเพิ่มด้วย สมมุติว่าเดือนนี้เราจะได้ดึงฟันให้ชิดกันแล้ว แต่แบร็คเก็ตหลุด เราต้องรอเดือนหน้าถึงจะได้ดึงฟันทำให้หลาย ๆ คนชอบโทษว่าหมอเลี้ยงคนไข้ ทุกอย่างเราคิดว่ามันอยู่ที่พฤติกรรมของเราด้วย ถ้าเราทำตามที่หมอแนะนำ และพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ ทำให้การจัดฟันของเรายืดเวลาออกไป นั่นก็คือตัวเราเอง หลายคนเห็นผู้เขียนตัดผลไม้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ไม่กินของแข็ง เลือกกินอาหารหลายคนอาจจะบอกว่าทำไมเราช่างเรื่องมากจังเลย แต่ทั้งหมดที่เราทำเพราะตัวเราทั้งนั้นค่ะ ใครที่จะจัดฟันก็ลืมความสุขการกัดกระดูกหมูออกไปได้เลย ทำได้แค่ฉีกกินแค่เนื้อ ส่วนกระดูกอ่อนให้คนอื่นเขากินไป จะมากัดก้อนน้ำแข็ง กินแคปหมู ลืมไปได้เลยค่ะ เผื่อใครสนใจอยากจัดฟัน ปรึกษาคุณหมอก่อนได้นะ ลิงค์เพจ DR.Mod รูปภาพทั้งหมดโดยเจ้าของบทความ