รีเซต

PIAGET ปล่อยอัปเดคเวอร์ชั่นจากคอลเลกชั่น Possession กับการพลิกโฉมครั้งยิ่งใหญ่

PIAGET ปล่อยอัปเดคเวอร์ชั่นจากคอลเลกชั่น Possession กับการพลิกโฉมครั้งยิ่งใหญ่
FaiiNatnista
3 พฤษภาคม 2566 ( 16:15 )
112

     เพียเจต์ ปล่อยอัพเดทเวอร์ชั่นจากคอลเลกชั่น Possession อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้แบรนด์ได้หยิบเอาศาสตร์แห่งการทำทองด้วยมืออย่าง Palace Décor มาถ่ายทอดลงบนแหวนเป็นทีเซอร์ให้ได้เห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว เพื่อฉีกความท้าทายครั้งใหม่ เมซงได้ส่งมอบหัตถศิลป์สู่กำไลข้อมือในดีไซน์ที่แปลกตากว่าที่เคย ซึ่งแน่นอนว่าทุกชิ้นผ่านการตีความมาอย่างสร้างสรรค์ ทั้งยังสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ตามแบบฉบับของเพียเจต์ 

 

POSSESSION: A CHANGING ICON

     หากลองสำรวจสไตล์ไอเท็มจากคอลเลกชั่น Possession บอกเลยว่าแต่ละชิ้นสะท้อนรากเหง้าของแบรนด์และคาแรคเตอร์ด้านงานดีไซน์ออกมาได้อย่างเด่นชัดตั้งแต่แรกเห็น ไม่ว่าจะเป็น ศาสตร์ด้านการทำทองที่บ่มเพาะมาอย่างยาวนาน, น้ำหนักของวัสดุในสัดส่วนที่ออกแบบมาอย่างสมดุล, หินสีที่นิยมหยิบมาคอนทราสต์กับประกายทองของเครื่องประดับ, รูปแบบการฝังเพชรเม็ดกลางกับสไตล์ที่เป็นซิกเนเจอร์, วงขอบตัวเรือนด้านนอกทั้งสองด้าน ไปจนถึงกิมมิกที่เป็นไฮไลต์อย่างวงแหวนหมุนได้

     การส่งต่อสไตล์ที่โดดเด่นไปยังไลน์โปรดักส์ใหม่ โดยที่ยังคงคอนเซปต์และคาแรคเตอร์ไว้ ถือเป็นการผสมผสานตัวตนที่เด่นชัดในอดีตเข้ากับความน่าตื่นเต้นครั้งใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม ผลงานที่ได้จึงสะท้อนให้เห็นถึงดีเทลอันซับซ้อน ที่เมซงตั้งใจสอดแทรกลงบนชิ้นงานอย่างพิถีพิถัน ขณะเดียวกันสัมผัสเมื่อสวมใส่ก็ส่งมอบความรู้สึกที่หลากหลาย สร้างความประทับใจได้ตั้งแต่วินาทีแรก ทั้งยังชวนให้ดื่มด่ำในหัตถศิลป์ที่แต่งแต้มอย่างประณีตโดยเหล่าช่างฝีมือ – ขนาดที่พอเหมาะที่ให้คุณเพลิดเพลินไปกับการครีเอทสไตล์ – กลิ่นอายที่ชวนให้นึกถึงยุค 90s หน่อยๆ ไปจนถึงดีไซน์ที่ผสานไอเดียแสนขบถไว้อย่างลงตัว

 

 

     สำหรับเพียเจต์ นอกจากตัวตนของผู้สวมใส่จะสะท้อนจากคาแรคเตอร์ของเครื่องประดับแล้ว นิ้วที่เลือกสวมแหวนก็ยังแฝงไปด้วยนัยที่สื่อถึงปรัชญา “Always do better than necessary” เช่นกัน

  • นิ้วหัวแม่มือ – ด้วยกิมมิกของแหวน Possession ที่แบนด์กลางตัวเรือนออกแบบให้สามารถหมุนได้ การสวมแหวนที่นิ้วนี้จึงชวนให้รู้สึกผ่อนคลายไปกับ movement ที่คุณสามารถสปินให้เข้ากับจังหวะของอารมณ์ ณ ขณะนั้น
  • นิ้วชี้ – แสดงออกถึงคาแรคเตอร์ที่โดดเด่นในแต่ละวัน
  • นิ้วกลาง – สื่อถึงความกล้าที่จะสนุกและปลดปล่อยตัวตนไปกับสิ่งใหม่
  • นิ้วนาง – นิ้วที่สื่อความหมาย ทั้งยังเข้ากับแหวนได้หลากหลายสไตล์อย่างเป็นธรรมชาติ แม้แต่ดีไซน์ที่เรียบง่ายบางเฉียบก็ตาม
  • นิ้วก้อย – สื่อถึงตัวตนที่ขี้เล่น มีเสน่ห์ และดึงดูดสายตาให้มาจับจ้อง

     โมเมนต์ขณะแบนด์กลางตัวเรือนของแหวน Possession กำลังหมุน เป็นช่วงเวลาที่ให้เราปลดปล่อยความคิดอย่างอิสระและได้จดจ่อกับตัวเอง เป็นการย้ำเตือนถึงวันวานที่เปี่ยมสุข ขณะที่จังหวะหมุนกลับ ห้วงความคิดใหม่ ๆ ก็เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว – Possession จึงเปรียบเหมือนเป็นเครื่องรางติดตัวก็ว่าได้ ที่ให้คุณครีเอทช่วงเวลาที่แสนพิเศษด้วยตัวเอง ซึ่งเครื่องประดับ Possession แต่ละชิ้นมาพร้อมดีไซน์และการตกแต่งที่ต่างกันออกไป อาทิ เลือกประดับเพชรเป็นอัญมณีหลักเพียงชนิดเดียว หรือเข้าคู่กับแซฟไฟร์ที่ไล่เรียงเฉดสีได้อย่างงดงาม, ร้อยเรียงด้วยอัญมณีหลากชนิดในเฉดสีรุ้ง, การคอนทราสต์หินสีล้ำค่ากับดีเทลเรียบหรูของทองคำ ไปจนถึงการสร้างลวดลายอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยหัตถศิลป์ที่แบรนด์เชี่ยวชาญ อย่าง Palace Décor แต่ถ้ามองแบบขยายความตามชื่อเรียกและดีเอ็นเอ คาแรคเตอร์ของคอลเลกชั่น การฝังเพชรเม็ดกลางแบบ “half-moon setting” สามารถเรียกว่า Possession ได้เช่นกัน เพราะประกายงามของเพชรถูกไฮไลต์ให้โดดเด่นด้วยทองคำทรงครึ่งวงกลม 2 ชิ้น ที่มีลักษณะคล้ายวงเล็บ ซึ่งเมซงมีความตั้งใจที่จะสื่อถึงการครอบครองตามชื่อเรียกของคอลเลกชั่นนั่นเอง

     ขณะที่การประดับเพชรบนตัวเรือนที่แกะสลักลวดลายแบบ Palace Décor ก็ทำได้หลากหลายลุค ไม่ว่าจะเป็น 
การฝังเพชร 1 เม็ดวงแหวนหมุนได้ดีไซน์เรียบเกลี้ยง ก่อนวางลงบนตัวเรือนแบบ Palace Décor ด้วยเทคนิคเฉพาะของแบรนด์ โดยเพชรที่ใช้ถูกปรับแต่งให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อให้ความระยิบระยับสอดรับกับประกายของลวดลายจาก Palace Décor ได้อย่างพอเหมาะ ขณะที่ดีไซน์ที่มาพร้อมวงแหวนหมุนได้ 2 แถว จะใช้ขนาดตัวเรือนที่ต่างกันเพื่อเพิ่มมิติให้เด่นชัดและดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น

 

 

     นอกเหนือจากแหวนแล้ว กำไลข้อมือจากคอลเลกชั่น Possession ล่าสุด ก็มีให้เลือกถึง 3 เวอร์ชั่น 
ทั้งแบบตัวเรือนไวท์โกลด์และโรสโกลด์ ทุกสไตล์มาพร้อมกิมมิกวงแหวนหมุนได้ขนาดเล็ก ซึ่งตกแต่ง
ดีเทลแตกต่างกันไปในแต่ละรุ่น อาทิ 

  • ประดับเพชร 1 เม็ด
  • ประดับเพชร 1 เม็ด บนแบนด์กลางตัวเรือน ก่อนขนาบข้างด้วยดีเทลของเพชรแถวเดี่ยวทั้ง 2 ข้าง

     ที่สำคัญลวดลายจากเทคนิค Palace Décor สร้าความโดดเด่นให้กับชิ้นงานเป็นอย่างมาก เพราะเมซงได้สอดแทรก ดีเทลเหล่านี้ลงไปบนองค์ประกอบที่หลากหลาย อาทิ ตัวเรือนหลัก, วงแหวนหมุนได้ขนาดเล็ก นอกจากนี้เพื่อให้สัมผัสของ Possession เป็นหนึ่งเดียว เมซงยังให้ช่างทองออกแบบกลไกเปิดปิดที่แยบยล ด้วยการซุกซ่อนสปริงขนาดจิ๋วไว้ด้านใน ซึ่งนอกจากจะมองไม่เห็นแล้ว ยังช่วยให้เพลินเพลินกับการปรับแต่งลุคได้อย่างไม่ติดขัด

 

 

A MAJOR CHALLENGE: MOVING TOWARDS FULLY INTEGRATED PRODUCTION

     ทิศทางของเพียเจต์ภายใต้การดูแลของ เบนจามิน โคมาร์ ในฐานะซีอีโอ เป็นที่แน่ชัดว่าเขาเดินหน้าพัฒนาเมซง
อย่างเต็มกำลังและรอบด้านในระยะเวลาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา โดยหนึ่งในเป้าหมายหลักคือการปรับโครงสร้างองค์กร ณ พื้นที่โรงงานที่ Plan-Les-Ouates ซึ่งตั้งอยู่ในเขตชานเมืองของเจนีวา ซึ่งเบื้องหลังของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เพื่อต้องการเพิ่มกำลังการผลิตและส่งมอบสถานที่ที่สามารถสร้างสรรค์ชิ้นงานจิวเวลรี่ใหม่ๆ ได้แบบครบวงจรแน่นอนว่าเขาและทีมสามารถปรับโครงสร้างทั้งในพาร์ทการออกแบบและขั้นตอนการผลิตทั้งหมดของแบรนด์ได้สำเร็จ นับเป็นความท้าทายอย่างแท้จริงที่พวกเขาสามารถจัดการได้ทันเวลา เพื่อเตรียมฉลองครบรอบ 150 ปีในฤดูใบไม้ผลิปี 2024 ที่กำลังจะมาถึง

     สำหรับเพียเจต์ ความเชี่ยวชาญของเหล่าช่างฝีมือเก่าแก่ที่หาไม่ได้ที่ไหนในโลก คือหนึ่งในคีย์แห่งความสำเร็จที่เมซงภาคภูมิใจ แต่ถึงอย่างนั้นทุกอย่างก็มีข้อจำกัดในตัวเอง ดังนั้นการเร่งหาหนทางเพื่อสนับสนุนทักษะเหล่านี้ให้ส่งต่อไปยังเจนเนอเรชั่นถัดไป หรือแม้แต่การเฟ้นหาเหล่าผู้เชี่ยวชาญหน้าใหม่ที่กล้านำเสนอไอเดียนอกกรอบ แต่ยังคงไว้ซึ่งดีเอ็นเอของแบรนด์ จึงเป็นสิ่งที่เมซงไม่ได้นิ่งนอนใจ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่ต้อง
จับตา ก็เหมือนกับเมื่อครั้งที่คาแรคเตอร์ที่เคยปรากฎให้เห็นจนคุ้นตาบนไฮจิวเวลรี่ ถูกนำไปถอดรหัสบนชิ้นงานใหม่จนสามารถพบเห็นทั่วไปในชีวิตประจำวัน ซึ่งการจะทำเช่นนี้ได้ แบรนด์ได้หยิบแรงบันดาลใจมาจากเพลง 
Fly Me to the Moon อันโด่งดังของแฟรงก์ ซินาตรา เพื่อเป็นแรงกระตุ้นให้กับทีมสามารถพิชิตเป้าหมายหรือดวงดาวในเวลาที่ตั้งใจ

     หากมองย้อนกลับปี 1874 แม้ขณะนั้นเพียเจต์จะเป็นเพียงโรงงานผลิตชิ้นส่วนกลไกแต่แบรนด์แทบไร้คู่ต่อสู้ – เพราะทุกชิ้นส่วนและกลไกคุณภาพสูงที่พัฒนาขึ้น ล้วนถูกกว้านซื้อโดยบริษัทผู้ผลิตนาฬิกาชั้นนำในแถบนั้น เพื่อนำไปรังสรรค์เรือนเวลาของตนเองทั้งสิ้น จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ เหล่านั้นผนวกกับความกระตือรือร้นของเหล่าช่างฝีมือที่ต้องการถ่ายทอดทักษะอันเชี่ยวชาญและความความคิดนอกกรอบลงบนชิ้นงานใหม่ ๆ ผลงานจิวเวลรี่ของเพียเจต์จึงค่อย ๆ เป็นที่รู้จักมากขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือไอคอนนิคไอเท็มจากคอลเลกชั่น Possession อย่าง กำไลข้อมือที่โดดเด่นด้วยการผสมผสานทั้งเทคนิค รูปแบบการนำเสนอ และไอเดียที่แสนขบถของเมซงไว้ด้วยกัน ผลงานทุกชิ้นถูกคำนวนอย่างละเอียดรอบคอบ ทั้งยังขัดแต่งด้วยความเชี่ยวชาญขั้นสูง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อส่งมอบผลลัพธ์ที่เต็มไปด้วยความกลมกล่อมทั้งในแง่สัมผัสและสัดส่วนที่เป็นเลิศให้กับผู้สวมใส่นั่นเอง

 

 

POSSESSION PALACE DÉCOR: UNBRIDLED CREATIVITY

     Palace Décor หัตถศิลป์เก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ปี 1961 หนึ่งในลายเซ็นที่สร้างชื่อให้กับเพียเจต์ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากเทคนิคการแกะสลักลวดลายกิโยเช่ที่นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตนาฬิกา ปัจจุบันถูกนำมาใช้กับจิวเวลรี่ด้วยเช่นกัน เพื่อเพิ่มเอกลักษณ์ให้น่าจดจำและนำเสนอประกายงามของทองคำให้ดูเจิดจรัสมากที่สุดแม้ในที่ที่มืดมิดที่สุด – เรียกว่าเป็นหยิบเอาความหาญกล้ามาบรรจบกับความเชี่ยวชาญในแบบฉบับของแบรนด์ได้อย่างยอดเยี่ยม แม้การนำเอา Palace Décor มาถอดรหัสลงบนชิ้นงานในคอลเลกชั่น Possession จะไม่ใช่เซอร์ไพรส์ที่คาดไม่ถึง แต่เรียกได้ว่าเป็นการพลิกโฉมของ Possession ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ และนี่คือตัวตนของคอลเลกชั่น Possession  ที่เราอยากเชื้อเชิญให้คุณได้รู้จัก

     ทุกไอเท็มจาก Possession มีความสง่างามไร้กาลเวลา ทั้งยังหลอมรวมความโมเดิร์นและความร่วมสมัยไว้ในหนึ่งเดียว วัสดุที่นำมาใช้มีน้ำหนักเบา, รังสรรค์โดยช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญ, ดึงดูดความสนใจด้วยภาพลักษณ์ที่สะดุดตา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ Possession จะเป็นไอเท็มที่ใคร ๆ อยากครอบครอง

     กล่าวได้ว่า หากการซึมซับความเชี่ยวชาญเป็นวิถีในการสร้าง emotion ให้กับชิ้นงานนั้น ๆ หัตถศิลป์ชั้นเลิศ อย่าง Palace Décor ก็สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ทางศิลปะที่ถูกพัฒนาขึ้นในอเตลิเยร์ – เนื้อทองคำก็เช่นกัน ยามเมื่อถูกแกะสลัก ลวดลายที่เกิดขึ้นแม้จะไม่สม่ำเสมอ แต่เส้นสายแต่ละอันกลับเชื่อมโยงกันไว้ราวกับจังหวะการเต้นของหัวใจ ชวนให้เราปลดปล่อยตัวตนอย่างอิสระ เปี่ยมสุข และเป็นเจ้าของจังหวะชีวิตของตนเองอย่างแท้จริง 

 

บทความที่เกี่ยวข้อง