ข้าวโพด (Corn, Maize) ไม่ใช่ผัก และผลไม้อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ถูกจัดให้เป็น ธัญพืช ซึ่งเป็นพืชล้มลุกจำพวกหญ้า ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ด ออกผลเป็นฝัก ถูกหุ้มด้วยกาบบาง ๆ หลายชั้น ฝักอ่อนจะมีสีเขียว แต่เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองนวล ลักษณะเป็นทรงกระบอก มีเมล็ดเรียงตัวกันเป็นระเบียบ ซึ่งข้าวโพดจะมีเมล็ดและสีแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ เช่น สีเหลือง สีม่วง สีขาว และสีนวล ข้าวโพดถูกแบ่งออกเป็น 7 ชนิด โดยจะแยกจากลักษณะของเมล็ด ได้แก่ ข้าวโพดไร่หัวบุบ, ข้าวโพดไร่ชนิดหัวแข็ง, ข้าวโพดหวาน, ข้าวโพดคั่ว, ข้าวโพดข้าวเหนียว, ข้าวโพดแป้ง และข้าวโพดป่า รู้หรือไม่ว่า ข้าวโพด นอกจากจะนำมาประกอบอาหาร เครื่องดื่ม และทำขนมแล้ว ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการมากมาย เช่น คาร์โบไฮเดรต โปรตีน วิตามินบี1 วิตามินบี 2 ฯลฯ อีกทั้งยังให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายของเราเยอะแยะมากมาย เราไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง คุณประโยชน์ของข้าวโพด 1. สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งเต้านมและมะเร็งตับ 2. ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อม 3. มีไฟเบอร์สูง ดีต่อระบบย่อยอาหาร ป้องกันอาการท้องผูกและมะเร็งลำไส้ 4. ช่วยลดคอเลสเตอรอล และป้องกันการสะสมไขมันในเลือดได้อีกด้วย 5. มีธาตุเหล็กสูง ช่วยป้องกันโลหิตจาง เหมาะมากกับผู้หญิงที่กำลังเป็นประจำเดือนอยู่ 6. ช่วยบำรุงเซลล์สมองและสมองส่วนกลาง ลดความเสี่ยงเป็นอัลไซเมอร์ ผู้สูงอายุควรกินข้าวโพดเป็นประจำ 7. ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เหมาะมากกับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน 8. ช่วยควบคุมความดันโลหิต และลดภาวะเครียดได้อีกด้วย 9. ช่วยบำรุงผิวพรรณ ทำให้ผิวสวยใส ด้วยการกินข้าวโพดสีเหลือง เพราะมีเบต้าแคโรทีน วิตามินซี ที่ช่วยบำรุง และเพิ่มคอลลาเจนให้กับผิวของเรา เป็นอย่างไรบ้างกับคุณประโยชน์ของข้าวโพดที่ผมนำมาฝากในวันนี้ อ่านแล้วแทบอยากจะหามาทานตอนนี้เลยใช่ไหม และนอกจากทำข้าวโพดต้ม หรือนึ่งแล้วนั้น ก็สามารถนำมาทำเมนูอื่น ๆ ได้หลากหลายเมนู เช่น ข้าวโพดคั่วหวาน ข้าวโพดปิ้งทาเนย น้ำนมข้าวโพด ข้าวโพดอ่อนผัดผักรวมมิตร แกงเลียง ข้าวโพดอ่อนชุบแป้งทอด สลัดผัก ฯลฯ ถึงแม้จะให้ประโยชน์และคุณค่าทางอาหารมากมายเพียงใดก็ไม่ควรรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินความจำเป็นของร่างกายนะครับ เพราะจะทำให้ร่างกายของเราได้รับแป้งและน้ำตาลในจำนวนมากเกินไป ส่งผลทำให้เป็นโรคอ้วนได้เช่นกัน ห้ามรับประทานข้าวโพดดิบเด็ดขาด เพราะจะทำให้ท้องอืด และเป็นผลเสียต่อร่างกาย ภาพประกอบโดย : ผู้เขียน