สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาว True ID ทุกๆคน วันนี้ เราจะมาแชร์ประสบการณ์ผ่าคลอดครั้งแรกในชีวิตของเรา ให้เพื่อนๆที่กำลังตั้งครรภ์และกำลังเตรียมตัวจะคลอด ไม่ว่าจะเลือกคลอดเอง หรือเลือกที่จะผ่าคลอด(ตามฤกษ์ดีที่ตัวเองกำหนด) หรือเลือกแล้วที่จะคลอดเอง แต่เกิดเหตุกรณีฉุกเฉินจำเป็นต้องผ่าคลอด วันนี้เราก็จะมาแชร์ประสบการณ์ของเราเองให้ทุกคนอ่านกันนะคะ ต้องแจ้งก่อนนะคะว่าเราท้องแรก และท้องนี้ คือเราตั้งใจจะคลอดเองหรือคลอดธรรมชาติค่ะเริ่มเลยนะคะ เราชื่อออฟซี่ ค่ะทุกคน เราตั้งท้องลูกคนแรกตอนอายุ 35 ปี พอตั้งท้องปุ๊บตรวจพบว่าเป็นเบาหวานปั๊บ และทางการแพทย์คุณหมอก็แจ้งว่าเราเป็นหญิงตั้งครรภ์ที่อายุเยอะ ประกอบกับเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ คุณหมอเลยสั่งย้ายเราจากปกติต้องตรวจที่ห้องตรวจฝากครรภ์และวางแผนครอบครัวไปที่ห้องตรวจ High Risk ANC (คลินิก) เนื่องจากเป็นครรภ์ที่มีความเสี่ยงสูง ต้องอยู่ในความดูแลของหมอเฉพาะทางอย่างใกล้ชิด เราอยู่ในความดูแลของหมอที่นี่ ตั้งแต่อายุครรภ์ได้ 8+4 สัปดาห์ (หลังจากที่ตรวจพบเบาหวาน) และเมื่ออายุครรภ์เยอะก็ต้องมาพบหมอบ่อยขึ้น นัดทุกสัปดาห์ เพื่อติดเครื่อง NST เป็นการตรวจประเมินสุขภาพทารกในครรภ์ในระยะก่อนคลอดจวบจนอายุครรภ์ได้ 38 วีค+1 (อาทิตย์ที่ 26 กพ.66) เรามีอาการเจ็บท้องเตือน มีความรู้สึกเจ็บเบาๆตั้งแต่เช้า แต่เราก็ยังดำเนินการใช้ชีวิตประจำวันปกติ ลักษณะการเจ็บเตือนของเราคือ เจ็บหาย เจ็บหาย เจ็บพอทนได้ เป็นอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเวลาประมาณ 16.40 น.โดยประมาณ ในขณะที่เรานอนพักอยู่ในห้องนอน ท้องเรากระตุก 1 ครั้ง เสียงดังปุ๊ด จู่ๆน้ำสีใสๆไหลออกมา ตอนแรกนึกว่าตัวเองฉี่แตก แต่เอ๊ะ มันกลั้นไม่ได้เลย (ท้องแรกเราเลยต้องทักถาม อาจารย์พยาบาล ว่าคืออะไร) อาจารย์บอกว่าถ้าเป็น น้ำใสๆไม่มีสีไม่มีกลิ่น นั้นคือน้ำคร่ำ เราเช็คดูแล้ว มันคือน้ำคร่ำ ซึ่งมันแตกแล้ว อาจารย์บอกว่าอาบน้ำเตรียมไป รพ.ได้เลย จะบอกว่าวันนั้นเราอยู่คนเดียว สามีไม่อยู่ไปทำงาน เราอาบน้ำเสร็จ โทร. 1669 รอประมาณ 15 นาที รถ Ambulance ก็มารับเราไป รพ. ไปถึงเขาเข็นเข้าห้องคลอดเลย ตื่นเต้นมากๆ เลยค่ะทุกคนพอเข้ามาถึงห้องคลอด คุณหมอก็จะมาตรวจปากมดลูกเราด้วยมือ คลำๆล้วงๆเช็คๆ เปิดแล้ว 1 เซน จากนั้นให้เราไปอาบน้ำอีกรอบ พร้อมใส่ชุดรอเตรียมคลอด แล้ว ให้ญาติมาเซนเอกสาร และเดินเรื่องเปลี่ยนนามสกุลกับเวชระเบียน(ตอนนั้นแม่สามีเป็นคนมาเซ็น) หมอบอกว่าน้ำคร่ำแตกแล้ว คาดว่าไม่เกิน วันนี้ได้คลอดแน่ๆ หลังจากนั้นก็เข็นเราเข้าห้องรอคลอด เข้าห้องไปก็มีคุณแม่หลายท่านประจำอยู่ที่เตียง แต่ละคนชิลล์มาก ไม่มีใครแสดงอาการเจ็บปวดเหมือนเราเลย เรามีอาการเจ็บท้อง ระดับความเจ็บก็เพิ่มขึ้นๆ เราเจ็บมากเลยนะทุกคน เจ็บคลาย เจ็บคลาย หมอก็มาตรวจเราเรื่อยๆทุกๆ 30 นาทีเลยก็ว่าได้ พร้อมนี้ก็มาติดเครื่อง NST พร้อมกับ U/S ดูขนาดตัวเด็ก หมอพูดว่าประมาณ 3800 กรัม เราคิดในใจ ป๊าดดด สิออกได้บ่ ลูกข่อยเกือบ 4 โล เพื่อนๆความเจ็บเราทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ แต่ปากมดลูกเปิดแค่ 2 เซน เราจำได้ประมาณ 3 ทุ่ม พยาบาลบอกเราว่าจะต้องฉีดยากระตุ้นคลอดแล้ว จะเจ็บมากกว่าเดิม ขอให้คุณแม่อดทน พยาบาลไม่โกหกเรานะ ฉีดปุ๊บ ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว เจ็บใจจะขาด พยาบาลและหมอจะคอยเวียนมาตรวจเช็ค หมอมาตรวจปากมดลูก พยาบาลคอยมาเจาะน้ำตาล วัดความดัน คอยบอกว่าพยายามหายใจเข้า-ออก เพื่อเอาออกซิเจนให้ลูกนะแม่ ความเจ็บปวดเรามากขึ้น รู้สึกทนไม่ไหว "คุณหมอผ่าได้ไหม" "หมอบอกว่าไม่ได้ค่ะ ไม่มีความเสียงอะไรที่จำเป็นต้องผ่า" ทั้งรู้สึกปวดอึปวดฉี่ จะอึก็อึไม่ออก จะฉี่ก็ฉี่ไม่ออก หมอบอกว่าห้ามเบ่งเด็ดขาด ความเจ็บปวดที่เพิ่มมากขึ้นจากการกระตุ้นเวลาก็เดินช้าๆ จนเวลา ตี 1 ปากมดลูกเปิด 4 เซน น้ำคร่ำเริ่มน้อยลง ความดันเริ่มสูง น้ำตาลก็สูงตาม คุณหมอแจ้งว่าคุณแม่ติดต่อญาติเลยนะคะ ต้องผ่าแล้ว (เนื่องจากตอนรอคลอด 1-2 ทุ่ม เจ็บท้องมากเลยบอกสามีว่าอย่าเพิ่งโทรมา) ตอนนี้เราจะได้ผ่าคลอดแล้ว ติดต่อสามีไม่ได้ เราบอกหมอว่า "หมอผ่าหนูเถอะหนูไม่มีญาติ" 555 เจ็บมากอยากเอาออกแล้ว หมอเลยบอกว่างั้นแม่ส่งข้อความไว้นะคะ ระหว่างนี้หมอจะพยายามโทรติดต่อสามีให้ เราเซ็นเอกสารยินยอมเสร็จ พยาบาลเข็นเข้าห้องผ่าคลอดเลย (หลังจากนี้จะไม่มีภาพถ่ายนะคะ เนื่องจากเป็น รพ.ของรัฐ ห้ามถ่ายภาพ)บรรยากาศในห้องผ่าคลอด เรารู้สึกหนาวเย็นมาก ตื่นเต้น ทั้งเจ็บท้องมาเป็นระยะๆ ตามแขนก็มีแต่สายอะไรต่อมิอะไรเยอะแยะไปหมด หมอให้เรานั่งหย่อนขาลงเตียง ซึ่งเตียงในห้องคลอดมันเล็กมาก เราตัวอ้วนด้วย เต็มเตียงพอดี หมอฉีดยาบล็อกหลัง พอฉีดปุ๊บเรารู้สึกชาตั้งแต่ได้ราวนมลงไปจนปลายเท้า ได้ยินเสียงหมอพยาบาลบอกเราว่า ขยับขาช่วยหมอหน่อย (หมอน่าจะเช็คว่ายาออกฤทธิ์รึยัง) เราคิดในใจจะขยับยังไง ไม่รู้สึกอะไรแล้ว เพื่อนๆรู้ไหม บล็อกหลังปุ๊บ ความเจ็บท้องเราหายไปเลย หมอพยาบาลจัดการเอาเราไปนอนลงเตียง กางปีกเตียงออกให้แขนทั้งสองข้างวางลง เตียงเอ้ย คือน้อยแท้ 555 ขยับบ่ได้เลยเด้อ ระหว่างที่หมอทำการผ่าท้องเรานั้น เราไม่รู้สึกมีความเจ็บปวดอีกต่อไป เราเบลอยา สลึมสลือ มีอาการอยากหลับ ง่วงๆ มึนๆอึนๆ แต่ไม่หลับ เราบอกพยาบาลที่นั่งควบคุม คอยพูดคุยกับเราที่หัวเตียง ความกลัวว่าตัวเองจะตาย เราก็บอกพยาบาล "พี่หนูหายใจไม่ออก" ก็ได้ออกซิเจนมาครอบจมูก "พี่หนูจะอ้วก" ก็ได้กระโถน เป็นอยู่อย่างนั้นจนเวลาผ่านไป ตี 2.24 น. หมอบอกน้องออกมาแล้วนะคะ เอ๊ะ ไม่ได้ยินเสียงเลย สักพัก เสียงมา แว๊ๆๆๆๆๆๆ พยาบาลก็เอาลูกมาเช็ด มาดูดจมูก มาชั่งน้ำหนัก ปรากฎว่าน้องทำหนักไว้ดีมาก 3,840 กรัม เพศชาย เสียงก็เริ่มมาเรื่อยๆ (เสียงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ) จนหมอเย็บท้องเราเสร็จ หมอบอกว่าต่อไปคุณแม่ต้องลดน้ำหนักนะคะ เราเลยบอกหมอไปว่า "ไม่น่าจะได้แล้วค่ะหมอ ไม่ทันแล้ว"555 (หัวเราะ) คือเราไม่แน่ใจว่าเราได้ใส่สายฉี่ตอนไหน แต่ออกจากห้องผ่าคลอดคือมีถุงฉี่มาพร้อมแล้วนะคะ จากนั้นพยาบาลเข็นเราออกมารอที่ห้อง เพื่อรอเช็คลูกเราว่าสุขภาพร่างกายหลังคลอดดีไหม การหายใจปกติรึเปล่า ปลอดภัย ไม่มีภาวะแทรกซ้อน พร้อมตามแม่ไปห้องพักฟื้นไหม หมอบอกน้องโอเคนะแม่ เดี๋ยวแม่ไปห้องพักฟื้นหลังคลอด น้องไปพร้อมแม่ได้เลย เจ้าหน้าที่เปลมารอเข็นเตียงเราไปห้องพักฟื้นหลังคลอด สามีมาก็รอเจอเรากับลูกก่อนเข้าห้องพักฟื้น ตอนนั้นเราไม่ไหวแล้วอ่อนเพลียมากๆ สามีตามมาส่งที่ห้องพักฟื้นหลังคลอด เป็นห้องรวม เราผลอยหลับไป ตื่นขึ้นมารุ่งเช้า เราก็เห็นลูกเรานอนในรถเข็นข้างๆเราแล้ว เรามองลูกด้วยความปลื้มปิติ ดีใจมากๆ เจอกันสักทีนะลูก 15 ปี ที่แม่เฝ้ารอคอยเพื่อนๆเราอยากจะบอกว่า ใครที่กลัวการผ่าคลอด ไม่ต้องกลัวนะคะ เราผ่านมาแล้ว มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด คุณหมอพยาบาลที่เชี่ยวชาญดูแลเราและลูกให้ปลอดภัยแน่นอน ทำใจสบายๆนะคะ ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี บางทีคนที่รอคลอดเองในตอนแรก อาจจะร้องขอให้หมอผ่าคลอดให้เหมือนอย่างเราก็ได้ ความรู้สึกระหว่างการรอคลอด เจ็บ จำ ขึ้นใจจนวันตุยเลยก็ว่าได้ (แต่รายละเอียดบางประการเราอาจจะตกหล่นไปบ้าง ต้องขอภัยมาณ ที นี้ด้วยนะคะ) แต่นี่คือความรู้สึกและประสบการณ์ที่เราพบเจอมา หากว่าน้ำคร่ำไม่แตก หากว่าน้ำตาลไม่ขึ้น และหากว่าความดันไม่สูง และลูกเอาหัวลงเตรียมคลอด คงได้คลอดเองตามที่ตั้งใจไว้ ส่วนแม่ท่านใดที่จะคลอดเองหรือผ่าคลอดนั้น เราขอบอกเลยคุณสุดยอดมากจริงๆ ทั้งนี้ขอขอบคุณเพื่อนๆทุกคน ที่เข้ามาอ่านประสบการณ์ผ่าคลอดครั้งแรกในชีวิตของเรา และท้ายนี้ขอเป็นกำลังใจให้แม่ๆที่กำลังเตรียมคลอดทุกคน ให้คลอดง่ายๆ และปลอดภัยทั้งคุณแม่คุณลูกนะคะ สวัสดีค่ะภาพประกอบ: พัชราภรณ์ สีโยเฮียง (ครีเอเตอร์)ภาพปกโดย Natalia Olivera / Pexels เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !