หลัง ๆ เรามักจะเห็นข่าวของดาราทั้งคนไทยและเกาหลีฆ่าตัวตายกันเยอะขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสาเหตุที่เรามักจะได้ยินคือ อาการป่วยจากภาวะซึมเศร้า ทั้งจะโดยรู้ตัวว่าป่วยหรือไม่รู้ตัวก็ตาม ซึ่งแม้จะได้รับการวินิจฉัยจากจิตแพทย์อย่างใกล้ชิดแล้วก็ตาม แต่สิ่งสำคัญอีกปัจจัยหนึ่งในการอยู่ร่วมกับผู้ที่มีภาวะโรคซึมเศร้าก็คือ การพูดคุยสื่อสารกันอย่างถูกต้อง เพราะผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้านั้นคือ อาการป่วยที่ส่งผลต่อภาวะความคิด การกระทำ การแสดงออกส่งผลไปในด้านทางลบ เช่น การมองโลกที่จากเป็นคนมองแง่บวกก็มีมุมมองต่อโลกที่เป็นไปในด้านลบไปเลย ดังนั้นการสื่อสารกับผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าแบบถูกวิธีจะช่วยให้ผู้ป่วยเองก็สบายใจและเราเองก็สบายใจในการสื่อสารอย่างเข้าใจกันอีกด้วย แม้จะไม่มีการระบุอย่างแน่ชัดว่าอะไรคือสาเหตุจริง ๆ ของการเกิดภาวะซึมเศร้า แต่ข้อแนะนำคือเพื่อน ๆ ควรจะไปพบคุณหมอจิตแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่าเราเองมีภาวะเริ่มต้นของการเกิดภาวะซึมเศร้าหรือไม่ ตามพฤติกรรมที่ค่อยเกิดขึ้นดังต่อไปนี้ ภาพถ่ายโดย Kat Jayne จาก Pexels 1. นอนไม่ค่อยหลับ กระสับกระส่าย 2. คิดวนไปวนมาซ้ำในเรื่องเดิม ๆ และย้ำคิดย้ำทำ 3. เครียดและร้องไห้ไม่หยุดแบบไม่มีสาเหตุ 4. เพลีย หมดแรง อยากนอนทั้งวัน 5. มีความคิดเรื่องอยากหายไปจากโลกนี้ 6. กิจกรรมที่เคยทำและชอบมาก ๆ อยู่ดี ๆ ก็ไม่อยากทำกิจกรรมนั้นอีกต่อไป หากเพื่อน ๆ พบว่าเริ่มมีอาการเหล่านี้กับตัวเอง ให้รีบพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยแต่เนิ่น ๆ และไม่ควรคิดไปเองว่า "ไม่เป็นไร" เพราะภาวะซึมเศร้านั้นคืออาการป่วย ไม่ใช่แผลตามร่างกายที่จะหายได้เองคะ 5 วิธีสื่อสารกับผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้า โดยเฉพาะคนในครอบครัว ภาพถ่ายโดย Engin Akyurt จาก Pexels 1. ไม่ควรกล่าวว่าเดี๋ยวมันก็จะผ่านไป จากประสบการณ์ของเราเองที่มีน้องที่สนิทป่วยเป็นภาวะซึมเศร้า เธอเล่าว่าสาเหตุของอาการป่วยของเธอมาจากครอบครัว ที่มักจะชอบเปรียบเทียบเธอกับคนอื่น ๆ จนเธอรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าและมักจะกดดันตัวเองอยู่เสมอ จนสุดท้ายกลายเป็นภาวะซึมเศร้าในที่สุด เธอเลยให้คำแนะนำเราว่า ภาวะซึมเศร้านั้นเป็นอาการป่วยที่ต้องให้ยารักษา ไม่ใช่เหตุการณืเลวร้ายในชีวิตที่จะปลอบใจกันได้ง่าย ๆ ว่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ฉะนั้นการให้คำแนะนำแบบนี้จะยิ่งทำให้คนที่มีภาวะเหล่านี้ยิ่งรู้สึกแย่ไปกว่าเดิม ข้อแนะนำคือ การรับฟังความรู้สึกของเขาอย่างตั้งใจไม่ตัดสิน โดยบอกผู้ป่วยว่าคุณอยู่ที่นี้กับเขาแล้วไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น และแนะนำให้ไปพบแพทย์อยู่เสมอจะเป็นวิธีการรักษาที่ถูกต้องที่สุด 2. หยุดการซ้ำเติม ต่อว่า (โดยเฉพาะกับคนในครอบครัว) การใช้ประโยคว่า เราบอกเธอแล้ว .... ฉันเตือนเธอแล้ว.... เห็นไหม ทำไมไม่ทำอย่างที่เธอ..... ถือเป็นประโยคต้องห้ามที่คนไม่ครอบครัวไม่ควรจะใช้เป็นอันขาด เพราะการป่วยด้วยโรคนี้ก็ยิ่งทำให้ผู้ป่วยรู้สึกกับตัวเองและสิ่งรอบตัวในด้านลบอยู่แล้ว การพูดประโยคลบในเชิงตอกย้ำความรู้สึกแม้เราจะไม่ตั้งใจจะยิ่งทำให้ผู้ป่วยรู้สึกแย่ยิ่งกว่าเดิม ดังนั้นการรับฟังและสังเกตผู้ป่วยอยู่ห่าง ๆ จะเป็นการช่วยให้ผู้ป่วยผ่อนคลายและสบายใจมากยิ่งขึ้น ภาพถ่ายโดย Christina Morillo จาก Pexels 3. บอกผู้ป่วยอยู่เสมอว่า หากต้องการคนคอยรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ สามารถมาคุยได้เสมอ การบอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจะผ่านพ้นไป จะยิ่งทำให้ผู้ป่วยรู้สึกเศร้ากว่าเดิม เพราะภาวะซึมเศร้านั้นคืออาการป่วย อีกทั้งผู้ป่วยที่มีภาวะนี้จะไม่สามารถก้าวผ่านความคิดด้านลบไปสู่ด้านบวกได้ด้วยตัวเอง แม้จะมีคำพูดจากคนรอบข้างคอยให้กำลัง นอกจากการรับประทานยาและไปพบหมอจนสภาพจิตใจดีขึ้นแล้วจึงจะสามารถสร้างกำลังใจให้ตัวเองได้อย่างปกติ ดังนั้นการเฝ้าสังเกตผู้ป่วย พร้อมทั้งรับฟังสิ่งที่ผู้ป่วยรู้สึก จะยิ่งช่วยเยียวยาความรู้สึกด้านลบข้างในออกมาได้ดี สำคัญที่ผู้รับฟังต้องเรียนรู้ที่จะปล่อยวางความรู้สึกเหล่านั้นออกไป ไม่ใช่อาจเก็บมาคิด มาเครียด จนอาจก่อเกิดเป็นภาวะซึมเศร้าไปด้วยอีก ภาพถ่ายโดย Lukas จาก Pexels 4. สื่อสารด้วยการถามไปเลยว่า ว่ามีอะไรให้ช่วยไหม กาเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการถามว่า มีอะไรให้เราช่วยไหม ถือเป็นบทสนทนาที่ดีที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย และสบายใจ แต่หากผู้ป่วยไม่รู้ว่าควรให้เราช่วยเหลืออย่างไรดี แนะนำว่าให้เราสังเกตการทำกิจกรรมต่าง ๆ ของผู้ป่วยแล้วเสนอตัวเข้าไปช่วยก็ได้ เช่น เมื่อเห็นผู้ป่วยกำลังทำอาหารหรือรดน้ำต้นไม้ คุณอาจเสนอตัวเข้าไปช่วยแล้วชวนคุยก็ได้ วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ป่วยเกิดความสบายใจและไม่จมอยู่กับความคิดของตัวเองมากจนเกินไป 5. บอกผู้ป่วยอย่างตรงไปตรงมาว่าการที่เขามีชีวิตอยู่นั้นมันสร้างแรงบรรดาลใจได้อย่างไร น้องที่เราสนิทป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเนื่องจากแรงกดดันจากครอบครัว ทำให้เธอมักจะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าและต่ำต้อย บางครั้งเธอมักพูดกับเราอยู่เสมอว่าการไม่มีตัวตนบนโลกใบนี้น่าจะดีกับครอบครัวของเธอมากกว่า โดยส่วนตัวนั้นเราชื่นชมเธอมาก ๆ เพราะเธอเอาพลังทั้งหมดที่มีไปทุ่มเทกับการออกกำลังกายอย่างหนักเหมือนเป็นสิ่งเดียวที่เธอรู้สึกว่าทำมันได้ดี ดังนั้นสิ่งที่เรามักจะทำคือ การชื่นชมเธอเรื่องการออกกำลังกายเพื่อให้เธอได้รู้สึกดีกับตัวเอง รวมไปถึงการรับฟังสิ่งที่เธอรู้สึกแย่กับตัวเองด้วย เลยทำให้เธอสามารถคุยเรื่องราวที่เธอรู้สึกอยู่ภายในออกมาจนเราเข้าใจปมข้างในใจของเธอ ซึ่งเวลาไปพบจิตแพทย์ก็จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย ทั้งหมดที่เราแนะนำมานี้เป็นเพียงการสื่อสารเบื้องต้นเท่านั้นนะคะ ซึ่งแต่ละเคสนั้นก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งสำคัญคือการไปพบจิตแพทย์อย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจดูอาการอย่างใกล้ชิด รวมไปถึงครอบครัวคนใกล้ชิดก็ควรไปพบคุณหมอด้วยเพื่อทราบวิธีการปฎิบัตตัวกับผู้ป่วยอย่างถูกวิธีคะ ภาพถ่ายโดย Christina Morillo จาก Pexels